ตอนที่ 741

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หลิงฮันมีท่าทีตื่นตัว จอมยุทธระดับสววรรค์ขั้นสูงสุดนั้นเกินกำลังเขาในตอนนี้ หากต้องปะทะกันเขาคงไม่พ้นถูกทุบตีเป็นแน่

แต่แน่นอนว่าแม้เขาจะถูกทุบตีเขาก็ไม่มีทางตาย เพราะอย่างไรเขาก็มีกายหยาบที่มีพลังป้องกันอันทรงพลัง

“เสวียนเอ๋อ มาตรงนี้!” หลิงฮันตะโกน เขาไม่มีทางหลบหนีเข้าไปในหอคอยทมิฬคนเดียวแน่นอน

โชคดีที่ถึงแม้ฮูหนิวกับเจ้ากระต่ายจะคอยตามเขามาด้วย แต่ทั้งสองก็อยู่ในระยะที่ค่อนข้างไกล ดังนั้นผู้อาวุโสเจ็ดแห่งตระกูลหยีจึงไม่ได้สนใจทั้งสอง

จูเสวียนเอ๋อค่อยๆเขยิบเข้ามาใกล้ออย่างช้าๆ นางไม่กลางผลีผลามเพราะเกรงว่าจะไปกระตุ้นให้ผู้อาวุโสเจ็ดแห่งตระกูลหยีลงมือ

แต่แม้ว่าผู้อาวุโสเจ็ดแห่งตระกูลหยีจะสังเกตการณ์กระทำของจูเสวียนเอ๋อและหลิงฮัน เขาก็ไม่นำมาใส่ใจ เพียงแค่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณเขาสามารถสังหารได้ด้วยหนึ่งนิ้วอยู่แล้ว เขายังคงมองหาตำแหน่งต้นตอของเสียงลึกลับ “ในเมื่อเจ้าไม่ปรากฏตัวออกมา ชายชราผู้นี้ก็คงต้องลงมือ!”

มือขวาของเขายกขึ้นสูงและโจมตีเข้าใส่หลิงฮันทันที

‘ตูม’ ร่างหนึ่งถูกโจมตีจนลอยกระเด็นเข้าใส่รังโจร ร่างที่ถูกโจมตีกระแทกเข้าใส่บ้านเรือนหลายหลังก่อนจะหยุดนิ่ง

ร่างที่ถูกโจมตีจนลอยกระเด็นคือผู้อาวุโสเจ็ดแห่งตระกูลหยี!

‘ตุบ’ ชายชราพยายามลุกขึ้นยืนจากซากปรักหักพัง เขารู้สึกได้ว่ากระดูกทั่วร่างของเขาแตกหักหลายสิบส่วน ตอนนี้เขาใช้ปราณก่อเกิดสะกดบาดอาการบาดเจ็บเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจลุกขึ้นมาได้

ใครกัน? ทำไมถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้ อีกฝ่ายสามารถโจมตีใส่เขาโดยที่เขาไม่สามารถไหวตัวได้ทัน

เขามองไปด้านหน้าและมองเห็นร่างสวมหน้ากากร่างหนึ่งยืนอยู่ในตำแหน่งที่เขาเคยยืนอยู่ แต่ถึงแม้ใบหน้าของอีกฝ่ายจะถูกปิดเอาไว้ด้วยหน้ากาก แต่จากรูปร่างของอีกฝ่ายก็ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าเป็นสตรี ร่างของนางทั้งผอมบางและน่าดึงดูด ถ้าไม่ใช่เพราะหน้าอกที่แบนราบล่ะก็นางจะเป็นสตรีที่สมบูรณ์แบบมาก

คนอื่นๆทั้งตกตะลึงและมีความสุข ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าสตรีสวมหน้ากากเป็นใคร แต่ถ้าหากนางเป็นศัตรูกับผู้อาวุโสเจ็ดแห่งตระกูลหยีก็นับว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่รึ?

หลิงฮันชำเลืองมองไปยังหน้าอกอันแบนราบของสตรีสวมหน้ากากและเอ่ยขึ้น “สาวน้อยใต้สมุทร!”

สตรีทรงพลังที่มีหน้าอกแบนราบนั้นมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

“ถ้าเจ้ากล้าเรียกข้าเช่นนั้นอีกข้าจะฆ่าเจ้า!” สตรีสวมหน้ากากกล่าวอย่างเย็นชา

หลิงฮันกัดฟันและกล่าว “ความทรงจำของเจ้าฟื้นกลับมาแล้ว?”

ถ้าเป็นสาวน้อยใต้สมุทรล่ะก็นางจะมีนิสัยที่เปิ่นๆ แต่จากสถานการณ์ที่เห็นแล้วดูเหมือนนางจะเป็นเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน จอมยุทธระดับสวรรค์

แต่ทำไมอีกฝ่ายถึงมาช่วยเหลือเขา?

เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไม่ตอบ นางมองไปยังผู้อาวุโสเจ็ดแห่งตระกูลหยีอย่างเย็นชาและกล่าว “ข้าบอกให้เจ้าไสหัวไปจากที่นี่แต่เจ้าก็ยังไม่ไป?”

ผู้อาวุโสเจ็ดแห่งตระกูลหยีกำหมัดแน่น “เรียนปรมาจารย์ผู้ทรงพลัง เจ้าหนูนั่นสังหารคนของตระกูลหยีของข้า ดังนั้นข้าจึงไล่ตามหาตัวเขาเพื่อล้างแค้น หรือว่าเจ้าจะปกป้องมันจนถึงที่สุดและบังคับให้ข้าจากไปด้วยความขุ่นแค้น?”

“ฮึ่ม!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนจ้องเขม็งไปยังผู้อาวุโสเจ็ดแห่งตระกูลหยีด้วยจิตสังหาร

หลิงฮันไม่เข้าใจ ทั้งๆที่จิตสังหารนั่นสมควรจะนำมาลงที่เขาแท้ๆ แต่ทำไมสาวน้อยใต้สมุทรถึงได้ไม่สนใจเขาแล้วไปเป็นปฏิปักษ์กับผู้อาวุโสเจ็ดแห่งตระกูลหยีแทน

‘ข้าคงโชคดี’ หลิงฮันกล่าวในใจ

ผู้อาวุโสเจ็ดแห่งตระกูลหยีเกรี้ยวกราด เขาที่เป็นถึงจอมยุทธระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดยอมลดตัวกล่าวเรียกอีกฝ่ายอย่างนอบน้อมแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอม? “งั้นข้าคงต้องขอเสียมารยาท!”

เขานำแผ่นหินสีฟ้าออกมา ที่แผ่นหินนั้นประดับเอาไว้ด้วยลวดลายอักขระที่หนาแน่นและปลิ่นอายแห่งบรรพกาล

หลิงฮันรู้สึกตึงเครียด เขารู้ดีว่านั่นต้องเป็นสมบัติโบราณแน่นอน

เคล็ดทักษะในการหลอมอาวุธวิญญาณได้สูญหายไปนานแล้ว ตอนนี้เหล่าจอมยุทธทำได้เพียงฟูมฟักอาวุธของตนเองโดยการผสานเจตจำนงและปราณก่อเกิดของตนลงไปในอาวุธเพื่อให้มันกลายเป็นอาวุธวิญญาณ ซึ่งอาวุธวิญญาณที่ฟูมฟักขึ้นเองจะทำให้ผู้ใช้แสดงพลังของมันออกมาได้เต็มที่

แต่ในยุคบรรพกาล อาวุธวิญญาณถูกสร้างขึ้นจากการหลอมจะถูกหลอมผ่านกระบวนการสลักอักขระ ซึ่งนั่นทำให้อาวุธวิญญาณสามารถแสดงพลังออกมาได้เต็มที่ไม่ว่าจะอยู่ในมือของใคร และบางทีพลังที่ใช้ออกมาอาจจะเกินขอบเขตของระดับพลังผู้ใช้ด้วย

การที่จอมยุทธระดับสวรรค์ที่ทรงพลังไม่ใช่อาวุธวิญญาณที่ฟูมฟักด้วยตนเอง ก็หมายความว่าอำนาจของอาวุธวิญญาณในมือของเขาจะต้องแข็งแกร่งกว่าอาวุธวิญญาณที่เขาฟูมฟักเอง

ไม่อาจประมาทได้!

หลิงฮันรู้สึกคันไม้คันมือ เขาอยากนำแผ่นหินนั่นมาหลอมด้วยชามพลิกสวรรค์และนำไปให้ศิลาน้อยกินเหลือเกิน

เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไม่แยแส นางพาดหนึ่งมือไว้ที่หลังและยื่นอีกมือออกไปด้านหน้า “แค่จัดการเจ้า หนึ่งมือก็เพียงพอ!”

ผู้อาวุโสเจ็ดแห่งตระกูลหยีเดือดดาลไปด้วยความโกรธ เขาสะสมชื่อเสียงมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี ด้วยสถานะจอมยุทธระดับสวรรค์ของเขาที่เป็นตัวตนระดับสูงของโลก ใครก็ตามที่พบเห็นเขาต่างก็ต้องเคารพด้วยความนอบน้อม แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาได้รับกลับเป็นการดูหมิ่น

เขาโยนกระตุ้นใช้งานแผ่นหิน ทันใดนั้นแผ่นหินก็ลอยขึ้นสู่ฟากฟ้าทันที ขนาดของมันขยายขึ้นกลางอากาศและมีขนาดเทียบเท่ากับภูเขาขนาดย่อมๆ ทันใดนั้นเองแผ่นหินได้จู่โจมเข้าใส่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน

เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนแสดงท่าทีตกตะลึงเล็กน้อย นางรู้สึกว่าแผ่นหินนี้มีน้ำหนักที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าภูเขาเสียอีก ทักษะการหลอมในยุคบรรพกาลช่างน่าตกตะลึงยิ่งนัก เป็นไปได้ว่าแผ่นหินแผ่นนั้นจะเกิดจากการหลอมภูเขาขนาดใหญ่ให้มีขนาดเล็กเท่าแผ่นหิน

เมื่อใดก็ตามที่แผ่นหินถูกใช้งาน น้ำหนักของมันจะกลับไปเป็นดั่งภูเขาเช่นเดิม เมื่อมันร่วงหล่นลงมา นั่นจะทำให้เกิดพลังทำลายล้างที่ทรงพลังที่สุดในโลก

เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเค้นเสียงดูถูก ‘เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ’ ร่างของนางเปลี่ยนเป็นสายฟ้าและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

เร็วมาก!

หลิงฮันสัมผัสได้เพียงสายลมที่ผ่านไป เขาไม่สามารถมองเห็นร่องรอยของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนแม้แต่น้อย ต้องรู้ก่อนว่าด้วยพลังบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ หากใช้ทักษะอัสนีบาตเก้าทิวา ความเร็วของเขาจะทัดเทียมกับจอมยุทธระดับสวรรค์ แล้วถ้าหากเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนที่เป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ใช้ทักษะอัสนีบาตเก้าทิวาล่ะความเร็วของนางจะน่ากลัวขนาดไหน?

หรือว่าความเร็วของนางจะสามารถทัดเทียมกับจอมยุทธระดับทลายมิติ?

เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไปปรากฏตัวตรงหน้าผู้อาวุโสเจ็ดแห่งตระกูลหยี มืออันนุ่มนวลของนางถูกยกขึ้นและกระแทกเข้าใส่หน้าของอีกฝ่าย

ผู้อาวุโสเจ็ดแห่งตระกูลหยีลนลานทันที ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นมืดมน ความเร็วของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนนั้นเกิดการคาดการณ์ของเขา นางรวดเร็วจนเกือบจะไม่มีเวลาให้เขาตอบโต้

‘ตูม ตูม ตูม’ จอมยุทธระดับสวรรค์สองคนตอบโต้กัน ผู้อาวุโสเจ็ดแห่งตระกูลหยีเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างไม่อาจตอบโต้ได้

แข็งแกร่งยิ่งนัก!

หลิงฮันอุทานในใจ เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนคืออัจฉริยะของเผ่าใต้สมุทร ไม่เพียงแค่พลังบ่มเพาะของนางจะบรรลุระดับสวรรค์แล้ว แต่กายหยาบของนางก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน ด้วยพลังต่อสู้ของนางจอมยุทธระดับเดียวกันย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้

แถมตอนนี้นางยังฝึกฝนทักษะศักดิ์สิทธิ์แล้วด้วย พลังของนางจึงยิ่งน่ากลัวขึ้นอีก

ผู้อาวุโสเจ็ดแห่งตระกูลหยีเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมากที่เขาไม่สามารถสัมผัสเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนโดนแม้แต่น้อย เขาพยายามระงับความโกรธเอาไว้และสั่งให้แผ่นหินกระแทกเข้าใส่จุดที่พวกเขายืนอยู่

ถ้าเจ้าไม่ล่าถอย เจ้าก็หลบไม่พ้น!