บัญชามังกรเดือด บทที่ 689 ให้โอกาสนายอีกครั้ง
“ท่านนักบวชระวังด้วย!”
เมื่อเห็นว่าเฉียวลิ่วจู่โจมอย่างกะทันหัน ทุกคนต่างก็พากันร้องตกใจ
เมื่อเผชิญกับสิ่งเหล่านี้ กู้ฉางเฟิงยังคงดูสงบนิ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สนใจกับเจ้าหกน้อยเลย ทว่าการลอบจู่โจมเขา ก็เป็นที่คาดเอาไว้ได้ก่อนแล้ว
เขาหัวเราะออกมาเสียงดัง การลอบจู่โจมเป็นเรื่องน่าอับอาย หรือว่านายจะไม่รู้อย่างนั้นหรือ?”
ท่าทีดูเหมือนกับผู้เป็นอาจารย์กำลังสั่งสอนลูกศิษย์ที่เกเร
ใบหน้าของเฉียวลิ่วแดงก่ำขึ้นมา สายตาดูดุร้าย
“เข้ามาอีก!”
สองมือสั่นไหว ก่อนจะจู่โจมเข้าไปอีกครั้ง
“ยังจะไม่รู้จักซาบซึ้งอีกงั้นหรือ!” กู้ฉางเฟิงยิ้มเย็นออกมา ถือแส้หางม้าเอาไว้ในมือ
ไหมเงินที่งดงามแต่เดิมนั้น จู่ๆ ทั้งหมดก็พากันแตกแขนงออกไป ก่อนจะพุ่งจู่โจมไปยังเฉียวลิ่ว
เฉียวลิ่วตื่นตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะรีบใช้กริชมาป้องกัน
ไม่คิดเลยว่า จะเป็นเพียงกระบวนท่าลวงของกู้ฉางเฟิง ฝ่ามือของเขาสั่นไหว แส้หางม้าร่วงหล่นลงมา ไหมเงินที่แตกแขนงออกมานับพัน เป็นเหมือนกับไม้กวาดเหล็ก กวาดไปยังหน้าอกของเฉียวลิ่ว
“อ่าห์!”
เฉียวลิ่วก้าวถอยหลังออกไปพร้อมกับร้องอุทาน รู้สึกได้ถึงความแสบร้อนและเจ็บปวด พร้อมกับเสื้อผ้าตรงหน้าอกที่ขาดวิ่น อีกทั้งกล้ามเนื้อหน้าอกยังปกคลุมไปด้วยคราบเลือด
ชั่วขณะนั้นก็นิ่งอึ้งตะลึงอยู่ตรงจุดนั้น
แส้หางม้าในมือของกู้ฉางเฟิง และเส้นไหมเงินเหล่านั้น เป็นเส้นไหมเงินจริงๆ! ไม่ใช่เส้นด้ายสีเงิน
เส้นไหมสีเงินเกิดขึ้นจากกำลังภายในของเขา กลายเป็นไม้กวาดเหล็ก
“ดี!”
“ท่านนักบวชทรงพลังมาก!”
เมื่อมองเห็นกู้ฉางเฟิงทำร้ายเจ้าหกน้อยได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ เจียวเหลียงก็ตะโกนโห่ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น
“ท่านนักบวชทรงพลัง!”
“ฆ่าเขาซะ!”
“ฆ่าไอเจ้าหมอนี่ที่ไม่รู้จักชั่วดีลงซะ!”
ตรงจุดนั้น คนอื่นๆ ที่เหลือ ส่งเสียงปรบมือโห่ร้องออกมา
เฉียวลิ่วกัดฟันแล้วมองไปยังฉินเทียนด้วยความรู้สึกผิด เขารู้สึกว่า วันนี้ตนเองทำเรื่องขายขี้หน้าแล้ว
พลังความแข็งแกร่งของกู้ฉางเฟิง เหนือเกินกว่าเขามาก
ทั้งสองคนนั้นไม่ได้อยู่ในระดับชั้นเดียวกันเลย
“ฉันจะขึ้นไป!” เสี่ยวเจ้าลิงน้อยกัดฟัน ดวงตาดูดุร้าย อย่างต้องการจะพุ่งขึ้นไป
“ไม่จำเป็น”
“พวกนายล้วนแต่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา” ตั้งแต่ที่เข้ามา เถี่ยโถวที่เงียบมาตลอดในที่สุดก็เปิดปากออกมา
เขามองไปยังฉินเทียนอย่างเย็นชา ก่อนจะพูด “นายมีความมั่นใจหรือไม่?”
“หากว่าไม่ได้ ฉันทำได้”
ดวงตาของฉินเทียน เผยรอยยิ้มแปลกประหลาดออกมา ก่อนจะพูดเสียงต่ำ “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่นายจะลงมือ”
“พลังของนายเก็บเอาไว้เถอะ มีประโยชน์มากกว่านี้”
“อย่าลืมซิ ตอนนี้ฉันเป็นผู้พิทักษ์ของนาย เรื่องปัญหาเล็กน้อยเช่นนี้ ก็ควรให้ฉันเป็นคนจัดการ”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเทียน ดวงตาของเถี่ยโถวที่อยู่ด้านหลังหน้ากาก ฉายแววตื่นตระหนกออกมา เขารู้สึกว่า ความลับของตนเอง ราวกับว่าถูกฉินเทียนแอบล่วงรู้เข้าแล้ว
เขาหันศีรษะออกไป ก่อนจะกัดฟันแล้วพูดออกมา “ตกลง!”
“ฉันเชื่อนาย!”
คนอื่นต่างก็คิดว่า ฉินเทียนเป็นผู้พิทักษ์ของเขาราชาเถียสิบสาม แต่จริงๆ แล้วมีเพียงแต่เขาที่รู้ ฉินเทียนถึงจะเป็นเจ้านายที่แท้จริงของเขา เป็นราชาเทพ
ส่วนเขาเป็นเพียงแค่ราชาผู้หนึ่งที่เพิ่งจะเข้าสู่วิหารเทพเท่านั้น ด้วยระดับแล้ว ก็คือลูกน้องของฉินเทียน
เมื่อมองเห็นฉินเทียนเดินไปยังเวทีแล้ว หานหลิงก็รีบพูดออกมาในทันที “ฉินเทียน อย่าขึ้นไป!”
“พวกเขาต้องการพุ่งเป้าไปที่นาย นายขึ้นไปจะต้องตายแน่ๆ!”
ฉินเทียนยิ้มแล้วพูดออกมา “หากว่าเพียงแค่เหล่าต้าวคนเดียวยังจัดการไม่ได้ แล้วจะพูดถึงเรื่องแก้แค้นแทนตระกูลหูได้อย่างไร?”
“ใกล้ได้เวลาแล้ว ฉันจะจัดการไล่เขาออกไป พวกนายจะได้จัดงานพิธีสักที”
ขณะที่พูดออกมา เขาดูสงบนิ่ง ภายใต้สายตาของทุกคนที่จับจ้องอยู่ เขาเดินไปบนเวทีด้วยมือที่ว่างเปล่า
“ระวังด้วย เจ้าหมอนี่ร้ายกาจนัก!” ใบหน้าของเฉียวลิ่วแดงก่ำ พูดเสียงต่ำออกไป
ถึงแม้ว่าเมื่อคืนนี้พวกเขาจะได้รู้ถึงพลังวิเศษของฉินเทียนแล้ว แต่มาตอนนี้ ก็ยังคงมีความกังวลอยู่เล็กน้อย
ฉินเทียนเป็นคู่ต่อสู้ของกู้ฉางเฟิงจริงๆ อย่างนั้นหรือ?
หากว่าฉินเทียนพ่ายแพ้ไป เช่นนั้นแผนการที่พวกเขาวางเอาไว้เป็นอย่างดี ก็คงจะต้องสิ้นสุดลงเพียงแค่นี้
เมื่อถึงเวลานั้น ที่เผชิญหน้ากับพวกเขา ก็จะคงเป็นความตาย
“อย่าเพิ่งท้อแท้ไป นายทำได้ไม่เลวแล้ว”
“กลับไปฉันจะชี้แนะให้นาย ผ่านไปไม่นาน ก็จะได้กลายเป็นผู้พิทักษ์ข้างกายของราชาเถียสิบสามที่เหมาะสม”
เมื่อได้ยินคำของฉินเทียน ดวงตาของเฉียวลิ่ว เผยร่องรอยของความหวังออกมาอีกครั้ง
“ตกลง!”
“ฉันจะรอคำแนะนำจากคุณ!”
เขาหมุนกายแล้วกระโดดลงไป
บนเวที เหลือเพียงแค่ฉินเทียนและกู้ฉางเฟิง ในเวลานี้ จู่ๆ ที่แห่งนั้นก็เงียบสงบขึ้นมา บรรยากาศเปลี่ยนไปดูเคร่งขรึม
ทุกคนล้วนแต่ต้องการดู ผู้ที่กล้าจะก่อเรื่องกับตระกูลเจียว ว่าจะมีพลังวิเศษอะไรกัน
ที่แม้แต่ผู้ที่ทำท่าทีเป็นไม่ใส่ใจอย่างหยางต้าวและจ้าวคง ต่างก็มองดูอย่างเคร่งขรึม
พวกเขาไม่ได้ใส่ใจในเรื่องที่ฉินเทียนไปขัดขวางงานมงคลของตระกูลเจียว
แต่ที่พวกเขาใส่ใจนั้นก็คือ ฉินเทียนคนไร้ประโยชน์ผู้นี้ ในอดีตนั้นเป็นเพื่อนสนิทของหูเฟย มาตอนนี้ เขารวบรวมแก๊งอันธพาล ถึงกลับกล้าใช้ชื่อของวิหารเทพ ข่มขู่ว่าจะพลิกคดีให้กับตระกูลหู
เพียงแค่ตรงจุดนี้ ฉินเทียนก็สมควรตายแล้ว!
พวกเขาไม่อนุญาต ให้มีสัญญาณใดที่พยายามจะพลิกคดีให้กับตระกูลหู
ยิ่งไปกว่านั้น หากว่าสังการฉินเทียนลงได้ ก็สามารถรับความชอบจากตระกูลฉินได้
ดังนั้น การต่อสู้ของฉินเทียนและกู้ฉางเฟิงในครั้งนี้ มีความสำคัญเป็นอย่างมาก
“ฉันดูออกว่าบนกายนายดูจะมีอะไรบางอย่าง แต่ว่าหากคิดอยากจะเอาชนะฉัน เกรงว่ายังคงไม่มีคุณสมบัติที่เพียงพอ”
“พูดมาเถอะ นายจะใช้อาวุธอะไร” กู้ฉางเฟิงมองไปยังฉินเทียนอย่างเย้ยหยัน
ฉินเทียนลุกขึ้นยืนอย่างสบาย ยิ้มเย็นแล้วพูดออกมา “จัดการกับนาย คงจะไม่จำเป็นแล้ว”
“ฉันจะให้โอกาสนาย สามกระบวนท่า”
“ภายในสามกระบวนท่า หากว่านายยังยืนอยู่บนเวทีได้อีก ฉันจะรีบยอมแพ้ไปในทันที”
อะไรนะ?
เมื่อได้ยินคำพูดที่บ้าคลั่งเช่นนี้ ทุกคนต่างก็พากันตื่นตกใจ เจียวเหลียงพูดออกมาอย่างโหดเหี้ยม “ท่านนักบวช ยังจะรออะไรอีก? รีบฆ่าเจาซะ!”
“คนแซ่ฉินจะต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนายแน่!”
กู้ฉางเฟิงหัวเราะออกมาอย่างโกรธจัด เขาในฮั่นจง เป็นหนึ่งในสิบยอดฝีมือ เมื่อไหร่กันที่ถูกผู้อื่นมาดูแคลนเช่นนี้?
“เจ้าหนู วันนี้นายจะต้องตายลง!”
“รับกระบวนท่าซะ!”
ท่ามกลางเสียงคำรามกรุ่นโกรธ พลังทั่วทั้งกายเขาระเบิดออกมา กำลังภายในสายหนึ่งหลั่งไหลเข้าสู่แขนของเขา ลงไปกลางแส่หางม้าเขา
ถึงกับใช้แส้หางม้าแทนหอก แทงไปยังหน้าอกของฉินเทียน
เมื่อตาเห็นว่ากำลังจะแทงลงบนหน้าอกของฉินเทียนนั้น จู่เขาก็ร้องต้องโกนดังออกมา ไหมเงินอ่อนนุ่มตรงปลายของแส้หางม้าทั้งหมดก็ถูกรั้งเอาไว้
ไหมเงินกลุ่มใหญ่ แต่ละเส้นล้วนแต่เฉียบคมอย่างยิ่ง
ในตอนที่จะทิ่มแทงเข้ายังร่างของศัตรูนั้น จู่ก็เบ่งบานออกมาอีกครั้ง เหมือนกับอาวุธที่ถูกซ่อนอยู่ในที่ลับ ทำให้ศัตรูยากที่จะป้องกันได้
อาศัยเพียงแค่มือนี้ กู้ฉางเฟิงก็โจมตียอดฝีมือจนพ่ายแพ้ไปมากมายแล้ว
แม้แต่ผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งกว่าเขา ก็พ่ายแพ้ลงไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
เมื่อมองเห็นกระบวนท่าที่ดูแปลกประหลาดและดุร้ายนี้ ทุกคนรอบๆ บริเวณก็ร้องอุทานออกมา
และส่วนใหญ่นั้น ร้องอุทานออกมาด้วยความยินดี มีเพียงแค่แก๊งหัวเหล็กและหานหลิงเท่านั้น ที่เป็นกังวลแทนฉินเทียน
“ทักษะเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น!”
ในช่วงเวลาสำคัญนั้น ฉินเทียนเย้ยหยันออกมา แล้วเอื้อมมือออกไปคว้ายังกองไหมเงินที่ด้านหน้ากายเขาอย่างไม่ใส่ใจ
“ไม่ได้
เถี่ยโถวอุทานออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว
เพราะว่าเขารู้ดีว่า ไหมเงินเหล่านี้มองดูแล้วอ่อนนุ่ม แต่ว่าทำขึ้นมาเป็นพิเศษ หลังจากที่เหวี่ยงออกไปแล้ว แต่ละเส้นล้วนแต่เฉียบคมอย่างไร้ที่เปรียบ
ฉินเทียนที่ไม่ได้ป้องกันเลย หากว่าจับมันด้วยมือเปล่า มือข้างนี้ จะไม่มีเลือดไหลซึมออกมาทันทีหรอกหรือ?
แต่ว่า ไม่ทันการแล้ว
หากจะบอกว่าสายไปก็คงจะเร็วเกินไป ฉินเทียนเอื้อมมือออกไปแล้วคว้าไปยังไหมเงินที่พุ่งออกมา
ที่แม้แต่กู้ฉางเฟิงเองก็คิดว่า ฉินเทียนนั้นประมาทจนเกินไป และเมื่อเขากำลังจะได้รับบาดเจ็บ ก็เกิดภาพฉากที่แปลกประหลาดขึ้นมา
มือของฉินเทียน เป็นเหมือนกับฝ่ามือเหล็กข้างหนึ่งที่จับลงไปอย่างเบาสบาย แต่ละเส้นที่เดินนั้นแข็งแรงเป็นอย่างมาก ไหมเงินที่พุ่งออกมาก็อ่อนนุ่มลงทันทีราวกับถูกแช่ลงในน้ำยา
เหมือนว่า จะเป็นเส้นไหมบนแส้หางม้าธรรมดาเท่านั้น