บทที่ 374 หมู่บ้านในเมือง

รักหวานอมเปรี้ยว

“สำหรับเรื่องนี้ พวกเราได้ทำการตรวจสอบแล้วจริง ๆ จากภาพกล้องวงจรปิดในชุมชนคอนโดพราวฟ้า รวมทั้งภาพกล้องวงจรปิดนอกเขตชุมชนคอนโดพราวฟ้า พวกเราเห็นคนคนนี้นั่งแท็กซี่มา พอมาถึงคอนโดพราวฟ้าแล้ว คนคนนี้ก็เฝ้าอยู่ข้าง ๆ สระว่ายน้ำกลางแจ้งของชุมชนมาตลอด จนคุณมายมิ้นท์ออกมา ถึงได้ออกจากสระว่ายน้ำ แล้วติดตามอยู่ข้างหลังคุณมายมิ้นท์ รอจนตอนที่ลอบทำร้ายคุณมายมิ้นท์เสร็จก็จากไปด้วยรถแท็กซี่เหมือนกัน” ตำรวจทั้งสองนายพูดขึ้น

มายมิ้นท์กัดริมฝีปากเอาไว้ “นั่งรถแท็กซี่ทั้งมาทั้งไป นี่ตกลงคนคนนี้นี่รอบคอบหรือว่าหละหลวมกันแน่?”

จะพูดว่าหละหลวมนั้น ก็ยังรู้จักปกปิดตัวเองจนมิดชิดเป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้โดนสืบค้นเจอ

แต่ถ้าจะบอกว่ารอบคอบ แต่กลับนั่งแท็กซี่ไปอย่างโจ่งแจ้งจนเปิดเผยการเคลื่อนไหว นี่มันทำให้คนคาดเดาไม่ออกเลยว่าคนคนนั้นคิดอะไรอยู่กันแน่

“ในเมื่อนั่งรถแท็กซี่ทั้งมาและไป งั้นกล้องวงจรปิดก็น่าจะจับภาพทะเบียนรถไว้ได้ซิ งั้นพวกคุณก็น่าจะรู้ว่าคนคนนั้นขึ้นรถมาจากไหน แล้วไปลงรถที่ไหนใช่ไหม?” เปปเปอร์เม้มริมฝีปากขึ้น

“ใช่ครับ เราไปหาคนขับรถแท็กซี่สองคนนั้นมา เพราะว่าคนคนนี้แต่งตัวได้ค่อนข้างประหลาด เพราะฉะนั้นคนขับรถทั้งสองคนต่างก็จำได้แม่นยำมาก คนคนนี้โบกรถมาจากห้างสรรพสินค้าทางภาคเหนือ สุดท้ายไปลงรถที่หมู่บ้านในเมืองทาง城西”

“หมู่บ้านในเมือง!” ดวงตาของลาเต้เป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย “หรือว่าคนคนนั้น จะพักอยู่ที่หมู่บ้านในเมืองเหรอ?”

“แน่นอนว่าพวกเราก็เคยคิดถึงความเป็นไปได้นี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็เลยได้ส่งตำรวจนอกเครื่องแบบไปสืบค้นแล้ว แต่เพราะว่าทางหมู่บ้านในเมืองไม่มีกล้องวงจรปิด เพราะฉะนั้นเรื่องเวลาอาจจะค่อนข้างนานหน่อย” ตำรวจทั้งสองนายพูดขึ้น

การันต์แตะแว่นตาเล็กน้อย “ผมคิดไม่ออก ทำไมคนคนนี้จะต้องมาจากห้างสรรพสินค้าด้วยล่ะ? ทางโน้นห่างจากคอนโดพราวฟ้า เกือบ ๆ หลายสิบกิโลเมตรเลยนะ”

ปัญหานี้ ก็เป็นปัญหาที่มายมิ้นท์รู้สึกสงสัยอยู่ด้วยเหมือนกัน

เปปเปอร์จ้องมองไปที่นายตำรวจทั้งสอง “พวกคุณเองก็น่าจะตรวจสอบมาแล้วใช่ไหมครับ?”

นายตำรวจทั้งสองพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ครับ พวกเราได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าแล้ว ภาพทางนั้นพบว่าคนคนนี้ปรากฏตัวมาถึงห้างตอนเที่ยง พอปรากฏมาแล้ว ก็อยู่ที่ห้องโถงใหญ่ของชั้นหนึ่งในห้างมาตลอด จนถึงเวลาห้าโมงเย็น คนคนนี้ก็ไปเข้าห้องน้ำ พอออกมาแล้วก็ออกจากห้างไปโบกรถเลย แล้วไปที่คอนโดพราวฟ้า แต่สำหรับเรื่องที่คนคนนี้ไปถึงห้างได้ยังไงนั้น พวกเราก็สืบค้นไม่เจอแล้ว”

“สืบค้นไม่เจอเหรอ? กล้องวงจรปิดรอบ ๆ ห้างไม่ได้ถ่ายติดเธอเลยเหรอ?” ลาเต้พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ

นายตำรวจทั้งสองส่ายหน้าอย่างรู้สึกผิด “คุณลาเต้คุณพูดได้ตรงจริง ๆ เราได้ดูกล้องวงจรปิดรอบ ๆ ห้างหมดแล้ว แต่ก็ไม่เห็นเงาคนคนนี้จริง ๆ ฉะนั้นคนคนนี้ เหมือนกับว่าอยู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาในห้างยังไงอย่างงั้น”

“คนคนนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว!” เปปเปอร์หรี่ตาลง น้ำเสียงเชื่อมั่นเป็นอย่างมาก “ไม่ใช่ว่ากล้องวงจรปิดรอบ ๆ ห้าง จะจับภาพของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ แต่เป็นเพราะว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าชุดนั้น ฉะนั้นพวกคุณก็เลยดูไม่ออก ซึ่งก็หมายความว่า คนคนนี้เข้าไปในห้างแล้วถึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อเป็นแบบนี้ ก็จะสามารถอธิบายการปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหันได้แล้ว”

“เอ่อ…….” ตำรวจทั้งสองนายตกตะลึงไป

เพราะว่าจุดนี้ พวกเขานึกไม่ถึงจริง ๆ

พวกเขาก็หงุดหงิดอยู่เหมือนกันว่าตกลงคนคนนี้ปรากฏตัวออกมาได้ยังไง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีการเปลี่ยนเสื้อผ้าในตอนหลัง

“ผมเห็นด้วยกับความคิดของประธานเปปเปอร์ครับ” การันต์กอดอกพูดขึ้น

ถึงลาเต้จะไม่ชอบขี้หน้าเปปเปอร์ แต่ว่าคราวนี้ กลับไม่ยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามอย่างหาได้ยาก เพราะว่าเขาเองก็เห็นด้วยเหมือนกัน

มายมิ้นท์หรี่ตาครุ่นคิดไป แล้วอยู่ ๆ ก็ถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง “พวกคุณมีสัดส่วนรูปร่างอันนั้น จะสามารถเอาวิธีการตัดออกมาใช้ แล้วมาล็อกตัวผู้ต้องสงสัยได้หรือเปล่าคะ?”

ตำรวจทั้งสองนายยังไม่ทันได้ตอบ เปปเปอร์ก็ตอบเธอขึ้นมาก่อนแล้วว่า “ไม่ได้ จำนวนผู้คนในห้างมันเยอะเกินไป ผู้คนที่น้ำหนักและส่วนเท่ากัน จะต้องมีจำนวนนับไม่ถ้วนแน่ ไม่มีทางล็อกตัวได้หรอก!”

“ประธานเปปเปอร์พูดถูก ถ้าเกิดจะล็อกตัวจริง ๆ อย่างน้อยก็ต้องมีหลายร้อยคน แล้วในคนหลายร้อยคนนี้ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นประชาชนที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ มีโอกาสเป็นไปได้ที่ส่วนใหญ่อาจจะเป็นคนของพื้นที่อื่นในเมืองเดอะซี หรือว่ามาจากเมืองอื่นด้วย เพราะฉะนั้นพวกเราไม่สามารถที่จะไปหาให้ครบทุก ๆ บ้านได้ แบบนั้นการทำงานจะยิ่งใหญ่มากเลย” ตำรวจทั้งสองนายเองก็พูดขึ้น

มายมิ้นท์เงียบขรึมไป

ลาเต้ตบบ่าของเธอเล็กน้อย อย่างปลอบใจเธอ “ไม่เป็นไรยาหยี คนคนนั้นลงรถที่หมู่บ้านในเมืองไม่ใช่เหรอ? หล่อนแต่งตัวแบบนั้น ผู้คนรอบข้างจะต้องมองเห็นกันเยอะแน่นอน พวกเราจะต้องจับตัวหล่อนได้แน่ ๆ”

มายมิ้นท์พยายามคลี่มุมปากออกเล็กน้อย ฝืนยิ้มออกมาอันหนึ่ง และตอบอืมไปคำหนึ่ง

“เวลาก็ผ่านมานานมากแล้ว พวกเราจะไม่รบกวนคุณมายมิ้นท์พักผ่อนแล้ว ขอตัวกลับสถานีตำรวจก่อนนะครับ ถ้ามีอะไรคืบหน้า พวกเราจะแจ้งให้คุณทราบทันทีนะครับ” ตำรวจทั้งสองนายลุกขึ้นมา

มายมิ้นท์พยักหน้าให้เล็กน้อย “ได้ค่ะ รบกวนพวกคุณด้วยนะคะ ค่อย ๆ ไปนะคะ เต้ ช่วยส่งคุณตำรวจทั้งสองหน่อยซิ”

“ได้” ลาเต้ตอบตกลง และส่งทั้งสองคนออกไป

ในห้องพักผู้ป่วย ก็เหลือแต่พวกมายมิ้นท์ทั้งสามคนแล้ว

เปปเปอร์จ้องมองเธอ “กำลังคนของทางตำรวจไม่พอ ถ้าจะไปถามประชากรในหมู่บ้านในเมือง จะต้องใช้เวลานานแน่กว่าจะได้บทสรุป เพราะฉะนั้นจากนี้ผมจะส่งคนออกไปชุดหนึ่ง เพื่อไปช่วยทางตำรวจสอบถามด้วย เชื่อว่าต้องได้รับผลสรุปอย่างรวดเร็วแน่นอน”

มายมิ้นท์เม้มปากเล็กน้อย “เปปเปอร์ คุณไม่ต้องแทรกแซงเรื่องของฉันได้ไหมคะ? กว่าฉันจะชดใช้หนี้บุญคุณคุณไปได้ครั้งหนึ่ง ยังมีที่ไม่ได้ชดใช้ให้อีกมากมาย เพราะฉะนั้นฉันก็เลยไม่อยากจะยิ่งติดค้างยิ่งเยอะอีกต่อไปแล้ว”

ชดใช้หนี้บุญคุณมาให้เขาครั้งหนึ่งเหรอ?

แววตาของเปปเปอร์มีแววแปลกใจกะพริบผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง

ทำไมเขาถึงไม่ค่อยเข้าใจนะ

แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เปปเปอร์หรี่ตาลงพูดเสียงเรียบขึ้นว่า “ที่ผมทำเรื่องพวกนี้ ไม่ใช่เพราะต้องการให้คุณมาติดหนี้บุญคุณผม เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องมาคืนผม ผมก็แค่อยากจะทำอะไรเพื่อคุณหน่อยเฉย ๆ”

“แต่ว่าฉันไม่ต้องการ เปปเปอร์ ฉันไม่ต้องการ คุณฟังเข้าใจไหม?” มายมิ้นท์ตบผ้าห่มทีหนึ่งอย่างโกรธเคืองขึ้นมา

ที่ด้านข้าง การันต์กำลังพิงกำแพงที่เยือกเย็นอยู่ และดูละครไปอย่างสนุกสนาน

เปปเปอร์นั่งลงตรงข้างเตียงผู้ป่วย แล้วจ้องมองเธออย่างจริงจัง “ไม่ คุณต้องการผม ตอนนี้คุณยังแข็งแกร่งไม่พอ ยังปกป้องตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นคุณจึงต้องการให้มีคนคอยอยู่เบื้องหลังคุณ!”

“แต่ว่าคนคนนั้น เป็นเต้ก็ได้ เป็นราเม็งก็ได้ แต่ไม่มีทางที่จะเป็นคุณแน่นอน” ถึงมายมิ้นท์จะมองไม่เห็นเขา แต่แววตาก็ยังมั่นคงเป็นอย่างมาก

ในใจของเปปเปอร์รู้สึกเป็นทุกข์อยู่บ้าง แต่บนใบหน้ากลับดูอะไรไม่ออก “แต่ว่าลาเต้กับราเม็งไม่มีความสามารถพอที่จะปกป้องคุณได้ตลอด พละกำลังของพวกเขายังไม่เพียงพอ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ในเมื่อฉันไม่เคยหวังที่จะพึ่งพวกเขามาทำให้ตัวเองยิ่งใหญ่ขึ้น เพราะฉะนั้นเปปเปอร์ เก็บความตั้งใจของคุณกลับไปซะ ฉันยังคงยืนยันคำเดิม ว่าไม่ต้องการให้คุณมาแทรกแซง ฉันจะรู้สึกเบื่อเลยมากนะคะ!” มายมิ้นท์พูดเตือนเธอไปด้วยเสียงเยือกเย็น

เปปเปอร์ไม่โกรธแต่กลับยิ้ม “พูดอย่างกับว่าถ้าผมไม่ยื่นมือเข้ามาแทรก คุณก็จะไม่เบื่อผมอย่างงั้นแหละ”

“……” มุมปากของมายมิ้นท์กระตุกขึ้นทีหนึ่ง คำพูดนี้เธอไม่มีทางที่จะโต้เถียงได้เลย

พอเห็นเธอไม่ตอบ เปปเปอร์ก็ข่มความหนักหน่วงที่อยู่ในใจลงไป แล้วยิ้มจาง ๆ ขึ้นมาทีหนึ่ง “คุณดูซิ ในเมื่อคุณก็เบื่อคนอย่างผมอยู่แล้ว เพราะงั้นผมก็ไม่กลัวที่จะทำเรื่องที่ทำให้คุณเบื่ออีกหรอก เพราะว่าบทสรุปมันก็เหมือนกัน พักผ่อนให้ดีเถอะ เดี๋ยวผมจะไปสั่งให้คนไปดูที่หมู่บ้านในเมืองสักหน่อย ได้ผลยังไงเดี๋ยวจะมาบอกคุณนะ”

พอพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นแล้วออกไปเลย

มายมิ้นท์ฟังเสียงฝีเท้าของเขาไป แล้วก็ทั้งโกรธทั้งเหนื่อยหน่าย

โกรธความหน้าด้านของเปปเปอร์ แล้วก็เหนื่อยหน่ายกับความดื้อดึงของเขา

แล้วคนแบบนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงกับอีกฝ่ายดี!

“เอาล่ะ ตอนนี้ทุกคนได้ออกไปหมดแล้ว เหลือแต่ผมกับคุณแล้ว” จู่ ๆ การันต์ก็พูดออกมา

มายมิ้นท์หันไปทางเขาอย่างรวดเร็ว “คุณยังอยู่อีกเหรอ?”

เขาไม่ได้พูดอะไรมาตลอด เธอก็นึกว่า เขาไปแล้วซะอีก

การันต์แตะแว่นแล้วก็หัวเราะขึ้นมา “ดูท่าอยู่ที่คุณนี่ผมจะไม่มีตัวตนต่ำมากเลยนะ คุณถึงได้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมอยู่หรือไม่อยู่”

มายมิ้นท์รู้สึกเขินอายเล็กน้อย “ขอโทษด้วยค่ะ ฉันมองไม่เห็น ก็เลย……”