บทที่ 1674 - ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งแห่งนิกายกระบอสูรอมตะ

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1674 – ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งแห่งนิกายกระบอสูรอมตะ

 

หลิงเหยียนยังรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้กล้าหาญมากอย่างไรก็ตามเขาก็มีน้ำใจในเวลาเดียวกัน ที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่ใช่เจ้าอารม มันทำให้เธอรู้สึกชื่นชมเขาอย่างมาก ในเวลานี้เธอจ้องมองไปที่เขาอย่างจริงจัง

 

”สาวน้อยข้ามันทำให้ประหม่าจริงๆหยุดมองข้าแบบนั้นได้แล้ว?” ชิงสุ่ยกล่าวเกินจริงเล็กน้อย

 

เธอรู้สึกตกตะลึงอย่างมากการถูกเรียกว่าสาวน้อยทำให้เธอรู้สึกอยากหัวเราะออกมา ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้รังเกลียดมัน เธอยิ้มออกมาอย่างบริสุทธิ์ “ขอบคุณ!”

 

เธอเป็นคนที่ฉลาดอย่างมากและบอกได้ว่าชิงสุ่ยกำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ลึกๆเธอก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีความกังวลเกี่ยวกับความรู้สึกของเธออยู่ ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่ระวังตัวอย่างนี้ตลอดเวลา จนบางครั้งมันทำให้เธออึดอัด

 

ในเวลานี้ชิงสุ่ยตกตะลึงอย่างมากเมื่อเขาบอกว่าเขาจะจูบเธอ แต่เธอกลับขอบคุณเขาแทน มันให้เขาได้แต่จ้องมองเธออย่างว่างเปล่า

 

ในตอนนี้เธอรู้ความคิดของเขาดีเธอได้จับลงไปที่มือของเขา และยิ้มออกมา สิ่งนี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก สิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่านั้นคือได้เธอกระโดดขึ้นและหอมไปที่แห้มของเขา

 

”เจ้าพอใจแล้วหรือยัง?”หลิงเหยียนถามอย่างไม่อาย

 

ชิงสุ่ยใช้เวลาสักครู่ใหญ่ก่อนที่เขาจะฟื้นคืนสติกลับมา ในเวลานี้ชิงสุ่ยสามารถบอกได้ว่าเธอได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ไม่ใช่หลิงเหยียนคนเก่าที่เขารู้จัก นี่คือสิ่งหนึ่งที่เขาหวังเอาไว้ ในตอนนี้ชิงสุ่ยยิ้มออกมาและกล่าวว่า “ไม่พอใจ!”

 

”คนพาลเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ขอมากกว่าสิ่งที่เจ้าจะได้รับ”เธอกล่าวอย่างเขินอาย

 

ในเวลานี้ชิงสุ่ยได้แต่และเข้ากอดเธอ”พอใจแล้ว ข้าพอใจมากจริงๆ ข้าคิดว่าข้าต้องรอเวลานี้ไปอีกสัก 100 ปีเสียแล้ว”

 

“ข้าถามจริงๆว่าถ้าหากผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งของนิกายกระบี่อสูรอมตะมาจริงๆพวกเราจะทำอย่างไร?” เธอถามออกมาอย่างใจเย็น ขณะที่นั่งลงในห้องโถงในที่พักของทั้งสอง ก่อนที่หลิงเหยียนจะชงชาให้กับชิงสุ่ย

 

”เจ้ากลัวรึ?วันนี้รสชาติของชาดีจัง” ชิงสุ่ยหยิบชาขึ้นมาแล้ว จิบเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้ม

 

“เจ้านี่ชอบเล่นกับความรู้สึกของผู้หญิงจริงๆเลย!”เธอยิ้มและตอบกลับไป ในตอนนี้เธอยอมรับแล้วว่าเธอรักเขา ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นที่ตะต้องเย็นชากับเขาอีกต่อไป

 

เมื่อให้ท่าทางที่น่ารักเธอเขาอยากจะจูบลงไปที่ปากของเธอแต่ เขาทำได้แต่ยิ้มและส่ายหัว “แต่ข้าไม่เคยโกหกผู้หญิงของข้าเลยนะ”

 

”ข้าไม่ใช่ผู้หญิงของเจ้า”

 

”ในหัวใจของข้าเจ้าเป็นผู้หญิงของข้าเสมอมา เจ้าสามารถลืมเกี่ยวกับมัน หรือหลบหนีจากมันได้ตลอดชีวิต แต่ไม่ใช่ข้า” ชิงสุ่ยยื่นมือออกมายกคางของเธอขึ้น และพูดด้วยท่าทางจริงจัง

 

หลิงเหยียนเป็นผู้หญิงหัวแข็งแต่ก็เป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่ชายคนหนึ่งยกคางของเธอขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล มันทำให้เธอก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจากนี้เธอยังรู้สึกถึงความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้หัวใจของเธอ

 

ในที่สุดมือของเขาก็ยังถูกตีโดยหลิงเหยียนจนทำให้เขาได้แต่หัวเราะออกมาอย่างไร้เหตุผลในตอนนี้ เมื่อมองไปที่หูสีแดงของเธอ

 

“เจ้าหัวเราะอะไรอยู่?”เธอพูดออกมาด้วยความโกรธ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้โกรธจริง ๆ อารมณ์ของเธอดูเหมือนจะสับสนเล็กน้อยในตอนนี้ เธอรู้สึกว่าเธอเปลี่ยนไปและดูเหมือนว่าเธอจะมีความรัก ในช่วงเวลานั้นท้องฟ้าที่ซึ่งเคยดูเหมือนจะไม่ชัดเจนตอนนี้ก็หายไปแล้ว เธอสามารถสัมผัสได้ถึงแสงอาทิตยิ์ที่แรงกล้าในตอนนี้

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้หยุดหัวเราะแล้วขยับไปใกล้เธอ ก่อนที่เขาจะก้มตัวลงต่อหน้าเธอ แล้ววางมือทั้งสองไว้บนขาของเธอ แล้วยกศีรษะขึ้นแล้วมองไปที่ใบหน้าของเธอ “เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าเป็นคนพิเศษของข้า?”

 

”ข้าง่วงแล้วข้าขอตัวไปนอนก่อน” เธอผลักเขาออกและลุกขึ้นไปที่ห้องในทันที

 

ชิงสุ่ยไม่ได้ไล่ตามเธอไปเขาได้แต่เพียงยิ้มออกมาเท่านั้น ในครั้งนี้ชิงสุ่ยรู้ดีว่าศึกหนักกำลังใกล้เข้ามา มันทำให้เขากดดันเล็กน้อย นี่จึงถือว่าเป็นการคลายเครียดของเขา แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกมามากเกินไป

 

วันที่สามได้ผ่านไปหยินเทียนและชายชราหวังสามารถฟื้นตัวกลับมาได้เล็กน้อยในวันนี้ แต่ก็ยังห่างไกลจากความสามารถในการต่อสู้ได้จริง อย่างไรก็ตามพวกเขารู้สึกดีขึ้นมากจากอาการบาดเจ็บในล่าสุด จากอาการบาดเจ็บของพวกเขาๆคิดว่าคงไม่สามารถหายดีได้โลคดีที่ชิงสุ่ยสามารถรักษาพวกเขาได้ในตอนนี้

 

ในความเป็นจริงหยินเทียนเชื่อมั่นว่าชิงสุ่ยสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ทุกชนิดท้ายที่สุดอาการของเขาก็ไม่รุนแรงเหมือนเมื่อก่อน

 

ในวันนี้นิกายกระบี่อสูรอมตะก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในครั้งนี้มีเพียงสามคนเท่านั้นที่มา แต่พวกเขามีกลิ่นอายที่รุนแรงกว่าผู้คนที่มาในครั้งก่อนอย่างเห็นได้ชัด ในเวลานั้นชิงสุ่ยปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า ในวินาทีแรกราวกับว่าเขากำลังรอพวกเขาอยู่ก็ว่าได้

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้ขมวดคิ้วของเขาแม้ว่าเขาจะมีสัตว์อสูรที่ทรงพลัง แต่มันก็เป็นเรื่องยาที่จะจดการกับทั้งสามพร้อมๆกัน อย่างไรก็ตามตอนนี้ชิงสุ่ยได้วางรูปแบบเอาไว้รอบๆเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชิงสุ่ยได้เตรียมมันเอาไว้เพื่อกรณีที่เขาไม่คาดคิด

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยมีความมั่นใจอย่างมากในรูปแบบของเขา

 

พ่อหนุ่มข้าไม่คาดคิดว่าเลยว่าจะมาเจอคนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ แต่ข้ารู้สึกเสียดายจริงๆที่ต้องฆ่าเจ้า” ชายชราที่อยู่ตรงกลางคนที่มีคิวสีขาวยาวถึงหน้าอกกล่าวออกมา

 

เสียงของชายชราฟังดูราวกับว่าเขาผ่านช่วงชีวิตมามากมายกลิ่นอายของเขาเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง กล้าหาญและยังทรงพลัง หากบอกว่าเขาเป็นจักรพรรดิของยุคนี้ก็ไม่มากเกินไป

 

ในที่สุดชิงสุ่ยก็ได้พบกับผู้บ่มที่แข็งแกร่งกว่าเขาและก็มีอยู่ถึงสามคน อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าสองคนข้างหลังนั้นแข็งแกร่งกว่าตัวเขาเองเพียงเล็กน้อยเท่า มีเพียงชายชราที่อยู่ตรงกลางเท่านั้นที่เขาไม่อาจเขาถึงความแข็งแกร่งของเขาได้เลย การจ้องมองของชายชราทำให้ ตัวของเขาเองในตอนนี้รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก

 

นานมาแล้วที่ชิงสุ่ยไม่รู้สึกกดดันเช่นนี้เขารู้สึกประหม่าเป็นอย่างมากเมื่อพบเจอการจ้องมองของชายชรา เมื่อมองดูไปที่ชายชราคนนี้เขาไม่รู้ว่าเขชายชราผู้นี้เป็นใครในนิกายกระบี่อสูรอมตะ อย่างไรก็ตามมันก็คงไม่ใช่ตำแหน่งที่ต่ำอย่างแน่นอน สิ่งที่ชิงสุ่ยกังวลมากกว่าคืออาจมีคนที่ทรงพลังกว่าเขาอยู่เบื้องหลัง หากเป็นเช่นนั้นจริงๆเขาก็แทบจะหมดหนทางต่อสู้

 

”ไม่จำเป็นต้องเสียดายเพราะท่าจะไม่สามารถฆ่าข้าได้”มาถึงตอนนี้ชิงสุ่ยได้สงบสติลงแล้วมองไปที่ชายชราตรงข้าม

 

”เจ้านั้นโดดเด่นและแข็งแกร่งจริงอาจจะใช้คำว่าสัตว์ประหลาดเลยก็ว่าได้ หากเจ้ามีเวลามากกว่านี้สักสิบปีข้าเองก็คงจะไม่ใช่ตู่ต่อสู้ของเจ้า แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่มีเวลาเหลืออยู่แล้ว” ชายชรากล่าวออกมาด้วยควมารู้สึกเสียดาย