เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 646
ลู่ฝานถอนหายใจเบาๆ ดูเหมือนห้องที่สร้างจากหินห้องนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นหลุมศพของคนคนนี้

เมื่อมองโครงกระดูกอย่างละเอียด ธรรมดาทั่วไปมาก ไม่มีของล้ำค่าอะไร ไม่มีพลังอะไรเหลืออยู่ ไม่มีเครื่องประดับยืนยันตัวตนอีกด้วย

อู่คงหลิงพูดว่า “ปล่อยฉันลง ให้ฉันดูเขาหน่อย”

ลู่ฝานได้ยินก็วางอู่คงหลิงลงบนพื้น

อู่คงหลิงมองโครงกระดูกอย่างละเอียด เหมือนจะมองบางอย่างจากโครงกระดูก

ลู่ฝานกลับมองกำแพงด้านหน้า มังกรโลหิตสามหัว

เขาเคยได้ยินสัตว์อสูรชนิดนี้

พูดให้ถูกคือ อันที่จริงมังกรสามหัวก็อยู่ในมังกรประเภทหนึ่ง

ในมนุษย์เผ่ามังกร มังกรโลหิตสามหัวถูกเรียกว่าสัตว์เทพ

ถ้ามังกรโลหิตสามหัวตัวนี้ มีชีวิตอยู่ได้หลายร้อยจนเป็นพันปี ไม่แน่อาจกลายร่างเป็นมังกรบินเก้าหัวในตำนานก็ได้

นั่นเป็นสัตว์อสูรที่ทำลายล้างโลกอย่างแท้จริง เป็นสัตว์อสูรไร้เทียมทานในตำนานโบราณ

ลู่ฝานยืนมือไปลูบศพของมังกรโลหิตสามหัว

ความรู้สึกเย็นยะเยือก ทำให้ลู่ฝานเย็นไปทั้งตัว

ลู่ฝานชักมือกลับมาทันที ความเย็นนี้ คล้ายกับโลหิตเย็นด้านบนมาก

อย่าบอกนะว่าโลหิตเย็นเป็นเลือดของมังกรโลหิตสามหัว

ลู่ฝานรู้สึกเหลือเชื่อ มังกรโลหิตสามหัวตัวนี้ มีเลือดเยอะขนาดไหน ถึงเต็มทะเลสาบแบบนั้น

ทันใดนั้น ลู่ฝานคิดได้ว่าเจ้าดำสามารถหดตัวให้ใหญ่หรือเล็กได้

งั้นมังกรโลหิตสามหัวตัวนี้ ก็สามารถขยายตัวให้ใหญ่ขึ้นได้ จึงมีเลือดเยอะขนาดนั้นไหลออกมา

เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา ก็ไม่สามารถห้ามได้ ลู่ฝานลองทำท่าทาง เลือดเต็มทั้งทะเลสาบ ตัวต้องพอๆ กับกุยวัว อาจใหญ่กว่ากุยวัวด้วยซ้ำ

สัตว์อสูรมีตัวใหญ่ขนาดนี้ ไม่ได้หาเรื่องง่ายๆ ซัดนักบู๊แดนปราณฟ้าสัก 1-2 คน คงไม่ใช่ปัญหา

ลู่ฝานหันมามองโครงกระดูกที่นั่งอยู่บนพื้น

ถ้าเขาเป็นคนฆ่ามังกรโลหิตสามหัว งั้นพละกำลังของผู้อาวุโสคนนี้ อย่างน้อยต้องระดับแดนปราณฟ้าขึ้นไป

จู่ๆ ลู่ฝานรู้สึกเลื่อมใสและเคารพผู้อาวุโสคนนี้มาก

ไม่ว่าผู้อาวุโสคนใดเสียสละสู้กับสัตว์อสูร ล้วนเป็นฮีโร่ของมนุษย์

เพราะการมีอยู่ของพวกเขา จึงทำให้สัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง ไม่เข้าไปในถิ่นของมนุษย์

ลู่ฝานไม่กล้าใช้มือลูบอีก ไม่โดนโลหิตเย็นแช่แข็งตาย แต่โดนศพของมังกรโลหิตสามหัวแช่แข็งตาย เป็นเรื่องตลกมาก

อู่คงหลิงยังจ้องโครงกระดูก จู่ๆ เธอพูดว่า “ลู่ฝาน นายมานี่ มีอักษรอยู่บนมือขวาของเขาใช่ไหม”

ลู่ฝานได้ยินก็รีบชะโงกเข้าไปดู

เมื่อมองตามอู่คงหลิง ลู่ฝานเห็นตรงมือขวาของโครงกระดูกมีคำว่าแดน

เหมือนอักษรนี้สลักด้วยมีด ลึกถึงกระดูก

ลู่ฝานขมวดคิ้วพูดว่า “แดนเหรอ หมายความว่าอะไร ชื่อของเขาหรือคำพูดสุดท้ายของเขา หรือไม่ได้หมายถึงอะไรเลย”

อู่คงหลิงส่ายหน้า “ไม่รู้ นายคิดว่ายังไงล่ะ”

ลู่ฝานดูอย่างละเอียด จู่ๆ เขารู้สึกว่าตัวอักษรดูมีความลึกลับ

ตอนเขาฝึกเพลงเต๋าหนึ่งเดียว ที่คณะหนึ่งเดียว ก็เคยเห็นตัวอักษรนี่ในการถ่ายทอด

อักษรคำว่าแดนให้ความรู้สึกเหมือนเพลงเต๋าหนึ่งเดียวในตอนนั้น

แต่ไม่ว่าลู่ฝานจะพยายามยังไง ก็ไม่เหมือนตอนที่ฝึกเพลงเต๋าหนึ่งเดียวในตอนนั้น เข้าไปในพื้นที่ถ่ายทอด

ผ่านไปนาน ลู่ฝานพูดว่า “พูดยาก พูดไปไม่ดี ไม่พูดดีกว่า”

อู่คงหลิงมองลู่ฝานอย่างสงสัย แววตาวูบไหว

“จะทำยังไงต่อ”

อู่คงหลิงเห็นลู่ฝานไม่มีท่าทีจะอธิบาย จึงเปลี่ยนเรื่องทันที