บทที่ 1438 วังสวรรค์สร้างความโกลาหล

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

ภาคกลาง วังสวรรค์

 

สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยวิหารที่สร้างจากหยกขาว

 

ท่ามกลางวิหารเหล่านี้ที่วิหารสีดำสนิทที่สังเกตเห็นได้ชัดอยู่หลังหนึ่ง

 

มีบางคำสลักอยู่หน้าประตูทางเข้า วิหารปราบวิญญาณ!

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด

 

ที่ใจกลางวิหารมีเสาขนาดใหญ่ห้าต้น

 

โซ่สีม่วงทองเชื่อมต่อกัน มันดูราวกับใยแมงมุมขนาดใหญ่

 

มีดวงวิญญาณถูกพันธนาการเอาไว้ที่นี่

 

มันก็คือร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณ!

 

เทพธิดาจื่อเว่ยยืนนิ่งอยู่ด้านหน้า “เทพปีศาจจิตวิญญาณ เจ้าเป็นผู้อมตะระดับเก้าเมื่อยังมีชีวิตอยู่ แต่เจ้าไม่ยอมรับความตายและท้าทายสวรรค์ ผลลัพธ์ของเจ้าคือความล้มเหลว เจ้าจะยอมรับผิดหรือไม่?”

 

เสียงของนางดังสะท้อนไปทั่ว

 

ตรงกันข้ามกับดวงวิญญาณที่นิ่งเงียบและไม่เปล่งเสียงใดๆออกมาทั้งสิ้น

 

เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวต่อ “ในอดีตเจ้าอาละวาดไปทั่วโลกและสังหารสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง ตอนนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษไปแล้ว เจ้ายังไม่กลับใจและยังพยายามดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์”

 

ดวงวิญญาญยังนิ่งเงียบ

 

เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจและกระตุ้นใช้พลังอำนาจของวิหารปราบวิญญาณ

 

กลิ่นอายของวิญญาณปะทุขึ้น เสาทั้งห้าเริ่มปลดปล่อยแสงและความร้อนออกมา

 

โซ่สีม่วงทองส่องประกายสว่างไสว

 

ร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณเริ่มสั่น

 

เมื่อเวลาผ่านไปข้อมูลบางส่วนก็ถูกดึงออกมา

 

ภาพเริ่มปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของเสายักษ์ มันแสดงฉากชีวิตในอดีตของเทพปีศาจจิตวิญญาณ

 

มีฉากการบ่มเพาะของเขา ความกล้าหาญในการต่อสู้ การสนทนากับบางคน และอื่นๆ

 

การค้นวิญญาณดำเนินไปเป็นเวลาสิบห้านาทีก่อนจะหยุดลงอย่างช้าๆ

 

อย่างไรก็ตามเทพธิดาจื่อเว่ยกลับไม่พอใจ ข้อมูลที่ถูกดึงออกมาไม่ใช่ข้อมูลที่มีค่าใดๆ

 

นางเย้ยหยัน “โอ้ เทพปีศาจจิตวิญญาณ เจ้าเอาชนะทุกสิ่งมาเพื่อสิ่งนี้งั้นหรือ? เจ้าไม่มีความหวังเหลืออยู่อีกแล้ว เจ้ายังหวังว่าบางคนจะโจมตีวังสวรรค์และช่วยเจ้างั้นหรือ? ฮ่าฮ่า เจ้าจะทำสิ่งใดได้อีก? ผลลัพธ์ถูกกำหนดแล้วและไม่สามารถเปลี่ยนแปลง”

 

เทพปีศาจจิตวิญญาณยังเงียบราวกับก้อนหิน

 

เทพธิดาจื่อเว่ยก่นเสียงเย็นก่อนจะหันหลังกลับและจากไป

 

“ปัง!”

 

ประตูบานใหญ่ถูกผลักปิดตัวลงอย่างรุนแรง

 

เมื่อมองไปที่ลานกว้างและวิหารอันเงียบงัน คิ้วของเทพธิดาจื่อเว่ยขมวดเล็กน้อย

 

ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของนาง

 

ตอนนี้กลุ่มของฟงจิวเก้อยังไม่พบร่องรอยของฟางหยวน

 

นอกจากนั้นสายข่าวของวังสวรรค์ในทะเลทรายตะวันตกก็ไม่ได้รับข่าวว่ามีบางคนออกมาจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา

 

ทุกอย่างเงียบสงบ

 

อย่างไรก็ตามเทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกถึงความผิดปกติในความสงบสุขนี้

 

“น่าเสียดาย เทพปีศาจจิตวิญญาณยังต่อต้านแม้จะตกอยู่ในสภาพนี้ ข้อมูลที่ดึงออกมาไม่มีประโยชน์”

 

‘เขาเคยเป็นผู้อมตะระดับเก้าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณในตำนาน แม้นี่จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวของดวงวิญญาณ แต่เขายังสามารถต่อต้านการค้นวิญญาณจากวิหารปราบวิญญาณ ช่างน่าทึ่งนัก หากเป็นดวงวิญญาณของเข้า ยังไม่ต้องกล่าวถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะ กระทั่งผู้อมตะระดับหก ข้าก็ไม่สามารถต่อต้าน”

 

“ลืมมันไปซะ แม้เทพปีศาจจิตวิญญาณจะไม่ให้ความร่วมมือ แต่วิหารปราบมารยังสามารถค้นวิญญาณของเขาต่อไป แม้มันจะช้า แต่เมื่อเวลาผ่านไป ข้อมูลทั้งหมดจะถูกดึงออกมาในที่สุด”

 

“สำหรับตอนนี้…”

 

เทพธิดาจื่อเว่ยมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเผยรอยยิ้มสดใส

 

“ถึงเวลาแล้วที่โลกจะได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของวังสวรรค์!”

 

วังสวรรค์นิ่งเงียบมาหลายเดือนหลังการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน แต่ตอนนี้พวกเขากำลังจะเปิดเผยข่าวที่น่าสะพรึงกลัวออกไป

 

ดวงวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับโดยวังสวรรค์ขณะที่แผนการท้าทายสวรรค์ของเขาถูกทำลายโดยผู้อมตะของวังสวรรค์

 

เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ความโกลาหลปะทุขึ้นในโลกของผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคทันที

 

ผู้อมตะระดับเก้าคือผู้ปกครองแห่งยุคสมัย

 

ไม่มีผู้ใดสามารถจินตนาการว่าวังสวรรค์จะสามารถจับผู้อมตะระดับเก้า ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นเทพปีศาจจิตวิญญาณที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์

 

แม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวของดวงวิญญาณ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้โลกทั้งใบสั่นสะเทือน

 

แน่นอนว่ามีบางคนตั้งคำถามถึงความถูกต้องของข่าวนี้แต่ไม่นานพวกเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

 

วังสวรรค์เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี พวกเขาแสดงหลักฐานทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นกองกำลังพันธมิตรผีดิบ นิกายเงา รวมถึงการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนและการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน

 

หลังฐานเหล่านี้ทำให้ผู้คนเชื่อมันอย่างสมบูรณ์

 

วังสวรรค์ได้รับความสนใจอีกครั้ง ความรุ่งโรจน์ในอดีตของวังสวรรค์ถูกขุดขึ้นมากล่าวถึง

 

พวกเขาเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งของโลกผู้อมตะตั้งแต่เริ่มต้น

 

วังสวรรค์ถูกก่อตั้งขึ้นโดยเทพอมตะแรกกำเนิด หลังจากนั้นเทพอมตะกลุ่มดาวก็รับช่วงต่อและยังสามารถยืนหยัดมาจนถึงปัจจุบัน

 

แม้เทพปีศาจสามคนจะบุกวังสวรรค์ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใด

 

กล่าวได้ว่ามันทั้งลึกลับ ทรงพลัง และเหนือจินตนาการ

 

นี่คือวังสวรรค์

 

…..

 

ภารเหนือ ถ้ำสวรรค์นิรันดร

 

ราชันใต้นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าที่แก่ชราของเขาแสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต

 

“เห้อ…ผู้ใดจะคิดว่าชื่อเสียงของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่จะถูกทำลายหลังจากความตายภายใต้เงื้อมมือของวังสวรรค์” ราชันใต้ถอนหายใจ

 

เหยากวงที่ยืนอยู่ข้างเตียงปลอบโยน “ท่านราชันใต้ ท่านควรให้ความสำคัญกับการพักฟื้นและพักผ่อน”

 

ราชันใต้หัวเราะเบาๆ “ข้าเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน จำสิ่งที่ข้าเคยบอกเจ้าเอาไว้ เจ้าจะรับตำแหน่งราชันใต้หลังจากข้าตาย”

 

“รับทราบ!”

 

ราชันใต้แสดงความกังวล “สิ่งต่างๆกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป ภูมิภาคทั้งห้าจะเข้าสู่สถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ข้าสัมผัสได้ถึงคลื่นแห่งกาลเวลาที่พุ่งพล่านและไม่ธรรมดา กระทั่งถ้ำสวรรค์นิรันดรของเราก็ยังจะถูกคลื่นยักษ์กลืนกินหากเราก้าวพลาด วังสวรรค์จะเป็นศัตรูตัวฉกาจของเรา ระวังตัวด้วย”

 

“ผู้น้อยจะจดจำถ้อยคำของท่านเอาไว้อย่างดี”

 

…..

 

ภาคใต้ ภูเขาศพ

 

นี่เป็นยอดเขาที่แปลกมาก ในอดีตผู้อมตะระดับแปดของภาคใต้กลายเป็นผีดิบอมตะและต่อสู้กับกองกำลังใหญ่บนยอดเขาลูกนี้ ในที่สุดเขาตายที่นี่ เมื่อเวลาผ่านไป ซากศพของผีดิบอมตะระดับแปดก็กลายเป็นสารอาหารหล่อเลี้ยงสถานที่แห่งนี้และทำให้มันกลายเป็นภูเขาศพ

 

ภูเขาศพมีความสูงหลายร้อยเมตร มันอยู่ใกล้กับจุดตัดของแม่น้ำมังกรแดงและแม่น้ำมังกรเหลืองซึ่งเต็มไปด้วยแก่นแท้ของธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้มันจึงเต็มไปด้วยทรัพยากรและกลายเป็นสถานที่สำคัญ

 

ตอนนี้วูหยงยืนอยู่บนยอดเขาศพและกำลังจ้องมองจุดตัดของแม่น้ำทั้งสอง

 

ด้านข้างเขาคือผู้อมตะตระกูลวู วูเจิ้น

 

วูเจิ้นมองแผ่นหลังของวูหยงด้วยความรู้สึกชื่นชมในหัวใจ

 

เดิมทีภูเขาศพอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลวู แต่ไม่นานมานี้มันถูกยึดครองโดยตระกูลเหยา หลังการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน วูหยงเปิดเผยการคงอยู่ของบ้านไม้ใผ่สายลมรวมถึงความแข็งแกร่งของเขา นั่นสร้างความหวาดกลัวให้กับกองกำลังอื่นๆเป็นอย่างมาก หลังจากประสบความสำเร็จในการเจรจากับวังสวรรค์และได้รับวิญญาณอมตะกลับคืน เขาส่งมอบพวกเขาให้กับเจ้าของเดิม

 

ผลที่ตามมาคือชื่อเสียงของวูหยงที่พุ่งสูงขึ้น แม้ตระกูลวูจะประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ แต่เรื่องนี้ทำให้สถานการณ์ของตระกูลวูเกิดเสถียรภาพและกลายเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งของภาคใต้อีกครั้ง

 

ความสำเร็จของเขาทำให้กองกำลังอื่นๆล่าถอยและละทิ้งแหล่งทรัพยากรที่เคยฉกชิงมาจากตระกูลวู

 

ตอนนี้คนในตระกูลวูเริ่มเปรียบเทียบวูหยงกับวูตู๋ซิ่ว พวกเขาคิดว่าวูหยงจะสามารถนำตระกูลวูสู่ความรุ่งโรจน์ได้อย่างแน่นอน

 

“วูเจิ้น ภูเขาศพเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ข้าจะมอบสิ่งนี้ให้เจ้าดูแล” วูหยงกล่าวโดยไม่หันหลังกลับ

 

“ทราบแล้ว ข้าจะไม่ทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งผิดหวัง” น้ำเสียงของวูเจิ้นสั่นเล็กน้อย

 

“นายท่าน…” เขาหยุดก่อนกล่าวต่อ “ภูเขาศพเป็นแหล่งทรัพยากรสุดท้ายที่พวกเราสูญเสียไป ตอนนี้เราจะตอบโต้พวกเขาเลยหรือไม่?”

 

วูหยงขมวดคิ้ว

 

เขาวางแผนตอบโต้มาตลอด

 

แต่หลังจากได้ยินข่าวการจับตัวเทพปีศาจจิตวิญญาณของวังสวรรค์ วูหยงตัดสินใจยกเลิกแผนการนี้

 

“ครั้งนี้ตระกูลวูสูญเสียผู้อมตะมากเกินไป เนื่องจากเราสามารถกู้คืนดินแดนทั้งหมดแล้ว ด้วยกำลังคนของเราในเวลานี้ เราแทบไม่สามารถดูแลพวกมัน นี่เป็นปัญหาที่ใหญ่กว่า ตอนนี้ถึงเวลาพักฟื้นและบ่มเพาะผู้อมตะรุ่นต่อไปแล้ว”

 

“ทราบแล้ว ข้าจะทำตามการตัดสินใจของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง” วูเจิ้นกล่าวด้วยความเคารพ

 

ชื่อเสียงของวูหยงในปัจจุบันทำให้เขาได้รับการสนับสนุนจากผู้อมตะทั้งหมดของตระกูล

 

“อย่างไรก็ตามเราจะไม่ปล่อยคนที่กล้าท้าทายตระกูลวูของเราไปอย่างง่ายดาย แม้เราจะไม่ขยายอาณาเขต แต่เราจะต้องได้รับทรัพยากรเป็นค่าชดเชย” วูหยงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

 

จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของวูเจิ้นพุ่งพล่านขึ้นทันที “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งฉลาดมาก!”

 

…..

 

ทะเลทรายตะวันตก ฐานทัพใหญ่ของตระกูลถัง

 

“วังสวรรค์ช่างน่ากลัวนัก” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของตระกูลถังกล่าวด้วยความกังวล

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลถังชำเลืองมองเขาอย่างเฉยเมย เขาเข้าใจความหมายของคนผู้นี้

 

ก่อนหน้านี้เมื่อพวกเขากล่าวถึงความร่วมมือกับนิกายเงา ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เมื่อข่าวเรื่องวังสวรรค์สามารถจับกุมเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกเผยแพร่ออกมา ผู้อมตะตระกูลถังจึงรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

 

“วังสวรรค์จะกล่าวโทษพวกเราเพราะความร่วมมือกับนิกายเงาหรือไม่?’ ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองถอนหายใจ

 

“หากพวกเขาทำแล้วอย่างไร? หากพวกเขาไม่ทำแล้วอย่างไร?” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งยิ้ม

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองขมวดคิ้ว “หากพวกเขาไม่โทษพวกเรา มันย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดี เราสามารถร่วมมือกับนิกายเงาต่อไป แต่หากพวกเขาต้องการเอาความกับพวกเรา เราต้องร่วมมือกับกองกำลังอื่นเพื่อต่อต้านวังสวรรค์ แน่นอนว่าเราต้องรักษาความลับเอาไว้และไม่เปิดเผยหลักฐานใดๆ มิฉะนั้นวังสวรรค์จะมีข้ออ้างขณะที่พวกเราจะไม่สามารถขอกำลังเสริม”

 

“นอกจากนั้นหากไม่ได้ผลเราจะเสียสละถังฟางหมิงและถังหลานเค่อเพื่อตระกูล”

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า ดู เจ้ารู้วิธีจัดการกับสถานการณ์อยู่แล้ว เช่นนั้นเจ้าจะตื่นตระหนกเพื่อสิ่งใด?”

 

“ฮืม!”

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งหัวเราะก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หากตระกูลถังต้องการลุกขึ้น เราต้องเสี่ยงเท่านั้น หากเราไม่สามารถทำความเข้าใจอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เราจะได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่ได้อย่างไร? สำหรับถังฟางหมิงและถังหลานเค่อ พวกเขาเข้าใจเรื่องนี้อยู่แล้ว การเสียสละเพื่อตระกูลถือเป็นเกียรติของพวกเขา”

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองถอนหายใจ “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งช่างฉลาดหลักแหลมนัก”