ตอนที่ 494 คำขู่ของเฟิงชิงสุ่ย / ตอนที่ 495 ปล้นคุก

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 494 คำขู่ของเฟิงชิงสุ่ย

 

 

จวนตระกูลมู่

 

 

ซูจิ่วซือกำลังรับแขกอยู่ที่ห้องโถงกลาง เฟิงชิงสุ่ยในชุดสีม่วงนั่งอยู่ข้างๆ

 

 

ปิงซินยกชามาให้แล้วออกไป คอยเฝ้าที่หน้าประตู ชิวซูยืนอยู่ตรงกันข้าม

 

 

เฟิงชิงสุ่ยยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้น เปิดฝา จิบคำหนึ่งแล้ววางลง เบื้องหน้าซูจิ่วซือ นางเชื่อมั่นในตัวเองและทะนงตน

 

 

ซูหลิ่วในอดีตก็เป็นคนอวดเก่ง แต่ไม่โจ่งแจ้งอย่างเฟิงชิงสุ่ย เฟิงชิงสุ่ยสีหน้าโอ้อวดอย่างชัดเจน ทั้งสองต่างเชื่อมั่นในตัวเอง แต่ความเชื่อมั่นในตัวเองของซูจิ่วซือไม่ได้แสดงออกมากนัก

 

 

นางสงบเสงี่ยมมาก

 

 

“คุณหนูมู่กลับมาระยะหนึ่งแล้ว ได้ยินว่ามู่หยางเอาใจใส่เจ้ามาก เวลานี้มู่หยางไม่รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดีอย่างไร คุณหนูมู่ยังสะกดใจได้ นับถือจริงๆ”

 

 

เฟิงชิงสุ่ยพูด น้ำเสียงดูแคลนอย่างชัดเจน

 

 

ซูจิ่วซือสงบเป็นพิเศษ ไม่ได้แตะต้องถ้วยชาข้างๆ ตอบอย่างราบเรียบ “เรื่องสะกดใจ ใครเล่าจะสู้คุณหนูเฟิง? คุณหนูเฟิงเพิ่งสูญเสียน้องชาย แต่ใบหน้าไม่แสดงความโศกเศร้า และยังมีเวลาว่างมาดื่มชากับข้า น่านับถือจริงๆ”

 

 

“ปากคอเราะรายเหลือเกิน ถึงข้าโศกเศร้าก็เก็บไว้ในใจ น้องถูกฆ่าย่อมแค้นแน่ คราวนี้มู่หยางหนีไม่พ้น คุณหนูมู่ไม่ต้องเสียเวลาคิด ถึงอย่างไร เขาต้องชดใช้น้องชายข้าด้วยชีวิต”

 

 

เฟิงหยวนเป็นน้องชายท้องเดียวกับเฟิงชิงสุ่ย แต่นางเป็นคนไร้น้ำใจ ไม่รักน้องชายนัก และเฟิงหยวนเป็นคนไม่มีความรู้ความสามารถ น้องชายคนนี้นางรู้สึกเกลียดที่เขาไม่รักดี

 

 

“ถ้าคุณหนูเฟิงอยากแก้แค้นให้น้องชายจริงๆ ก็ควรจะรู้ว่าฆาตกรตัวจริงลอยนวลอยู่ อาศัยความฉลาดของคุณหนูเฟิง ย่อมรู้ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร หรือว่าความแค้นส่วนตัวทำให้คุณหนูเฟิงยอมให้คนอื่นใช้ประโยชน์?”

 

 

ซูจิ่วซือไม่รู้ว่าเฟิงชิงสุ่ยมาหานางเพื่ออะไร แต่นางรู้ดี ในใจเฟิงชิงสุ่ยรู้อย่างชัดเจน ว่าคนที่ฆ่าเฟิงหยวนจริงๆ ไม่ใช่มู่หยาง

 

 

“เหตุการณ์ที่เป็นจริงไม่สำคัญสำหรับข้า เจ้าจ้องจะชิงตำแหน่งพระชายาองค์รัชทายาทของข้ามาตลอด ตระกูลเฟิงกับตระกูลมู่ไม่อาจอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

 

 

มู่หยางถูกใส่ร้ายจริงๆ เขาจะเป็นหรือตายไม่มีผลต่อข้า ซูจิ่วซือ ถ้าเจ้าอยากช่วยมู่หยาง ก็ออกไปจากตูเฉิง ประกาศต่อทั่วหล้า ว่าเจ้าปลอมตัวเป็นมู่ซือซือ แล้วกลับไปเป็นองค์หญิงอันผิงที่แคว้นเว่ย

 

 

ไม่เช่นนั้นมู่หยางต้องตายแน่ เจ้าก็รู้อยู่แล้วที่ว่าการเมืองมีคนของข้า มู่หยางต้องถูกทรมานยิ่งกว่าตาย เจ้ารีบตัดสินใจให้ดี”

 

 

เฟิงชิงสุ่ยเอาเรื่องนี้มาบีบนางจริงๆ ซูจิ่วซือสีหน้าไม่เปลี่ยน แต่ดวงตาฉายแววอำมหิต

 

 

แล้วตอบอย่างราบเรียบ “ไม่ได้เด็ดขาด”

 

 

“เห็นแก่ตัวจริงๆ งั้นก็รอเก็บศพมู่หยาง! ซูจิ่วซือ ตำแหน่งพระชายารัชทายาทเป็นของข้า ใครจะแย่งไปไม่ได้ หวังว่าเจ้าจะยืนหยัดต่อไป ตระกูลมู่น่าสงสารมาก ได้คนเนรคุณเข้ามา”

 

 

เฟิงชิงสุ่ยพูดพลางยิ้ม ซูจิ่วซือแม้ไม่พอใจ แต่ไม่แสดงออกมาทางสีหน้า ทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเฟิงชิงสุ่ย

 

 

“ยังมีเวลาอีกไม่กี่วัน คุณหนูมู่ลองคิดให้ดี จะยอมเสียพี่ชายที่รักตัวเอง ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณหนูมู่ เวลานี้มีแต่ตระกูลเฟิงที่จะช่วยมู่หยางได้”

 

 

เฟิงชิงสุ่ยพูดจบก็ลุกขึ้น “ข้าลาก่อน หวังว่าคุณหนูมู่จะนึกถึงมโนธรรมบ้าง”

 

 

พูดจบ เฟิงชิงสุ่ยก็หันหลังเดินออกไป นางอยากบีบให้ซูจิ่วซือขอร้องนาง และนางก็อยากรู้ว่าซูจิ่วซือยังจะยืนหยัดได้นานเท่าไร

 

 

ครั้งนี้ไม่สำเร็จ ยังมีครั้งหน้า

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 495 ปล้นคุก

 

 

พอเฟิงชิงสุ่ยไปแล้ว ซูจิ่วซือก็ลุกกลับไปที่ห้อง ปิงซินรีบตามไป ยืนที่หน้าประตู คำพูดของเฟิงชิงสุ่ย นางได้ยินหมดแล้ว พูดอย่างไม่พอใจ “คุณหนูเฟิงคนนี้มาขู่คุณหนู เกินไปจริงๆ”

 

 

“คำพูดของนางฟังไว้ก็พอ ไม่ต้องเอามาใส่ใจ”

 

 

ซูจิ่วซือสงบเป็นพิเศษ ตอบอย่างราบเรียบ นางไม่ชอบให้ใครขู่ และไม่ใส่ใจคำขู่ การขู่ของเฟิงชิงสุ่ยจึงไม่ได้ผลแม้แต่น้อย

 

 

แต่นางก็รู้สึกห่อเ**่ยวใจจริงๆ กลัวว่าจะหาวิธีช่วยมู่หยางไม่ได้

 

 

พอกลับห้อง ซูจิ่วซือก็เอนตัวบนเก้าอี้ ครุ่นคิดหาทางรับมือต่อไป

 

 

นางไม่อาจรับปากเฟิงชิงสุ่ย ตระกูลเฟิงไม่มีวันปล่อยมู่หยางแน่ กับกู้จื่อหยวนนางก็ไม่คาดหวัง เดิมทีนางอยากล้างมลทินให้มู่หยาง เวลานี้คงต้องใช้วิธีสุดท้าย

 

 

ยิ่งยื้อเวลาออกไป มู่หยางอยู่ในคุกยิ่งอันตราย ถ้าถูกทรมานครั้งแล้วครั้งเล่า มู่หยางคงตายในคุกแน่

 

 

หลังจากคิดหลายตลบ นางก็ตัดสินใจปรึกษาฟู่เฉินหรงเรื่องปล้นคุก แม้จะเป็นหลักฐานยืนยันความผิด แต่อย่างน้อยก็รักษาชีวิตไว้ วันหลังเมื่อฟู่เฉินหรงกุมอำนาจได้ค่อยพลิกคดีให้มู่หยาง

 

 

ขณะที่คิดอยู่ ก็มีเสียงคนเคาะประตูที่ข้างนอก ซูจิ่วซือได้สติ นั่งตัวตรง “เข้ามา”

 

 

เผยปิงปิงในชุดสีแดงเดินเข้ามา นางรู้เรื่องที่มู่หยางติดคุกแล้ว และเป็นห่วงมู่หยางมาก นางกับมู่หยางนับว่าเป็นเพื่อนกัน พอเข้ามาในห้องเผยปิงปิงก็นั่งข้างซูจิ่วซือ ถามขึ้น “จิ่วซือ หาทางช่วยมู่หยางได้หรือยัง?”

 

 

ซูจิ่วซือรู้ว่าเผยปิงปิงเป็นห่วงมู่หยางจริงๆ จึงเล่าแผนการของตนให้เผยปิงปิงฟัง “คดีนี้เป็นคดีฆ่าคนตาย

 

 

กู้จื่อหยวนไม่กลับคำให้การแน่ มู่หยางอยู่ในคุกอันตรายมาก เราจะรอไม่ได้แล้ว ข้าตัดสินใจปล้นคุก”

 

 

“ปล้นคุก?” เผยปิงปิงมองซูจิ่วซือด้วยความตกใจ “ถ้าปล้นคุก ก็เท่ากับยืนยันามู่หยางผิดจริง เขาไม่ได้ฆ่าคน ทำอย่างนี้ไม่ยุติธรรมสำหรับเขา”

 

 

“เอาชีวิตรอดสำคัญที่สุด วันหลังยังพลิกคดีได้ ถ้าไม่มีชีวิตแล้วก็ไม่เหลืออะไรอีก เวลานี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือรักษาชีวิตของพี่รอง ที่ว่าการเมืองอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลเฟิง พวกเราทำอะไรไม่ได้ ข้าเกรงว่าพวกนั้นจะทรมานพี่รองจนตาย”

 

 

เผยปิงปิงคิดอย่างละเอียด “พูดอย่างนี้ก็ถูก งั้นก็ปล้นคุกเถอะ! ข้าคนหนึ่ง จะไปด้วย”

 

 

“เจ้าทำอย่างนี้ไม่ได้ ปิงปิง อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หาย รักษาตัวก่อนเถอะ”

 

 

“เอ็นขาดไปแล้ว มือนี้รักษาไม่หาย ถึงมือขวาข้าจะเสีย แต่จัดการกับยามรักษาการณ์ได้ไม่มีปัญหา ข้าเพียงแต่อยากช่วยอีกแรง”

 

 

ซูจิ่วซือยังคงสั่นหัว ยืนยันหนักแน่น “เรื่องนี้ให้เฉินหรงจัดการ เขามีองครักษ์อุทยานตะวันออกอยู่ในมือ เจ้าไปไม่ได้เด็ดขาด วางใจเถอะ! พี่รองต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่”

 

 

เผยปิงปิงนิ่งเงียบ นางรู้ว่าไม่ว่าจะพูดอย่างไร ซูจิ่วซือก็ไม่รับปากแน่

 

 

นางเริ่มรู้สึกแค้นใจที่ตนมือพิการ ถ้าไม่เกิดเรื่องนั้นขึ้น นางจะถือกระบี่ไปช่วยมู่หยาง พวกยามรักษาการณ์ไม่ใช่คู่ต่อกรกับนาง

 

 

เวลานี้นางยังไม่รู้ว่าเมื่อไรตนจึงจะใช้มือซ้ายถือกระบี่ได้อย่างคล่องแคล่ว เมื่อวานนางทดลองแล้ว มือซ้ายงุ่มง่ามมาก ไม่สามารถถือกระบี่ได้อย่างคล่องแคล่ว ต้องฝึกใหม่หมด

 

 

เป็นขั้นตอนที่ยาวนาน

 

 

พอเห็นสีหน้าของเผยปิงปิงเริ่มเครียด ซูจิ่วซือก็ยื่นมือมาตบไหล่ของเผยปิงปิง “ทุกอย่างจะดีขึ้น ปิงปิง เจ้าอย่าคิดมากเกินไป ดูข้าสิไม่มีวรยุทธเลย”