บทที่ 1437 ชายผู้นี้กำลังท้าทายกับสวรรค์

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

ทะเลทรายตะวันตก

 

แสงแดดแผดเผาทุกรูปแบบชีวิต

 

ท้องฟ้าสีฟ้าไร้เมฆ มวลอากาศร้อนลอยขึ้นจากทะเลทรายสีทองและสร้างเป็นฉากที่บิดเบี้ยว

 

“ลาก่อน” กลุ่มของฟางหยวนกล่าวลาสองผู้อมตะตระกูลถัง

 

“สหาย ดูแลตัวเองด้วย” ถังหลานเค่อยิ้ม

 

นางเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่ดูแลสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาแห่งนี้ นางเป็นคนสำคัญในการช่วยฟางหยวนออกจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา

 

ฟางหยวนยิ้ม “พวกท่านมาส่งพวกเราไกลนับหมื่นลี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องส่งต่อไป”

 

ถังหลานเค่อเผยรอยยิ้มสดใสแต่นางกลับหัวเราะขมขื่นอยู่ภายใน ความร่วมมือกับฟางหยวนไม่ใช่เรื่องของการค้าเท่านั้นแต่มันยังเกี่ยวกับงานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝันของนิกายเงาอีกด้วย

 

อย่างไรก็ตามตั้งแต่ฟางหยวนออกมาจากสายธารแห่งกาลเวลา เขากลับไม่เคยกล่าวถึงเรื่องนี้และทำตัวราวกับลืมมันไปแล้ว

 

แม้ทั้งสองฝ่ายจะสร้างข้อตกลงพันธมิตร แต่ตระกูลถังยังกังวลอยู่บ้าง

 

ถังฟางหมิงที่เงียบมาตลอดเปิดปากถามโดยตรง “ท่านผู้นำนิกายเงาและสหาย ข้าสงสัยว่าเราจะร่วมมือกันหลังจากนี้อย่างไร?”

 

ฟางหยวนชำเลืองมองถังฟางหมิงและแสดงออกด้วยความชื่นชมผ่านดวงตา “ข้าสนใจอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เราสามารถร่วมมือกันในเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เรากำลังถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะระดับแปดจากวังสวรรค์ มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เราจะร่วมมือกันในอนาคต วางใจได้ เราสร้างข้อตกลงพันธมิตรกันแล้วมิใช่หรือ? แน่นอนว่าหากตระกูลถังต้องการ เราสามารถอยู่ที่นี่ต่อ มันเป็นเพียงว่าสถานะของเราแตกต่างกันและการไล่ล่าของวังสวรรค์ก็กดดันพวกเราเป็นอย่างมาก”

 

ถังฟางหมิงและถังหลานเค่อมองหน้ากัน ทั้งสองสามารถมองเห็นความขมขื่นในดวงตาของกันและกัน

 

คำกล่าวของฟางหยวนหมายความว่าหากพวกเขาต้องการงานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝัน พวกเขาต้องช่วยนิกายเงาต่อต้านวังสวรรค์ ในกรณีนั้นการสมรู้ร่วมคิดระหว่างตระกูลถังและฝ่ายปีศาจจะถูกเปิดเผย พวกเขาต้องรับผลที่จะตามมาจากชื่อเสียงที่ตกต่ำลง

 

ตระกูลถังไม่สามารถรับผลลัพธ์ดังกล่าว

 

ขณะเดียวกันฟางหยวนก็มีความแข็งแกร่งเพียงพอ เขาไม่กลัวตระกูลถังแม้ฝ่ายหลังจะมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะในการครอบครองก็ตาม

 

“หากเป็นเช่นนั้นข้าก็ขอให้พวกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ” ถังฟางหมิงโค้งคำนับเล็กน้อย

 

“อืม ลาก่อน” ฟางหยวนพยักหน้าและออกเดินทางด้วยท่าทางเฉยเมย

 

ถังฟางหมิงและถังหลานเค่อยืนอยู่บนเนินทรายและมองกลุ่มของฟางหยวนกลายเป็นจุดสีดำหายไปที่เส้นขอบฟ้า

 

“เสี่ยวหมิง เจ้าจะปล่อยให้พวกเขาจากไปเช่นนี้งั้นหรือ?” ถังหลานเค่อขมวดคิ้ว

 

ถังฟางหมิงกล่าวอย่างสงบ “แม้ข้าจะไม่ยินดีปล่อยพวกเขาไปแต่ตระกูลถังของเราก็ไม่สามารถบังคับให้พวกเขาอยู่”

 

ถังหลานเค่อเงียบก่อนจะถอนหายใจ “เห้อ…ข้ารู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้ ข้าไม่รู้ว่าพันธมิตรนี้จะเป็นประโยชน์หรือโทษต่อตระกูลของเรา”

 

ถังฟางหมิงตอบ “ข้ารู้เพียงว่ามีข้อดีย่อมต้องมีข้อเสีย บ่อยครั้งยิ่งเสี่ยงมาก็ยิ่งได้กำไรมาก นอกจากนั้นการตัดสินใจร่วมมือกับนิกายเงาก็ได้รับการเห็นชอบจากผู้อาวุโสสูงสุดหลายคน”

 

ถังหลานเค่อแสดงออกอย่างจริงจัง “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตระกูล มีเพียงเจ้ากับข้าเท่านั้นที่ติดต่อกับนิกายเงา! หากมีเหตุร้ายเกิดขึ้น มีเพียงพวกเราที่ต้องรับผิดชอบ!”

 

ถังฟางหมิงหัวเราะเย้ยหยัน

 

ตระกูลถังจะใช้เขาและถังหลานเค่อเป็นแพะรับบาปหากเกิดเรื่องผิดพลาด

 

นี่เป็นกลอุบายที่ฝ่ายธรรมะมักใช้งานและถังฟางหมิงก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี

 

‘ฟางหยวนเป็นคนเช่นไร? เขาย่อมตระหนักถึงกลอุบายของตระกูลถัง สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาอยู่ใกล้กับฐานทัพใหญ่ของตระกูล พวกเขาอยู่ที่นี่มานับสิบวันแต่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งไม่เคยปรากฏตัว ต้องการสร้างความร่วมมือแต่กลับไม่แสดงความจริงใจ? เมื่อตัดสินใจสร้างความร่วมมือกัน เราก็ต้องเตรียมใจให้พร้อม เราจะประสบความสำเร็จขณะที่ยังลังเลใจเช่นนี้ได้อย่างไร?’

 

ถังฟางหมิงคิดกับตนเองขณะที่ถังหลานเค่อเปิดปากถาม “เจ้าคิดอย่างไรกับฟางหยวน? เขาบอกว่าเขาถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะระดับแปดหลายคนจากวังสวรรค์ เจ้าคิดว่าเขากล่าวเกินจริงหรือไม่?”

 

ถังฟางหมิงเข้าใจความหมายของถังหลานเค่อ ทางเลือกที่ดีที่สุดของเขาก็คือเงียบ

 

หากเขากล่าวถึงฟางหยวนในแง่ร้าย ถังหลานเค่อจะรายงานกับตระกูลว่าถังฟางหมิงรู้สึกไม่ดีต่อนิกายเงาและทำให้พวกเขาไม่มีความสุข นางสามารถใช้เรื่องนี้เพื่อผลักดันความรับผิดชอบให้เขาเพียงผู้เดียว

 

หากเขากล่าวถึงฟางหยวนในแง่ดี ถังหลานเค่อจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้ ในกรณีที่ความร่วมมือกับฝ่ายปีศาจถูกเปิดเผย ตระกูลถังจะสังเวยทั้งสอง แต่ถังหลานเค่อจะใช้เรื่องนี้เพื่อโน้มน้าวให้ผู้อาวุโสสูงสุดลดโทษให้นางและโยนความผิดไปที่ถังฟางหมิงทั้งหมด

 

ถังฟางหมิงอาจไม่คุ้นเคยกับการเมืองของตระกูลเนื่องจากเขาพึ่งกลับเข้าตระกูล แต่เขาไม่ใช่คนโง่

 

เขาถอนหายใจและกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “แม้ข้าจะไม่เคยเห็นพลังการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของเขาด้วยตาของตนเอง แต่หลังจากติดต่อกันมาหลายวัน ข้ามั่นใจว่าชื่อเสียงของเขาไม่ใช่เรื่องหลอกลวง ฟางหยวนเป็นตำนานของคนรุ่นนี้ ท่าทางที่สง่างามและความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกชื่นชมเขา ชายผู้นี้กำลังท้าทายสวรรค์ เมื่อพิจารณาถึงจุดนี้ เรายังไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขา”

 

ร่องรอยของความสุขปรากฏขึ้นในดวงตาของถังหลานเค่อ นางนิ่งเงียบเมื่อได้ยินคำกล่าวของถังฟางหมิง

 

อีกด้านหนึ่งฟางหยวนกำลังคิดเกี่ยวกับถังฟางหมิงเช่นกัน

 

ในความทรงจำของเขา ถังฟางหมิงผู้นี้เป็นบุคคลในตำนานของทะเลทรายตะวันตก

 

สถานะของเขาเกือบเท่ากับหม่าหงหยุนของภาคเหนือ

 

ถังฟางหมิงถูกตระกูลละทิ้งอย่างไร้ปรานีเมื่อเขายังเด็ก

 

เขาและน้องสาวของเขา ถังเมี่ยว ต้องใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่กลางทะเลทราย แต่เนื่องจากการเผชิญหน้าโดยบังเอิญ เขาจึงสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะขณะที่ถังเมี่ยวกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าขั้นสุดยอด

 

ผู้อาวุโสสูงสุดหลายคนของตระกูลถังเสียสละผู้ใช้วิญญาณระดับสูงหลายคนของตระกูลเพื่อแลกกับการนำถังฟางหมิงกลับเข้าตระกูล

 

ต่อมาเขาสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าการตัดสินใจของผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลถังเป็นเรื่องที่ชาญฉลาด

 

หลังจากถังฟางหมิงกลับเข้าสู่ตระกูล เขาช่วยถังเมี่ยวก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นอกจากนั้นเขายังสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์อย่างขยับขันแข็ง

 

เขามีความสามารถพิเศษและมีความเฉลียวฉลาด

 

เขาเริ่มสร้างวิญญาณบนเส้นทางแห่งความฝัน เขาเป็นคนสำคัญที่ทำให้ตระกูลถังเติบโตขึ้น

 

ในสงครามห้าภูมิภาค อาณาจักรแห่งความฝันปรากฏขึ้นทุกหนทุกแห่ง เส้นทางแห่งความฝันเจริญรุ่งเรืองขณะที่ตระกูลถังสามารถก้าวขึ้นสู่ความเป็นมหาอำนาจของทะเลทรายตะวันตก

 

พวกเขาแข็งแกร่งมาก แม้จะรวมทั้งห้าภูมิภาค พวกเขาก็ยังถือเป็นกองกำลังระดับสูงสุด ชื่อเสียงของพวกเขาแพร่กระจายไปทั่วโลก ผู้คนมากมายกล่าวว่ามันเป็นยุคทองของตระกูลถัง

 

และตัวตนที่โดดเด่นที่สุดก็คือผู้อมตะที่หันไปบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งความฝัน ถังฟางหมิง!

 

‘ปัจจุบันหม่าหงหยุนเสียชีวิตไปแล้ว ด้วยความร่วมมือกับข้า ถังฟางหมิงจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว หากเปรียบเทียบ ชีวิตของคนทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง’

 

‘แต่เส้นทางที่แท้จริงที่ถูกกำหนดโดยโชคชะตา หม่าหงหยุนต้องตาย’

 

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

 

บนเกาะบัวหิน นอกจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขายังได้รับข้อมูลที่มีค่าบางอย่าง เทพปีศาจจิตวิญญาณสามารถอนุมานหลายสิ่งด้วยความช่วยเหลือจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง

 

ในชีวิตแรกของฟางหยวน นิกายเงาประสบความสำเร็จในการท้าทายสวรรค์ เทพปีศาจจิตวิญญาณฟื้นคืนสู่ชีวิตและประสบความสำเร็จในการแทรกซึมเข้าสู่วังสวรรค์

 

ต่อมาเมื่อยุคที่ยิ่งใหญ่เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับสงครามห้าภูมิภาค อิทธิพลของนิกายเงาแผ่กระจายไปทั่วทั้งห้าภูมิภาคและสองสวรรค์ พวกเขาควบคุมทุกสิ่งอยู่ในความมืด

 

นิกายเงาช่วยชีวิตหม่าหงหยุนเอาไว้หลายครั้งก่อนที่เขาจะกลายเป็นวีรบุรุษของภาคเหนือในการต่อต้านวังสวรรค์

 

ตระกูลถังได้รับการสนับสนุนอย่างลับๆจากนิกายเงาเช่นกัน

 

ถูกต้อง

 

ในชีวิตแรกของฟางหยวน ตระกูลถังได้สร้างความร่วมมือกับนิกายเงาเช่นเดียวกับชีวิตนี้ เหตุผลที่ตระกูลถังสามารถสร้างยุคทองและต่อต้านวังสวรรค์ได้เป็นเพราะการสนับสนุนจากนิกายเงา

 

ฟางหยวนเลือกที่จะร่วมมือกับตระกูลถังส่วนใหญ่เป็นเพราะเหตุผลนี้

 

ในทะเลทรายตะวันตก ตระกูลถังไม่ใช่กองกำลังเดียวที่ครอบครองสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา แต่เปรียบเทียบกับอีกสองกองกำลัง ตระกูลถังมีมีพื้นฐานในการร่วมมืออย่างจริงใจมากที่สุด

 

เหตุการณ์ที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าการเลือกของฟางหยวนไม่ผิด

 

ด้วยการหยิบยืมสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาจากตระกูลถัง ฟางหยวนสามารถหลบหนีออกมาโดยปล่อยให้กลุ่มของฟงจิวเก้อรอคอยอย่างไร้จุดหมาย

 

‘แต่…’

 

‘ในชีวิตแรกของข้า แม้แผนการของนิกายเงาจะประสบความสำเร็จ เทพปีศาจจิตวิญญาณสามารถฟื้นคืนสู่ชีวิต แต่ดูเหมือนเขาจะยังไม่สามารถกู้คืนสถานะเทพปีศาจ ในเวลานั้นนิกายเงายังแข็งแกร่ง แต่เทพปีศาจจิตวิญญาณกลับเลือกที่จะต่อสู้กับวังสวรรค์อยู่ในที่มืด นี่เป็นการยืนยันความแข็งแกร่งของวังสวรรค์กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณในเวลานั้นก็ยังยากที่จะเผชิญหน้า!’

 

‘ในชีวิตนี้แผนการของเทพปีศาจจิตวิญญาณล้มเหลวเพราะข้า ร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับ นิกายเงาอยู่ในสภาพที่น่าเวทนา สถานการณ์นี้เลวร้ายกว่าชีวิตแรกของข้าหลายเท่า’

 

‘ตอนนี้ข้าอาจต้องดำเนินรอยตามกลยุทธ์ของเทพปีศาจจิตวิญญาณ ข้าต้องซ่อนตัวและสนับสนุนกองกำลังต่างๆเช่นตระกูลถังเพื่อให้พวกเขาต่อสู้กับวังสวรรค์’

 

‘แต่ข้าจะทำอย่างไรกับวิญญาณชะตากรรม?’

 

ฟางหยวนขมวดคิ้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อคิดถึงเรื่องนี้

 

ในชีวิตแรกของเขา วังสวรรค์ไม่สามารถกู้คืนวิญญาณชะตากรรมเนื่องจากกองกำลังพันธมิตรผีดิบยังอยู่ขณะที่เทพปีศาจจิตวิญญาณที่ตายไปนานแล้วสามารถฟื้นคืนสู่ชีวิต นอกจากนั้นเขายังวางอุบายมากมายเพื่อขัดขวางวังสวรรค์ในการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม

 

แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป

 

สถานการณ์ที่ฟางหยวนกำลังเผชิญหน้าเลวร้ายกว่ามาก

 

ร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับ กองกำลังพันธมิตรผีดิบหายไป สิ่งมีชีวิตที่ท้าทายโชคชะตาจำนวนมากถูกกำจัดไปแล้ว นี่ทำให้การฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมง่ายขึ้น

 

วิญญาณชะตากรรมเหมือนดาบของเพชฌฆาตที่วางอยู่บนลำคอของฟางหยวน

 

เจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณเตือนฟางหยวนให้ระวังวิญญาณชะตากรรม หากมันฟื้นฟูขึ้นอย่างสมบูรณ์ มันจะกลายเป็นหายนะ

 

ฟางหยวนจดจำคำเตือนนี้เอาไว้ในใจ แต่เขายังไม่มีวิธีที่จะทำลายวิญญาณอมตะดวงนี้

 

สำหรับนิกายเงา ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพึ่งพาฟางหยวน

 

‘ในชีวิตแรกของข้า ข้าเดินทางตลอดเวลา เร่ร่อน อดทนต่อความยากลำบาก ถูกวางแผนต่อต้าน ทนทุกข์ทรมาน และถูกใช้เป็นเครื่องมือโดยเจตจำนงสวรรค์ ข้าไม่มีทางหลบหนีจากชะตากรรม’

 

‘เจตจำนงสวรรค์เลือกข้าเป็นเครื่องมือแต่เมื่อข้าไม่ได้ทำลายวิญญาณทารกอมตะและยังใช้มันกับตนเอง ข้าได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางสายใหม่และต้องต่อสู้กับสวรรค์โดยไม่มีทางเลือก’

 

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฟางหวนก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

เจตจำนงสวรรค์ยิ่งใหญ่และไร้ขอบเขต

 

หากเปรียบเทียบ ตัวตนของเขาไม่ถือเป็นสิ่งใด

 

ท้าทายสวรรค์?

 

‘น่าสนใจ’ ฟางหยวนเผยรอยยิ้มอย่างเงียบๆ