ส่วนที่ 4 ตอนที่ 17

ความลับแห่งจินเหลียน

ซีเหมินจินเหลียนสายตาเหลือบไปเห็นราคาที่ตั้งเอาไว้ ในใจก็กระอักกระอวน แปดสิบล้าน? ถ้าไม่ได้ซื้อหยกสีเลือดมาจากบ้านชายชราหู เธอก็จะซื้อมาไว้ได้ แต่ว่าตอนนี้ถ้าเอาของทั้งบ้านมาตีราคาก็คงจะเหลืออีกแค่ประมาณหนึ่งร้อยล้าน แถมคนที่ถูกใจหินหยกชิ้นนี้คงมีอยู่ไม่น้อย แย่งชิงราคาจนต้องสูงขึ้นเรื่อยๆ แน่ 

 

พูดตามตรงแล้วลักษณะข้างในของหินหยกก้อนนี้เธอค่อนข้างพึงพอใจเป็นอย่างมาก หยกสีผสมก้อนนั้นก็สวย แต่ว่าสีเขียวกับสีม่วงสะท้อนเข้าหากัน สีก็ค่อนข้างเข้มจัดไปหน่อย ไม่ได้ใสบริสุทธิ์เหมือนกับแบบนี้ 

 

เธอเคยเห็นของตกแต่งที่เป็นฮกลกซิ่ว โดยทั่วไปฮกลกซิ่วก็คือสีแดงเหลืองเขียว สีเข้มไปก็ไม่ได้ว่าจะล้ำค่า สีที่เคยเห็นดูหมองหม่นไม่เหมือนกับหยกชิ้นนี้ที่ดูสว่างไสว 

 

สิ่งที่ทำให้เธอใจเต้นแรงก็คือหินหยกก้อนนี้มีลายเส้นกว้างประมาณห้าถึงหกเซนติเมตร ส่วนที่เหลือเป็นหยกแก้วไร้สี หรือจะนับสีใสเข้าไปอีกสีก็ควรจะเป็นสี่สี สีใสไร้สีนี้สะท้อนกลับมายังสีแดงเขียวม่วง ยิ่งทำให้สีดูสดใสกระจ่างแสงมากขึ้น 

 

ซีเหมินจินเหลียนคิดในใจ ถ้าหากทำเป็นกำไลก็คงสวยไม่น้อย หรือจะทำเป็นของตกแต่งดี…แต่ราคานี้ แพงเกินไป 

 

ถ้าจะแพ้เดิมพัน เรื่องนี้ไม่มีทางแน่ แต่ถ้าอยากจะซื้อหินหยกนี้มาครอบครอง เงินของเธอที่มีอยู่ในตอนนี้ก็คงจะไม่พอ 

 

“จินเหลียน เป็นอะไรไปหรือครับ” จ่านป๋ายเดินเข้ามาประคองไหล่เธอแล้วกระซิบถาม 

 

“ไม่มีอะไร เพียงแค่หยกชิ้นนี้เนื้อดีเลยทีเดียว แต่ว่าราคาแพงเหลือเกิน” 

 

จ่านป๋ายดูราคาแล้วกระซิบตอบไปว่า “ไม่อย่างนั้นคุณก็ยืมเงินของผมก่อนได้นะ?” 

 

 

 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนออกจากจากอ้อมแขนของเขา แล้วเดินไปข้างหน้า “คุณคิดว่าจะตั้งราคาหินหยกชิ้นนี้ไว้เท่าไหร่ถึงจะชนะประมูลได้” 

 

“เก้าสิบล้าน” จ่านป๋ายพูด 

 

“หืม?” ซีเหมินจินเหลียนสับสน นี่เป็นฮกลกซิ่วเลยนะ? ถึงจะไม่รู้ว่าลักษณะเนื้อข้างในเป็นอย่างไร แต่เมื่อดูจากข้างนอกที่มีสีเขียวกระจัดกระจายอยู่นั้น แถมยังมีลายเส้นหยก อีกทั้งก้อนใหญ่พอสมควร มีดที่ตัดลงไปนั้นถึงจะไม่โดนตรงสีเขียว แต่ชนิดแก้วก็ปรากฏออกมา 

 

“เก้าสิบล้านยังแพงไปเลยครับ” จ่านป๋ายพูด 

 

“แต่ลักษณะของเนื้อหินหยกก้อนนี้ไม่เลวเลยนะ!” 

 

“ผมรู้” จ่านป๋ายยังคงพูดต่อ “ถึงผมจะไม่เข้าใจในการเดิมพันหยก แต่ว่าผมที่ติดตามคุณมาตลอด ผมก็พอรู้เรื่องอยู่บ้าง ถ้าหากหินหยกชิ้นนี้ไม่ถูกผ่าออกมา อย่าพูดถึงเก้าสิบล้านเลย หนึ่งร้อยแปดสิบล้านก็มีคนแย่งแน่นอน แต่เมื่อถูกผ่าออกมาแล้ว ก็เป็นเหมือนแค่มีดสาปแช่งตัวมันให้ราคาลดลง…” 

 

“ก็ได้ พวกเราประมูลเก้าสิบล้านไปก็ได้ ถ้าหากได้มาในครอบครองก็ถือเป็นโชคของฉัน ถ้าไม่ได้ก็ถือว่าไม่มีวาสนาต่อกัน” ซีเหมินจินเหลียนพูด 

 

เมื่อคิดไปแล้วเธอก็กลับดีใจอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้จะไม่ได้หยกฮกลกซิ่วมาครอบครอง แต่นั่นก็แปลว่าเธอกับมันไม่มีวาสนาต่อกัน เธอซื้อหินหยกมาเยอะพอสมควรแล้ว หยกสีเลือดก้อนนั้น แล้วไหนจะจากโรงงานแปรรูปหยกอีก ได้รับหินหยกที่แปลกประหลาดนั้นมา บวกกับหยกชนิดน้ำแข็งอีกกี่ชิ้น สีของพวกมันโดยรวมถือว่าสะอาดบริสุทธิ์ทั้งหมด 

 

เมื่อคิดเช่นนั้น ซีเหมินจินเหลียนก็อารมณ์ดีขึ้นมา 

 

“หินหยกก้อนนั้นดีมากเลยเหรอครับ” จ่านป๋ายถามอย่างสงสัย 

 

“ค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าตอบรับ 

 

ตลอดทั้งบ่าย ซีเหมินจินเหลียนก็ได้เจอกับหยกน้ำแข็งอีกสองก้อน เพียงแต่ว่าสีไม่ค่อยสวย เธอไม่ได้ชอบเท่าไหร่ แต่ก็ให้จ่านป๋ายจดบันทึกเอาไว้ เธอคิดว่าคงจะยากที่จะประมูลชนะ 

 

เช้าวันสุดท้ายของงาน ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ไปร่วมงานประมูล สิ่งที่ถูกใจเธอก็ดูเกือบหมดแล้ว บันทึกไว้อย่างดิบดี เหลือก็แต่รอตอนบ่ายที่จะประกาศราคาออกมาว่าจะชนะการประมูลไหม 

 

จ่านป๋ายได้ให้ข้อมูลแก่หลินเจิ้งไปไม่น้อย แต่ว่าเมื่อซีเหมินจินเหลียนรู้ก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือกลัดกลุ้มดี ถ้าหากหลินเจิ้งประมูลตามอย่างที่จ่านป๋ายบอกแล้วละก็ เกรงว่าจะต้องย่อยยับดับสลายแน่ 

 

หลายวันมานี้เธอก็ไม่เห็นหลินเสวียนหลานเลย ไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรที่ไหน อีกทั้งหวังเซียงฉินกับลู่เฟยอวี๋ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา… 

 

ตอนบ่าย เพราะว่าเป็นครึ่งวันสุดท้าย และยังเป็นการเปิดเผยราคาการประมูล จะชนะประมูลหรือไม่ก็ต้องรอลุ้นในบ่ายวันนี้ 

 

สถานที่ประกาศผลประมูลอยู่ที่ชั้นสองของบริษัท ไม่เพียงแต่มีเครื่องปรับอากาศเครื่องใหญ่เท่านั้น แต่ยังมีเครื่องดื่มและเหล้าเบียร์หลากหลายชนิดมาบริการฟรีให้เลือกสรร บรรยากาศเลยไม่ร้อนระอุอย่างที่ผ่านมา เมื่อซีเหมินจินเหลียนและจ่านป๋ายมาถึงคนก็แออัดเต็มไปหมดแล้ว ผู้คนหน้าตาคุ้นเคยจากการเจอที่งานประมูล ตอนนี้หน้าตาสดใสตั้งหน้าตั้งตารอพร้อมกัน 

 

เมื่อมีคนรู้จักก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้าไปทักทายตามมารยาท ซีเหมินจินเหลียนเห็นประธานหม่า ประธานเฉินและคนอื่นๆ รวมไปถึงผู้อาวุโสเจียราชาแห่งการเดิมพัน ก็เลยเดินเข้าไปทักทาย หลังจากนั้นเธอและจ่านป๋ายหามุมเงียบๆ เพื่อนั่งรอฟังผลประมูล 

 

การประกาศผลเริ่มต้นจากรายการแรกเป็นต้นไป เมื่อครึ่งชั่วโมงผ่านไปซีเหมินจินเหลียนและจ่านป๋ายอดที่จะยิ้มเฝื่อนออกมาไม่ได้ หินหยกที่เธอสนใจต่างถูกคนอื่นๆ แย่งไปด้วยราคาสูงทั้งหมด 

 

“ฉันคงไม่ได้กลับบ้านมือเปล่าหรอก” ซีเหมินจินเหลียนให้จ่านป๋ายอย่างฝืดฝืน 

 

“ไม่มีทาง!” จ่านป๋ายยิ้มปลอบเธอ ในใจร้อนรนจนนั่งไม่ติดแล้ว หยกพวกนี้ถูกตั้งราคาให้สูงขึ้นเกินความจริง ส่วนหยกที่เธอสนใจก็ถูกเขาช่วยตั้งราคาประมูลทั้งหมด ถ้าจะกลับอย่างว่างเปล่าแบบนี้ ในอนาคตความสามารถในการคิดประเมินของเขาคงต้องฝึกเข้มขึ้นอีก 

 

ในเวลานี้ หน้าจอมาถึงหมายเลขหนึ่งร้อยแปดสิบเก้า จ่านป๋ายมองดูราคาอยู่ที่เก้าสิบล้าน เป็นราคาที่ซีเหมินจินเหลียนตั้งไว้ แต่เพื่อความปลอดภัยในการซื้อขาย ทางงานจะไม่มีการเปิดเผยชื่อจริงของผู้ซื้อหรือชื่อบริษัท โดยทั่วไปจะเปิดเผยหมายเลขกับราคาที่สูงที่สุด ชนะหรือไม่ชนะ ในใจย่อมรู้ดี นอกเหนือจากผู้ซื้อและผู้ขาย คนอื่นๆ ก็ไม่มีทางที่จะรู้ 

 

ถึงรู้ว่ามีคนสนใจในหยกชิ้นเดียวกัน แต่ถ้าใครซื้อด้วยราคาที่สูงกว่าตัดหน้าไป ก็ไม่มีใครรู้ว่าผู้ซื้อเป็นใคร 

 

“จินเหลียน หมายเลขหนึ่งร้อยแปดสิบเก้า พวกเราชนะประมูลครับ” จ่านป๋ายพูด 

 

ซีเหมินจินเหลียนคิดทบทวนดู หินหยกก้อนนั้นไม่ได้เล็ก แถมยังเป็นหยกชนิดแก้วสีน้ำเงิน เธออดไม่ได้ที่จะผ่อนลมหายใจออกมา ในที่สุดก็ไม่ได้กลับบ้านมือเปล่าแล้ว… 

 

ต่อมาเป็นหยกสีผสม หมายเลขสองร้อยสิบเอ็ด ซีเหมินจินเหลียนเห็นหมายเลขสองร้อยสิบกะพริบหายไป สายตาไม่วอกแวกไปที่ไหนนอกจากหน้าจอ นั่นเป็นหยกแก้วสีผสม สีเขียวมรกตกับสีม่วงดอกไลแอคที่สดใส… 

 

แต่ว่าราคาบนจอเผยออกมายี่สิบเอ็ดล้าน! ซีเหมินจินเหลียนสายตาว่างเปล่า สีหน้าของจ่านป๋ายเองก็ดูจะไม่สู้ดีนัก ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะซีเหมินจินเหลียนอยู่ตรงหน้า เขาก็เกือบจะสบถด่าออกมาแล้ว… 

 

พวกเขาประมูลไปแค่ยี่สิบล้าน!