ตอนที่ 699 พิษหึง

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 699 พิษหึง

“เจ้ายังอาลัยอาวรณ์ฟางหลิงซู่อยู่หรือ ! ” คำพูดนี้ของมู่จวินฮานเป็นการดูถูกอันหลิงเกอยิ่งนัก เดิมทีคิดว่าเขาและอันหลิงเกอเข้าใจกันดีแล้วเสียอีก

คาดมิถึงว่านางจะลอบไปพบฟางหลิงซู่ลับหลังเขามาโดยตลอด อีกทั้งมิรู้ว่าทำเรื่องไม่ควรด้วยหรือเปล่า

เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว ในใจของมู่จวินฮานก็โกรธขึ้นมาราวกับมีไฟแผดเผาอยู่

“จวินฮาน ข้ามิได้ทำ” อันหลิงเกอมิยอมรับ ตอนนี้ในแววตาของมู่จวินฮานรู้สึกเหมือนกำลังเหยียดหยามนาง ดวงตาของเขาลุกโชนไปด้วยไฟโทสะ

ก่อนหน้านี้มู่จวินฮานพูดเองมิใช่หรือว่าเขารู้สึกติดค้างฟางหลิงซู่ !

“เกอเอ๋อนะเกอเอ๋อ สายตาของเจ้ามีข้าอยู่บ้างหรือไม่ ! ” น้ำเสียงของมู่จวินฮานเต็มไปด้วยความโกรธ พลันเขาก็นึกถึงงานเลี้ยงวันนั้นขึ้นมาอีก มิว่าจะเป็นไป๋หลี่เฉินหรือฟางหลิงซู่ต่างก็มีความปรารถนาต่ออันหลิงเกออย่างชัดเจน

อันหลิงเกอเป็นชายาของเขาแล้วจะยอมให้ผู้อื่นมาปรารถนาในตัวนางได้อย่างไร ตอนนี้ความโกรธของเขาได้ปะทุเพิ่มมากขึ้นแต่ก็ยังระงับมันเอาไว้

“วันนี้ข้าไปหาฟางหลิงซู่ก็จริง แต่…” อันหลิงเกออยากอธิบายให้มู่จวินฮานฟังแต่พูดยังมิทันจบก็ถูกเขาปิดปากไว้เสียก่อน

“เจ้าคิดถึงมันเพียงนั้นเชียวหรือ ! ” มู่จวินฮานกล่าวจบก็มิได้เปิดโอกาสให้อันหลิงเกออธิบายอีก เขาดึงนางขึ้นมาโดยมิสนใจว่านางจะปฏิเสธหรือต่อต้านอย่างไรแล้วผลักนางลงกับเตียง

การกระทำของมู่จวินฮานช่างหยาบคายและรุนแรงยิ่งนัก บนเตียงนอนมิได้นุ่มนวล ตอนนี้อันหลิงเกอรู้สึกราวกับทั้งร่างจะแหลกสลาย ร่างกายของนางโดยรังแกอยู่บนเตียงจนเจ็บระบมไปหมด

แต่อันหลิงเกอก็กัดฟันเอาไว้มิให้ส่งเสียงร้องออกมา มู่จวินฮานจะปล่อยให้นางสมหวังได้เยี่ยงไร ยิ่งนางมิร้องออกมา เขาก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น

ทำให้ท้องและหลังของอันหลิงเกอเป็นแผลหลายจุด แต่มู่จวินฮานก็มิได้หยุด เขายังคงรังแกนางและมองนางเจ็บปวดอยู่เช่นนั้น

ภายในใจของอันหลิงเกอทรมานมากและนางรู้ว่าทุกสิ่งที่ทำลงไปได้ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

อันหลิงเกอยังคงกลั้นเสียงเอาไว้แต่ความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้สติของนางเริ่มเลือนราง ท้องน้อยของนางก็รู้สึกเจ็บเป็นระลอกจนทำให้หายใจมิออก

แต่มู่จวินฮานราวกับมิได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของนาง เขายังทรมานนางมิหยุด มองใบหน้าที่เจ็บปวดของนางแต่หาได้หยุดการกระทำของตนไม่

ตอนนี้สีหน้าของอันหลิงเกอซีดเผือดเรื่อย ๆ ช่วงล่างกายก็เริ่มมีเลือดไหลออกมาจนมู่จวินฮานรับรู้ได้ก็สายเกินไปเสียแล้ว

บนเตียงนอนเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด ต้นขาด้านในของอันหลิงเกอก็มีเลือดไหลออกมาเช่นกัน มู่จวินฮานรีบลุกขึ้นก่อนจะใช้ผ้าห่มคลุมนางเอาไว้และรีบไปเรียกท่านหมอเข้ามา

มู่จวินฮานถึงขั้นมิทันได้แต่งตัวให้เรียบร้อยเสียด้วยซ้ำ เขาเพียงหยิบชุดมาคลุมไว้อย่างลวก ๆ แล้วรออยู่ตรงนั้น

อันหลิงเกอหมดสติไปแล้ว มิว่าเขาเรียกเช่นไรนางก็ไม่ฟื้น

มู่จวินฮานรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัดพลางมองใบหน้าที่ซีดขาวของนาง ริมฝีปากที่ถูกกัดจนแตก เล็บที่จิกลงบนที่นอนนั้นอีก นางเจ็บปวดถึงเพียงนี้เชียวหรือ

ผ่านไปมินานหมอหลวงก็มาถึง นอกจากนี้ยังมีทัวป๋าถิงฟางที่ตามมาด้วย

เมื่อครู่หลังจากทัวป๋าถิงฟางได้ยินอาการของอันหลิงเกอก็รีบตามหมอหลวงมาทันที ระหว่างทางนางก็มิลืมที่จะสั่งการบางอย่างไว้

เป็นไปได้อย่างไร อันหลิงเกอตั้งครรภ์อีกแล้วหรือ ?

หมอหลวงตรวจชีพจรของอันหลิงเกอครู่หนึ่งก็ขมวดคิ้ว ผ่านไปนานก็คลายออก ส่วนมู่จวินฮานรออยู่ด้านข้างอย่างร้อนใจ มิรู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่

“ยินดีกับท่านอ๋องด้วย พระชายาตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้วขอรับ” สีหน้าของหมอหลวงเต็มไปด้วยความยินดีก่อนจะคุกเข่าลงและเอ่ยกับมู่จวินฮานอย่างรีบร้อน

หากนับวันแล้วตอนนี้บุตรคนเล็กก็เลยช่วงให้นมมา เช่นนั้น…

“เหตุใดจึง…” มู่จวินฮานยังกล่าวมิจบก็ไม่จำเป็นต้องถามต่อ หากมิใช่เพราะการกระทำอันหยาบคายของเขาเมื่อครู่ หากมิใช่เพราะสิ่งที่เขาทำลงไป เกอเอ๋อจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ?

“ท่านอ๋อง มิเป็นไรขอรับ ข้าน้อยสั่งยาบำรุงให้แล้ว อีกมินานพระชายาก็จะดีขึ้นเอง” กล่าวเสร็จหมอหลวงก็จัดสมุนไพรจากกล่องยาของตนแล้ววางไว้ที่โต๊ะ จากนั้นจึงเตรียมออกไป

ตอนนั้นเองสีหน้าของทัวป๋าถิงฟางก็แข็งค้าง นางคิดว่ามู่จวินฮานจะทันสังเกตแต่คาดมิถึงว่า…ยังมิทันที่นางจะผิดหวัง มู่จวินฮานก็ขมวดคิ้วมุ่น

“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าตั้งครรภ์กี่เดือน ? ” ตอนแรกมู่จวินฮานเป็นห่วงอันหลิงเกอ แต่เมื่อนึกถึงที่หมอหลวงกล่าวเมื่อครู่ว่าอันหลิงเกอตั้งครรภ์ได้กี่เดือน…

“เรียนท่านอ๋อง ประมาณสองเดือนครึ่งขอรับ ! ” ท่านหมอลอบสบตากับทัวป๋าถิงฟาง

หลังจากนั้นก็ตอบอย่างเกรงกลัวและมิกล้าเงยหน้ามองมู่จวินฮาน

“เอาล่ะ พวกเจ้าออกไปได้” หลังมู่จวินฮานได้ยินดังนั้นจิตใจก็สับสนไปหมดจึงมิได้สังเกตเห็นท่าทีระหว่างหมอหลวงและทัวป๋าถิงฟาง ก่อนจะโบกมือให้พวกเขาออกไป

ทัวป๋าถิงฟางรู้ว่ามู่จวินฮานต้องเข้าใจอย่างแน่นอนจึงมิได้เอ่ยสิ่งใดอีก เพียงลอบยิ้มกับตนเองและเดินออกไปพร้อมหมอหลวง

รอจนถึงหน้าประตู ทัวป๋าถิงฟางจึงหยิบถุงเงินออกมาจากกระเป๋าแขนเสื้อแล้วมอบให้ท่านหมอผู้นั้น

มิว่าเรื่องใดก็สามารถใช้เงินซื้อได้โดยง่าย ท่านหมอผู้นี้ก็หาได้มีมโนธรรมไม่จึงพูดโกหกออกมาได้อย่างหน้ามิอาย

ส่วนมู่จวินฮานที่อยู่ในห้องกำลังสับสนอย่างหนัก เมื่อครู่หมอหลวงบอกว่าสองเดือนครึ่งจึงทำให้เขาเกิดความสงสัยขึ้นมา

เวลานั้นเขายุ่งกับการจัดการเรื่องของหมู่เฟยอยู่ มิได้…

ชั่วขณะหนึ่งมู่จวินฮานก็มิรู้ว่าควรตัดสินใจเช่นไรดี แต่ที่บังเอิญก็คือฟางหลิงซู่ได้มาขอเยี่ยมในตอนนั้นพอดี

มู่จวินฮานที่กำลังหงุดหงิดอยู่ เมื่อได้ยินชื่อของฟางหลิงซู่ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น

ฟางหลิงซู่ได้มารออยู่ที่ห้องโถงและกำลังสับสนเช่นกันเพราะเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจวนอ๋องมู่เมื่อครู่ เขาเองก็รู้ดี

เขามาที่นี่ก็เพื่อสร้างความเข้าใจผิดระหว่างทั้งสองคนให้มากยิ่งขึ้น แต่เมื่อนึกถึงอันหลิงเกอแล้ว ในใจเขาก็รู้สึกทนมิได้ ดังนั้นเขาจึงลังเลอยู่

ทันทีที่มู่จวินฮานเดินเข้ามาและเห็นหน้าฟางหลิง เขาก็ปล่อยหมัดใส่ฟางหลิงซู่ที่ยังมิทันได้ตั้งตัว ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ความโกรธในใจของฟางหลิงซู่ระเบิดออกมา ทั้งสองแลกหมัดแลกเท้ากันไปมา ผ่านไปเนิ่นนานกว่าที่จะหยุดลง

ตอนนี้มู่จวินฮานนึกถึงแต่เรื่องของฟางหลิงซู่และอันหลิงเกอ เมื่อเห็นหน้าฟางหลิงซู่แล้วความโกรธจึงถูกปลดปล่อยออกมา ส่วนฟางหลิงซูที่เกิดความลังเลอยู่เมื่อครู่พอถูกมู่จวินฮานทำเช่นนี้ก็อดโมโหขึ้นมามิได้จึงโพล่งออกมาว่า

“ข้ามาพาอันหลิงเกอไปจากที่นี่ เรื่องที่ผ่านมาของพวกเราเป็นเรื่องจริง และเมื่อเป็นเช่นนี้ท่านอ๋องก็หลีกทางเสียเถิด ! ”