ตอนที่ 700 สร้างความเข้าใจผิด
เสียงของฟางหลิงซู่เต็มไปด้วยโทสะ คำเหล่านี้ราวกับยืนยันความสงสัยทั้งหมดภายในใจของมู่จวินฮานได้เป็นอย่างดี แต่ตอนนี้ความโกรธของมู่จวินฮานก็กำลังพลุ่งพล่านเช่นกัน หาได้รู้ไม่ว่านี่เป็นสิ่งที่ฟางหลิงซู่ตั้งใจยั่วยุ
“เป็นเรื่องจริงหรือ ? ”
มู่จวินฮานได้ยินฟางหลิงซู่กล่าวเช่นนี้ก็ยิ่งโกรธมากกว่าเดิมหลายเท่าและติดกับดักที่ฟางหลิงซู่วางเอาไว้ แม้ภายในใจของมู่จวินฮานจะโมโหเพียงใดก็ไม่มีทางปล่อยให้อันหลิงเกอจากไปโดยง่ายเช่นกัน !
ฟางหลิงซู่เมื่อได้ยินมู่จวินฮานกล่าวเช่นนี้ก็รู้ว่าอีกฝ่ายเชื่อคำโกหกเมื่อครู่เข้าแล้วจึงลอบยิ้มอยู่ในใจ มู่จวินฮานกำลังโดนโทสะครอบงำจนเชื่อไปหมดทุกอย่าง แต่กลับมิเชื่อใจอันหลิงเกอ
“เหตุใดท่านต้องบังคับฝืนใจผู้อื่น” ฟางหลิงซู่แสร้งเอ่ยออกมาช้า ๆ ยิ่งทำให้มู่จวินฮานเชื่อคำโกหกมากขึ้นไปอีก
เด็กคนนั้น…
มู่จวินฮานรู้ว่าอันหลิงเกอรู้สึกผิดต่อฟางหลิงซู่มาโดยตลอด หรือว่าหลังจากที่ฟางหลิงซู่ตื่นขึ้นมาแล้วทั้งสองคน…
“มิต้องพูดมาก เชิญเจ้ากลับไปได้แล้ว” มู่จวินฮานจากไปโดยมิหันมามองฟางหลิงซู่อีก ตอนนี้มือของเขากำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ เห็นได้ชัดว่าโมโหมากเพียงใด
ฟางหลิงซู่ก็รู้ดีว่าตอนนี้พูดไปก็ไร้ประโยชน์จึงเดินออกไปเช่นกัน
เดิมทีเขาก็มิได้คิดพาอันหลิงเกอไปตอนนี้เพราะนางยังมิตัดใจจากมู่จวินฮาน ต่อให้ได้ตัวนางไปก็ไร้ค่า เขาจึงอยากรอจนกว่าอันหลิงเกอหมดรักมู่จวินฮานเสียก่อน
ขณะเดียวกันฟางหลิงซู่ก็ทำให้อันหลิงเกอรู้สึกไร้ค่าไปด้วย เพราะมู่จวินฮานไม่ได้เชื่อใจนางแม้แต่น้อย ตอนนี้ผู้ใดกล่าวมิกี่ประโยคก็ทำให้เขาสงสัยในตัวนางได้แล้ว
ส่วนอันหลิงเกอที่กำลังฝันอยู่นั้นก็ราวกับฝันถึงเรื่องที่ตนได้ประสบในชาติก่อน…
อันหลิงเกอยังมิทันหลุดออกจากความฝัน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน องครักษ์ที่เดินเข้ามาได้ถือยาที่กำลังร้อนถ้วยหนึ่งมาด้วย ส่วนมู่จวินฮานที่เดินตามมาด้านหลังยังสวมชุดสีดำเช่นเคย บัดนี้อันหลิงเกอรู้สึกว่าสีหน้าของเขาดูเข้มยิ่งกว่าเสื้อตัวนั้นเสียอีก
อันหลิงเกอมิได้รับยาถ้วยนั้นมาและมู่จวินฮานก็มิได้เอ่ยสิ่งใด นางรู้ว่าต้องมิใช่ยาบำรุงแน่นอน
เห็นท่าทางหวาดระแวงของอันหลิงเกอแล้ว มู่จวินฮานก็คิดว่านางคงรู้แล้วจึงมิได้อธิบายและสนทนาในสิ่งที่ไร้ประโยชน์อีก แค่ยกถ้วยนั้นส่งให้อันหลิงเกอ
“ดื่มแล้วเจ้าก็อยู่ที่จวนนี้ต่อไป” น้ำเสียงของมู่จวินฮานเย็นชาถึงเพียงนั้น หาได้มีความรู้สึกใดไม่ ราวกับความอ่อนโยนก่อนหน้านี้เป็นภาพมายาก็มิปาน
“นี่คือยาอันใด ? ” ความจริงอันหลิงเกอก็พอเดาออก แต่นางมิอยากเชื่อว่าเขาจะทำเช่นนี้ นางจึงเงยหน้ามองไปยังมู่จวินฮานเพื่อรอคำอธิบาย
“เจ้าคิดว่าตั้งครรภ์กับผู้อื่นแล้วหวังว่าข้าจะมอบยาบำรุงให้อีกหรือ ? ” น้ำเสียงของมู่จวินฮานเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม เขามองอันหลิงเกออยู่เยี่ยงนั้นก่อนจะกวักมือเรียกองครักษ์สามสี่คนเข้ามากดนางไว้
“อึก” มือของมู่จวินฮานข้างหนึ่งถือยาถ้วยนั้นไว้ ส่วนอีกข้างก็บีบไปที่กรามของนางอย่างแรงเพื่อให้เปิดปากออกก่อนจะกรอกยาลงไป ดวงตาของอันหลิงเกอเบิกกว้างและมีน้ำตาไหลออกมาทันที
นางมิรู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอันใดขึ้น แต่ต้องสูญเสียลูกไปแล้ว !
มิรู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน อันหลิงเกอจึงผลักมู่จวินฮานออกแล้ววิ่งไปทางประตู
ทว่าเมื่อครู่ยาครึ่งถ้วยลงไปถึงท้องของนางแล้ว เพียงวิ่งได้มิกี่ก้าวอันหลิงเกอก็รู้สึกปวดที่ท้องน้อยขึ้นมาเป็นระลอกและที่ตามมาก็คือโลหิตได้ไหลทะลักออกมา เลือดสีแดงฉานไหลลงตามต้นขาของนางจนถึงพื้นมิหยุด
โลหิตที่ไหลออกมามิหยุดทำให้อันหลิงเกอหมดแรงลงเรื่อย ๆ แต่นางทำได้เพียงมองบุตรที่โดนบิดาแท้ ๆ สังหารอย่างเลือดเย็น
“อ๊ะ ! ” ดวงตาของอันหลิงเกอบวมแดง น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุดเช่นกัน เสียงร้องที่แหบแห้งนั้นเป็นเสียงสุดท้ายของนางที่มู่จวินฮานได้ยิน ช่างน่าเวทนายิ่งนัก
อีกด้านหนึ่ง รถม้าของฟางหลิงซู่ยังไปได้มิไกล ตอนนั้นราวกับว่าเขาได้ยินเสียงกรีดร้องของอันหลิงเกอจึงเปิดม่านและหันไปมองอีกครั้ง แต่จวนอ๋องมู่ยังคงสงบเงียบเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น
ฟางหลิงซู่จึงขมวดคิ้วมุ่น สุดท้ายก็สั่งให้คนบังคับรถม้ากลับไปที่หอพิษกู่ เขาเพียงคิดว่าเมื่อครู่คงหูแว่วไปเองเท่านั้น เกรงว่าหากย้อนกลับไปอีกเขาจะต้องใจอ่อนเป็นแน่
“พาพระชายาไปส่งที่หอพิษกู่ ! ” มู่จวินฮานมิอยากเห็นหน้าอันหลิงเกออีก เขามิได้ทำตามที่กล่าวไว้เมื่อครู่ว่าจะให้นางอยู่ที่จวนต่อ แต่สั่งรถม้าพานางไปส่งให้ฟางหลิงซู่
ขณะที่รถม้าออกจากจวน ฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก แต่รถม้ามิได้หยุดพักและยังคงมุ่งหน้าไปยังหอพิษกู่เช่นเดิม
ส่วนหัวใจของมู่จวินฮานก็ปวดร้าวเช่นกัน
ฟางหลิงซู่และเกอเอ๋อ…
อันหลิงเกอยังคงมิได้สติ แม้น้ำฝนจะไหลเข้ามาในรถม้านางก็หาได้รู้ไม่และกำลังจมดิ่งอยู่ในฝันร้าย อย่างไรก็มิอาจตื่นขึ้นมาได้
สุดท้ายรถม้าก็มาหยุดที่ประตูหอพิษกู่และมีเพียงคนขับรถม้าที่กลับไปรายงานจวนอ๋องมู่โดยทิ้งอันหลิงเกอไว้พร้อมรถม้าเช่นนั้น
ตอนนี้จวนอ๋องมู่ไม่มีอันหลิงเกออีกแล้ว ทุกคนต่างก็ทราบข่าวนี้
ทัวป๋าถิงฟางรู้สึกดีใจมาก นางอยากกำจัดอันหลิงเกออยู่แล้ว คาดมิถึงว่ามู่จวินฮานจะโหดเหี้ยมและเด็ดขาดมากเพียงนี้ !
เช่นนี้แล้วภายในจวนก็จะมีนางเป็นนายหญิงเพียงคนเดียวและในใจของมู่จวินฮานก็จะมีนางคนเดียวด้วย
ส่วนอันหลิงเกอยังอยู่ในรถม้าที่หนาวเย็นภายใต้สายฝนโหมกระหน่ำ ทว่าร่างกายของนางร้อนผ่าวและเลือดยังคงไหลมิหยุด
ขณะที่ฝนโปรยปราย เลือดจากร่างของอันหลิงเกอก็ไหลออกมาตามช่องว่างของรถม้าอย่างต่อเนื่องแล้วหยดลงพื้น
แต่องครักษ์ของหอพิษกู่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด พวกเขามิกล้านำรถม้าที่ไม่ทราบที่มาเข้าไปในหอพิษกู่โดยพลการและไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้รถม้าคันนั้นด้วย
ตอนนี้สถานการณ์ของฟางหลิงซู่อยู่ในช่วงกลืนมิเข้าคายมิออก หากมีผู้ประสงค์ร้ายก็อาจก่อปัญหาให้เขามิน้อย ดังนั้นเหล่าองครักษ์จึงต้องคอยระวังอย่างมาก
กว่าที่ฟางหลิงซู่จะออกมาพบรถม้า เวลาก็ผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว ตอนที่เห็นรถม้านั้นเลือดที่ไหลลงพื้นได้จับตัวเป็นก้อนและมิรู้เพราะเหตุใดลางสังหรณ์ของเขากำลังบอกว่ามีสิ่งเลวร้ายรออยู่
เมื่อเห็นเลือดที่เป็นก้อนบนพื้น ฟางหลิงซู่ก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาจนมิกล้าเปิดม่านออก องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างจึงเข้าไปช่วยเปิดม่านของรถม้าให้เขาเสียเอง
เสี้ยวเวลาที่ภาพตรงหน้าปรากฏสู่สายตา ฟางหลิงซู่ก็ได้แต่ยืนนิ่งมิอาจขยับเขยื้อนได้
ตอนนี้อันหลิงเกอขดตัวอยู่ในรถม้า ร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยโลหิต อีกทั้งช่วงล่างของนางยังมีเลือดไหลลงมาตามขามิหยุด
ร่างกายของนางบอบบางเพียงนั้น แล้วเลือดที่เห็นนี้มาจากไหนตั้งมากมายเล่า ?
ฟางหลิงซู่รู้สึกเวียนศีรษะขึ้นมาก่อนจะใช้มือค้ำรถม้าเอาไว้ ตอนนี้ร่างของอันหลิงเกอเต็มไปด้วยเลือดสีแดงจนมองสีเดิมของเสื้อผ้ามิออกแล้ว