บัญชามังกรเดือด บทที่ 688 นายแพ้แล้ว
ฉินเทียนเหลือบมองไปยังช่ายจี พูดเย้ยหยันออกมา “อาศัยเพียงแค่นาย ยังไม่คู่ควรให้ฉันลงมือ”
“เจ้าหกน้อย!”
“ครับ!” เจ้าหกน้อยที่อยู่ด้านหลังตื่นตัวส่งเสียงดังตอบรับออกมา
ฉินเทียนมองไปยังเขาแล้วยิ้มออกมา “มอบให้นายแล้ว จัดการได้หรือไม่?”
เจ้าหกน้อยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกัดฟันพูดออกมาเสียงดัง “เพื่อราชาเถียสิบสาม ฉันจะสู้กับเขาสุดชีวิตเลย!”
“ดีมาก เริ่มต่อสู้ได้แล้ว ฉันจะคอยดูการต่อสู้ของนายเอง”
ฉินเทียนพูดออกมา พร้อมกับถอยออกไป
อีกด้านหนึ่ง ช่ายจีที่มีบทบาทเล็กๆ ไม่คู่ควรที่จะให้เขาลงมือเอง นอกจากนี้แล้ว เขายังต้องอาศัยโอกาสนี้ ดูความสามารถของคนเหล่านี้ในแก๊งของเถี่ยโถว
และยังให้โอกาสฝึกฝนให้กับพวกเขา
ท้ายที่สุดแล้ว มีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้นที่จะยืนอยู่ข้างกายของเถี่ยโถว
เมื่อเห็นฉินเทียนที่กล้าจะเมินเฉยตนเองแล้ว ช่ายจีก็โมโหเสียจนร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
“เข้ามา บอกชื่อนายมา!”
“ราชาเถียสิบสามบ้าบออะไร วันนี้ฉันจะฆ่าพวกแกให้หมด!”
เจ้าหกน้อยกระโดดขึ้นบนเวที ยกมุมปากยิ้มขึ้น ดูไม่เป็นอันตรายต่อคน
“พี่ชาย อย่าตื่นเต้นเกินไปสิ”
“น้องชายแซ่เฉียวชื่อลิ่ว คนในยุทธภพเรียกกันว่า เจ้าหกน้อย”
“พี่ชาย น้องชายอายุน้อยไม่รู้เรื่อง พี่ช่วยอ่อนข้อให้ฉันด้วย”
ช่ายจีคำรามอย่างกรุ่นโกรธ “หากว่าฉลาดนัก ก็รีบไสหัวออกไปให้ฉันซะ!”
“เรียกฉินเทียนขึ้นมา!”
เขาตัดสินใจแล้วว่า ฉินเทียนถึงจะเป็นคู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเขา ไม่ได้เห็นเจ้าหกน้อยอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำไป ท่ามกลางเสียงคำรามดัง ดาบอันร้ายกาจก็พุ่งตรงไปยังทางด้านของเฉียวลิ่ว
แต่เดิมนั้นคิดว่า เพียงแค่แสดงความร้ายกาจออกมาเพียงนิด เฉียวลิ่วก็ต้องตกใจจนต้องวิ่งหนีฉี่ราดกลับไป
ไม่คิดเลยว่า เฉียวลิ่วส่งเสียง “อัยหย๋า” ออกมาคำหนึ่ง กระโดดด้านข้างอย่างตื่นตระหนก แล้วหลบเหลียงไปได้พ้น
“พี่ชาย บอกว่าจะต่อสู้ก็ต่อสู้เลย ช่างไม่รู้จักถึงศิลปะการต่อสู้เสียเลย!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้เข้า ความกรุ่นโกรธเพิ่มสูงขึ้นในใจ
“เจ้าลิงน้อย ปากกล้าจริงๆ!”
ขณะที่พูดออกมา วิชาดาบก็เผยออกมา เรียกเสียงลมกรรโชกแรง เงาดาบลอยบินไปมา แทบจะทนรอไม่ไหวที่จะผ่าเจ้าหกน้อยให้ขาดเป็นสองส่วน
เจ้าหกน้อยส่งเสียงร้องอัยหย๋าอัยหย๋า กระโดดหลบซ้ายขวาไม่หยุด ถึงแม้ว่ามองออกไปแล้วจะดูน่าอับอาย ท่าทางเองก็ดูไม่สง่างาม
แต่ว่า กลับได้ผลยิ่งนัก แต่ละครั้ง ล้วนแต่หลบเหลียงดาบเล่มใหญ่ของช่ายจีได้อย่างสมบูรณ์
ในไม่ช้า ช่ายจีก็หอบเหนื่อย จ้องมองไปยังเจ้าหกน้อยด้วยดวงตาแดงก่ำ กัดฟันแล้วพูดออกมา “เจ้าลิงน้อย หากว่ากล้าก็มาต่อสู้กับฉันเสียดีๆ!”
“หลบหนีเพียงอย่างเดียว นับเป็นความสามารถอะไรกัน!”
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้เข้า เจียวเหลียงและคนอื่นๆ ทั้งหมดพากันร้องตะโกนออกมา
เจียวเหลียงหัวเราะเสียงดังออกมาอย่างได้ใจ
“ฉินเทียน นี้เป็นกลุ่มนักแสดงที่นายหามาหรือยังไง? พวกเขาดูเหมือนว่าจะไม่รู้เรื่องวิชายุทธ์เลย”
“เหมือนกับลิงที่กระโดดไปมาก็เท่านั้น นับเป็นความสามารถอะไรกัน?”
“อย่ามาขายขี้หน้าเลย!”
“หากว่ากล้าแล้ว นายก็ขึ้นมาเองซะ!”
ฉินเทียนยิ้มเย็นไม่พูดอะไรออกมา กระทั่งจนถึงตอนนี้ เฉียวลิ่วถึงแม้ว่าจะยังไม่แสดงการต่อสู้ใดออกมา ทว่า ได้ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความประหลาดใจเข้าแล้ว และเขาก็เล็งเห็นความสำคัญเข้าให้แล้ว
เพียงแค่ใช้วิชากายในการหลบหลีก ก็สามารถมองเห็นได้ว่า เจ้าหมอนี่มีอะไรบางอย่างอยู่จริงๆ
และที่น่ายกย่องก็คือ เมื่อเขาก้าวขึ้นมา ก็ไม่ได้ต่อสู้กับช่ายจีอย่างประมาท แต่ใช้วิชากายอันเชี่ยวชาญ เพื่อทำให้ช่ายจีหมดพลัง
กลยุทธ์เช่นนี้ ในตอนที่เผชิญกับศัตรูบางครั้งก็ดูจะสำคัญกว่าวิชายุทธ์มากนัก
เขาเชื่อว่า หากเมื่อไหร่ที่เฉี่ยวลิ่วจู่โจมกลับ ก็จะเป็นนาทีที่ช่ายจีต้องพ่ายแพ้ไป
เขาไม่ได้รีบร้อน ไม่คิดเลยว่า ด้านหลังเขาจะมีคนที่ร้อนรนเข้า
“เสี่ยวลิ่ว ตกลงแกทำได้หรือไม่? หากไม่ได้ก็รีบลงมา ให้ข้าขึ้นไปแทน!”
“เจ้าหลานชายนี่เรียกลิงน้อยอยู่ตลอด ช่างเป็นการดูถูกข้าเสียจริง!”
เขามีชื่อว่าโหวชง มีสถานะที่ใกล้เคียงกันกับเสี่ยวลิ่วในแก๊งหัวเหล็ก รู้จักกันในนามของเจ้าลิงน้อย
เฉียวลิ่วยกยิ้มมุมปาก พูดออกมา “โหวเอ๋อร์ ในเมื่อนายพูดออกมาแบบนี้แล้ว อาจารย์ลิ่วก็จะให้นายได้เปิดโลกทัศน์แล้ว!”
สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไป ท่าทีเช่นเดิมเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่ง ทันใดนั้นแววตาก็เผยเจตนาสังหารอันเย็นชาออกมา
สองมือยื่นออกไป ดึงกริชสั้นสองเล่มของมาจากถุงมือตรงช่วงเอว ส่งเสียงคำรามต่ำ ก่อนจะพุ่งไปยังช่ายจี
ช่ายจีเหวี่ยงดาบยาวออกไป มือขวาของเฉียวลิ่วยกกริชขึ้นเพื่อป้องกัน ส่วนกริชในมือซ้ายส่องประกายเย็นวาบออกมา ตวัดลงไปยังข้อมือของช่ายจีทันที
ครั้งนี้ถูกฟันเข้าจนเส้นเอ็นข้อมือขาดลงทันที ช่ายจีก็จะกลายเป็นคนที่ไร้ประโยชน์เช่นกัน
ครั้งนี้ถูกฟันเข้าจนเส้นเอ็นข้อมือขาดลงทันที ช่ายจีก็จะกลายเป็นคนที่ไร้ประโยชน์เช่นกัน
ช่ายจีส่งเสียงร้องอย่างตื่นตระหนก รีบร้อนก้าวถอยหลัง และถึงแม้ว่าเขาจะสูดลมหายใจเข้าลึก ส่งเสียงร้องตะโกนก่อนจะเหวี่ยงดาบยาวออกไป มองดูแล้วช่างน่าสะพรึงกลัว
ทว่า ฝีเท้ากลับดูซวนเซไปเสียแล้ว
และเช่นเดียวกันกับเขา เฉียวลิ่วค่อยๆ ก้าวเข้ามาทีละก้าว กริชสั้นทั้งสองเล่มลอยขึ้นลงอย่างไม่มีช่องโหว่ใด
เว่ยเทียนเหออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น ถามกู้ฉางเฟิงที่อยู่ด้านหลังว่า “ท่านนักบวช นายเห็นเป็นเช่นไร?”
กู้ฉางเฟิงยิ้มเยาะเย้ยแล้วพูดออกมา “ไม่คิดเลยว่า เจ้าแก๊งหัวเหล็กที่ดูไม่สลักสำคัญนี่ จะยังมีตัวละครที่ยากจะจัดการอยู่ด้วย”
“หากว่าเจ้าคนไร้ประโยชน์ตระกูลฉินจะใช้ให้พวกเขามาแสดง ก็ดูจะสมเหตุสมผลอยู่บ้าง”
เว่ยเทียนเหอส่งเสียงต่ำพูดออกมา “เช่นนี้แล้ว ช่ายจีคงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแล้ว?”
กู้ฉางเฟิงพยักหน้า “เรียกให้เขาถอยลงมาเถอะ”
“นายท่านวางใจได้ นี้เป็นเพียงแค่อาหารเรียกน้ำย้อยก็เท่านั้น ผู้บงการคือฉินเทียน ต่อไปก็ปล่อยให้ฉันไปฆ่าเขาซะ”
“ดี!”
“เช่นนั้นก็คงต้องรบกวนท่านนักบวชแล้ว!” ดวงตาของเว่ยเทียนเหอเผยแววเหี้ยมเกรียมออกมา และในตอนที่เพิ่งจะเปิดปากเรียกให้ช่ายจีลงมานั้น
เป็นในเวลานี้ ที่เสียงร้องอย่างน่าอนาถดังขึ้น ดาบเหล็กในมือของช่ายจีก็ตกลงพื้น เขาปิดข้อมือแล้วก้าวถอยไปไม่หยุด
มือข้างที่กุมมืออีกข้างอยู่นั้น ตรงระหว่างนิ้วมีเลือดสดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก
“เกิดอะไรขึ้น?” เว่ยเทียนเหอตกตะลึง ลุกขึ้นยืนมาในทันที
เฉียวลิ่วเล็มเลียเลือดสดบนกริช ก่อนจะยิ้มยินดีพูดออกมา “ขอบคุณที่ออมมือให้ นายแพ้แล้ว”
สีหน้าของช่ายจีซีดขาว กัดฟันแล้วพูดออกมา นายท่านเว่ย ทำให้ท่านต้องขายขี้หน้าแล้ว!”
“ตอนนี้ขอท่านได้โปรดช่วยแก้แค้นให้ด้วย!”
เว่ยเทียนเหอถอนหายใจออกมา ก่อนจะพูดออกมาเสียงดัง “ท่านนักบวช รบกวนแล้ว!”
“ตกลง” กู้ฉางเฟิงยิ้มออกมา สะบัดมือออกไป ทันใดนั้นก็คำรามเสียงต่ำออกมา สองเท้าเตะออกไปอย่างแรง ก่อนที่ทั้งตัวคนจะทะยานขึ้นไป
เหยียบลงบนเก้าอี้มาตลอดทาง ราวกับว่าคนลอยอยู่กลางอากาศอย่างไรอย่างนั้น และในตอนที่ใกล้จะถึงเวทีนั้น เขาตีลังกาขึ้นกลางอากาศก่อนจะตกลงบนเวทีได้อย่างมั่นคง
จากจุดที่เขายืนอยู่นั้น จนถึงเวที มีระยะห่างมากกว่าหลายสิบเมตร
กระบวนท่านี้ เรียกได้ว่าแสดงออกมาได้อย่างงดงาม
“ดี!”
“ท่านนักบวช ทรงพลัง!”
“ท่านนักบวช อัศจรรย์เกินไปแล้ว!”
“ท่านนักบวช เร็วเข้า ฆ่าเจ้าพวกสารเลวนี้ซะ!”
กู้ฉางเฟิงมองไปยังเฉียวลิ่ว ยิ้มออกมาจางๆ “ท่านลิ่วใช่หรือไม่?”
“ฉันเหล่าต้าวมาขอคำชี้แนะ นายกล้าต่อสู้หรือไม่?”
“หากว่าไม่กล้า ก็รีบถอยไปซะ แล้วให้ฉินเทียนขึ้นมา”
“วันนี้ฉันสามารถฆ่าได้เพียงแค่ฉินเทียนคนเดียวเท่านั้น”
ขณะที่พูดออกมานั้น เจตนาสังหารก็ปรากฏออกมาในดวงตา แล้วมองไปยังฉินเทียนที่อยู่ไกลออกไป
ส่วนเฉียวลิ่วนั้น เขาไม่ได้มองเห็นอยู่ในสายตาเลย
และแน่นอนว่าเฉียวลิ่วรู้ดี กู้ฉางเฟิงผู้ยิ่งใหญ่ พลังความแข็งแก่งของอีกฝ่ายนั้น สามารถจัดอยู่ในรายชื่อยอดฝีมือสิบอันดับแรกของฮั่นจงได้
และว่ากันตามตรงแล้ว เขาค่อยข้างที่จะขลาดกลัว
ทว่าเมื่อถูกผู้อื่นเมินเฉยใส่ต่อหน้าเช่นนี้ ความโมโหนี้คงไม่อาจกลืนลงไปได้
“พี่ฉินเทียนเป็นผู้คุ้มครองข้างกายราชาเถียสิบสามของพวกเรา ท่านอยากที่จะท้าทายเขา ก็มาผ่านด่านฉันไปให้ได้เสียก่อน!”
ท่ามกลางเสียงคำรามดังอย่างกรุ่นโกรธ จู่ๆ เขาก็ม้วนตัวด้วยความเร็วพุ่งไปยังกู้ฉางเฟิง
ขณะเดียวกัน ลำแสงเย็นเยียบในมือเขาส่องประกายออกมา
กริชสั้นทั้งสองเล่มจู่โจมออกไปพร้อมกัน เฉือนไปยังข้อเท้าทั้งสองของกู้ฉางเฟิง
การลอบจู่โจมครั้งนี้ เป็นเหมือนกับลมกรด อีกทั้งยังประชิดเข้ามา คว้าเอาข้อเท้าของอีกฝ่ายเอาไว้ สามารถกล่าวได้ว่า ดูโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก