ตอนที่ 698 ไม่ยอมพบนาง

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 698 ไม่ยอมพบนาง

หลังจากที่ฟางหลิงซู่กลับมาต้าโจวก็ทำให้เกิดความมิพอใจไปทั่วแคว้น

แต่เขาก็ยังต้องทำในสิ่งที่เป็นการพิสูจน์ความสามารถของตน เมื่อฟางหลิงซู่มาถึงต้าโจวได้มินานก็มีการขุดเหมืองขนาดใหญ่หลายแห่ง จากนั้นเขาก็ทำคุณประโยชน์มากมายให้แก่ราชสำนัก

ซึ่งความจริงแล้วสิ่งที่เขาทำล้วนเป็นสิ่งที่อันหลิงเกอเคยบอกเอาไว้ทั้งสิ้น

และเขาก็พบว่าปัญญาของอันหลิงเกอมิด้อยไปกว่าบุรุษ นางเป็นคนที่มองการณ์ไกลทั้งยังมีไหวพริบและความเด็ดขาด

เมื่อนึกถึงอันหลิงเกอแล้ว ฟางหลิงซู่ก็อดยิ้มออกมามิได้ ตอนที่นางอยู่ข้างกายก็มีอิทธิพลต่อเขามาก ทำให้เขาซึมซับไปโดยมิรู้ตัวจริง ๆ

ฟางหลิงซู่จึงรู้สึกว่าทุกสิ่งที่กระทำคุ้มค่าแล้ว หากทำเพื่ออันหลิงเกอแม้จะต้องทำมากกว่านี้ ทุ่มเทกว่านี้และมิว่าต้องใช้เวลานานเพียงใด เขาก็พร้อมที่จะรอนาง !

จากผลงานที่ทำตอนนี้ส่งผลให้ฟางหลิงซู่มีผู้สนับสนุนในต้าโจวมิน้อย ทุกพื้นที่มักจะมีกลุ่มคนที่เชื่อถือและชื่นชมในผู้มีความสามารถ แต่ก็มีกลุ่มที่ยึดติดกับสายเลือดและชาติกำเนิดเช่นกัน

ผู้ที่คอยสนับสนุนฟางหลิงซู่คือเชื่อถือและชื่นชมในความสามารถของเขาซึ่งผู้สนับสนุนเหล่านั้นก็จะติดตามเขาไป

หลังงานเลี้ยงในวันนั้นจบลง ฟางหลิงซู่ก็มิได้ไปรบกวนอันหลิงเกอและก็ไม่ได้ไปหามู่จวินฮานที่จวนอ๋องมู่เช่นกัน

เพราะเขารู้ดีว่าการกระทำทุกอย่างในตอนนี้จักนำพาปัญหาไปสู่อันหลิงเกอ

ส่วนความสัมพันธ์ของอันหลิงเกอและมู่จวินฮานก็ดีขึ้นมาก ไร้ความเข้าใจผิดกันเช่นแต่ก่อนอีก ไม่มีการทำร้ายซึ่งกันและกัน สำหรับอันหลิงเกอแล้วถือเป็นเรื่องดียิ่งนัก

แม้ฟางหลิงซู่มิได้มาเยี่ยมเลย แต่อันหลิงเกอมิอาจปล่อยวางเรื่องภายในใจลงได้และไปหาฟางหลิงซู่ที่หอพิษกู่เองอยู่หลายครั้ง แต่ฟางหลิงซู่มิยอมให้อันหลิงเกอเข้าพบสักครั้ง

ที่ผ่านมาหอพิษกู่ล้วนเปิดต้อนรับนาง ทว่าบัดนี้เหล่าองครักษ์ขัดขวางนางทุกครั้งไป อันหลิงเกอรู้ว่านี่เป็นคำสั่งของฟางหลิงซู่ แต่มิรู้ว่าเหตุใดเขาจึงไม่ยอมพบนางเช่นนี้

หรือเขายังตำหนินางในเรื่องที่ผ่านมาอยู่อีก ? อันหลิงเกอมิอาจเข้าใจการกระทำของเขาจึงทำให้นางอยากพบฟางหลิงซู่ยิ่งนัก

แต่ที่ฟางหลิงซู่มิยอมพบนางก็เพราะไม่อยากให้ตนใจอ่อน เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงเลือกตัดใจมิไปพบนางแทน !

หลายครั้งที่ผ่านมาอันหลิงเกอยังมิได้เข้าพบฟางหลิงซู่เพราะองครักษ์หอพิษกู่เข้มงวดยิ่งนัก นางจึงไร้โอกาสที่จะเข้าไปข้างในได้ อันหลิงเกอทำได้เพียงผิดหวังแล้วตามชิงเฟิงขึ้นรถม้าเพื่อกลับจวนอ๋องมู่

มินานรถม้าก็มาถึงประตูจวน อันหลิงเกอที่เพิ่งลงจากรถม้าจึงยังมิเห็นว่าตอนนี้มู่จวินฮานยืนหน้าเข้มอยู่กับทัวป๋าถิงฟางที่มีสีหน้าสะใจตรงหน้าประตูจวน

หลายวันมานี้ทัวป๋าถิงฟางสังเกตเห็นว่าอันหลิงเกอแปลกไปจึงส่งคนให้คอยติดตามก็พบว่าที่จริงแล้วทุกวันอันหลิงเกอจะไปหาฟางหลิงซู่ที่หอพิษกู่

วันนี้เมื่อใกล้ถึงเวลาที่อันหลิงเกอจะกลับมา ทัวป๋าถิงฟางก็สั่งให้องครักษ์ไปรายงานมู่จวินฮาน

เดิมทีมู่จวินฮานก็หึงหวงอันหลิงเกอมากอยู่แล้ว ทว่าด้วยกลัวจะเสียหน้าจึงมิได้ไปตามนางที่หอพิษกู่ด้วยตนเอง ทำได้เพียงยืนรออันหลิงเกอกลับมาอยู่ที่ประตูจวน ส่วนอันหลิงเกอที่เพิ่งลงจากรถม้าจึงยังมิรู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น

อันหลิงเกอมิได้พบฟางหลิงซู่จึงรู้สึกผิดหวังมิน้อย เมื่อลงจากรถม้าแล้วเห็นมู่จวินฮานยืนอยู่ที่หน้าประตูจวนจึงคำนับแล้วเดินอ้อมเขาไปเพื่อเข้าจวน

“ช้าก่อน” มู่จวินฮานรั้งอันหลิงเกอเอาไว้ สายตาที่ดูอันตรายของเขาทำให้อันหลิงเกอเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา นางจึงหยุดยืนตรงนั้นมิได้ขยับไปไหน

“ชิงเฟิง เจ้าเป็นองครักษ์ของจวนอ๋องมู่ ข้าถามหน่อยว่าวันนี้พระชายาไปที่ใดจึงมีท่าทางเหนื่อยล้าเช่นนี้ หากเจ้าบอกมิได้ ข้าจะลงโทษเจ้า ! ”

น้ำเสียงของมู่จวินฮานที่เอ่ยถามเต็มไปด้วยการข่มขู่ทำให้ทุกคนตกตะลึง เวลานี้อันหลิงเกอจึงรู้สึกตัวขึ้นมา มู่จวินฮานคงรู้ว่านางไปหาฟางหลิงซู่มาเป็นแน่ถึงได้โมโหและเค้นเอาความจริงกับชิงเฟิงเช่นนี้

“เรียนท่านอ๋อง พระชายาแค่ไปที่จวนโหวมาขอรับ” ชิงเฟิงรู้ว่าตอนนี้ระหว่างมู่จวินฮานและอันหลิงเกอมิควรเกิดเรื่องเข้าใจผิดกัน เขาจึงพูดโกหกออกไป

“หืม ? วันนี้ทางจวนโหว…มิใช่ว่าออกไปไหว้พระกันหรอกหรือ ? ” ทัวป๋าถิงฟางมองอันหลิงเกออย่างเย้ยหยันขณะเดียวกันก็มองไปที่มู่จวินฮาน

แต่เวลานี้ทัวป๋าถิงฟางพบว่าสายตาของมู่จวินฮานกำลังจับจ้องมาที่ตนอย่างพิจารณาคล้ายกำลังสงสัยอันใดบางอย่าง

มู่จวินฮานคิดว่าทัวป๋าถิงฟางกำลังใส่ร้ายอันหลิงเกอจึงหันไปมองเช่นนั้น

เขาจ้องทัวป๋าถิงฟาง ส่วนอันหลิงเกอก็พอจะเข้าใจอันใดบ้างแล้ว นางรู้ว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับทัวป๋าถิงฟางอย่างแน่นอน ตอนนี้มองแล้วคงเป็นแผนการที่วางไว้ !

สายตาของมู่จวินฮานแฝงไว้ด้วยความสงสัยและการตำหนิ ทัวป๋าถิงฟางมิรู้ว่าเกิดอันใดขึ้น แค่ชิงเฟิงเอ่ยออกมามิกี่คำก็ทำให้มู่จวินฮานเชื่อแล้วหรือ

“ท่านอ๋อง…” ทัวป๋าถิงฟางเอ่ยอย่างขุ่นเคือง นางกลัวมู่จวินฮานเพราะเขามีอารมณ์รุนแรง ตอนนี้เหมือนเขามิค่อยพอใจในการกระทำของนางอย่างยิ่ง

“มิต้องพูดมาก เจ้ากลับไปได้แล้ว” จากนั้นมู่จวินฮานก็มิได้กล่าวอันใดกับทัวป๋าถิงฟางอีก แค่เบนสายตาหนีเพื่อเป็นสัญญาณให้กลับเรือนไป

ทัวป๋าถิงฟางก็รู้ว่าขืนกล่าวต่อไปมีแต่จะทำให้มู่จวินฮานคิดว่านางเป็นคนผิดจึงมิได้เอ่ยอันใดต่ออีกและเดินเข้าจวนไปด้วยความมิพอใจ

ส่วนมู่จวินฮานรู้ว่าเข้าใจอันหลิงเกอผิดไปจึงมิได้ตำหนิอันใดนางอีก แค่พาอันหลิงเกอกลับไปพักผ่อนที่เรือนฝูหลิงเท่านั้น

แต่ในตอนที่เขากำลังจะหมุนตัวไปนั้น มู่จวินฮานกลับเห็นดอกท้อร่วงลงจากหลังคาของรถม้าพอดี

ทำให้คิ้วของมู่จวินฮานขมวดทันที หากจำมิผิดคือหน้าประตูหอพิษกู่มีสวนดอกท้อใหญ่ที่สุดในต้าโจวตั้งอยู่

เนื่องจากฟางหลิงซู่ชื่นชอบดอกท้อเป็นอย่างมาก ผู้ใดต่างก็รู้กันดี เขาจึงปลูกดอกท้อที่มาจากชิงเยว่เอาไว้มากมายตรงหน้าประตูหอพิษกู่ ชาวต้าโจวหลายคนที่มิเคยเห็นจึงพากันไปชื่นชมความงาม

ดังนั้นทั้งต้าโจวนอกจากพื้นที่รกร้างภายในวังหลวงที่มีอยู่ไม่กี่ต้นแล้วก็มีแค่หน้าประตูหอพิษกู่เท่านั้น

พื้นที่รกร้างภายในวังหลวงนั้นหาใช่ที่ซึ่งอันหลิงเกอจะไป

ทันใดนั้นดวงตาของมู่จวินฮานก็มีเปลวไฟโทสะลุกโชนขึ้นมา แต่เขามิได้แสดงมันออกมาตรงนี้ เพราะทำเพียงลากอันหลิงเกอเดินไปทางเรือนฝูหลิง อันหลิงเกอก้าวตามมู่จวินฮานแทบมิทันและทำให้ในใจของนางเกิดความตระหนกขึ้นมา

เมื่อครู่อันหลิงเกอรู้สึกร้อนรนมาก หากมิใช่เพราะชิงเฟิงออกหน้าช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้ก็เกรงว่านางคงเผยพิรุธออกมาแล้ว แต่ตอนนี้มู่จวินฮานโมโหถึงเพียงนี้ หรือว่าเขาจะรู้อันใดเข้า ?

เมื่อคิดได้เช่นนั้น อันหลิงเกอก็เร่งเดินตามมู่จวินฮานจนมาถึงที่เรือน พอเข้าประตูเรือนมาแล้ว มู่จวินฮานก็หันไปลงกลอนประตูเอาไว้ จากนั้นก็ลากอันหลิงเกอไปที่เตียงทันที