ตอนที่ 1161 ดีๆๆ! / ตอนที่ 1162 ถูกเอาใจจนกลายเป็นเช่นนี้

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 1161 ดีๆๆ!

 

 

“นักบวชผู้นั้นกล่าวว่า โชคชะตาของกระหม่อมนี้ ยังส่งผลกระทบกับทั้งสองฝ่าย ถ้าหากสตรีผู้สูงศักดิ์กับกระหม่อมอยู่ด้วยกันเป็นเวลานาน ก็จะรู้สึกแน่นหน้าอกอย่างเหลือทน มือเท้าจะอ่อนปวกเปียก อีกทั้งเลือดลมจะไหลเวียนย้อนขึ้น…”

 

 

ขณะที่ซูหลีพูดออกมา เหมือนมีทางช้างเผือกสะท้อนในดวงตาทั้งสองมิปาน นางหันศีรษะและมองไปทางไทเฮาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย

 

 

“นี่เหนียงเหนียงทรงเป็นอะไรไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ คงจะไม่ได้มีอาการแสดงออกมาเหมือนดังคำพูดของนักบวชผู้นั้นกระมัง!?”

 

 

ขณะที่พูด ใบหน้ายังฉายความกังวลออกมาอย่างเหมาะเจาะ ดูคล้ายกับกลัวว่าไทเฮาจะได้รับผลกระทบจากตนจริงๆ ทั้งยังไม่กล้าเข้าใกล้ไทเฮามากจนเกินไปมิปาน

 

 

ทุกคน…

 

 

คนที่สามารถใช้ปากพูดจาไร้สาระเช่นนี้ อย่าว่าแต่มองเฟ้นหาทั้งเมืองหลวงเลย แม้แต่ทั้งราชวงศ์ต้าโจว ก็เกรงว่าถึงจะหาคนที่สองที่เป็นเช่นนี้มิได้!

 

 

ไทเฮาที่มีอาการเช่นนี้ออกมาไม่ใช่เรื่องโกหก ทว่าทุกคนล้วนทราบดีว่า นี่ไม่ได้เป็นอย่างที่ซูหลีกล่าวมาทั้งหมดว่า ‘โชคชะตา’ ทำพิษอะไรนั่น ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะถูกซูหลียุแหย่จนเกิดโทสะ!

 

 

นางคงจะจงใจกระทำเช่นนี้กระมัง ซูหลีผู้นี้เป็นคนเจ้าเล่ห์เกินไปบ้าง เมื่อได้ยินคำพูดทั้งหมดที่นางเอ่ยว่านี่เป็นสิ่งที่นักบวชผู้มีคุณธรรมสูงเป็นคนกล่าว ไทเฮาซึ่งเป็นผู้ที่ศรัทธาในเรื่องของภูตผีวิญญาณมาโดยตลอด

 

 

จึงยิ่งเชื่อถือเรื่องนี้อย่างไม่ต้องสงสัยมากขึ้น ที่กล่าวว่าสตรีผู้สูงศักดิ์ที่มีเกียรติอันสูงสุด สถานที่ที่นางหงส์วนเวียนอยู่ เช่นนั้นไทเฮาก็มิอาจเอ่ยว่าตนไม่ใช่คนที่สูงศักดิ์ได้กระมัง

 

 

นี่นางกลับถูกซูหลีสกัดไว้ทั้งสองทาง ไทเฮานอกจากจะทรงกริ้ว ก็ทรงไม่สามารถทำอะไรนางได้!

 

 

คนที่อยู่ในสถานการณ์นี้ต่างถามตัวเองในใจว่า หากคนที่ถูกซูหลีทำให้โมโหในวันนี้เป็นตนเอง เกรงว่าคงจะกลัวจนทำอะไรไม่ถูกกระมัง!?

 

 

”จะ เจ้า…” ไทเฮาโมโหจนสั่นไปทั่วร่าง แม้แต่จะตรัสให้จบประโยคยังไม่สามารถทำได้ พระองค์ชี้ไปที่ซูหลี สีหน้าดูไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง

 

 

“ฝ่าบาท! พระองค์ปล่อยให้ขุนนางที่พระองค์ทรงโปรดปรานข่มเหงหรืออย่างไร จะถูกนางทำให้โกรธจนตายไปเลยใช่หรือไม่ พระองค์ถึงจะพอพระทัย!?” ในเมื่อไทเฮาทรงไม่สามารถทำอะไรซูหลีได้ กลับหันเศียรมาอีกทาง คล้ายกับกำลังข่มขู่ฝ่าบาท

 

 

ในดวงตาซูหลีมีประกายความลุ่มลึกพาดผ่าน นางอดที่จะมองไปทางฉินเย่หานปราดหนึ่งมิได้ สายตาของนางนี้ ครึ่งส่วนเป็นรักและสงสาร อีกครึ่งส่วนเป็นความไม่สบายใจ

 

 

รักและสงสาร แน่นอนว่าสงสารที่ฉินเย่หานมีมารดาเช่นนี้ ไม่คิดว่าฉินเย่หานเป็นบุตรของตนจริงๆ มีเพียงแค่กดขี่ข่มเหงเขาเท่านั้น

 

 

ส่วนความไม่สบายใจ….

 

 

ฉินเย่หานเป็นคนที่มีใจคอคับแคบมาตั้งแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะปัญหาที่นางใกล้ชิดกับบุรุษเหล่านี้ เขาไม่ยินยอมอ่อนโยนให้นางแม้แต่ครึ่งก้าว ซูหลียังไม่ลืมสายตาที่สามารถสังหารคนได้ของเขา ยามที่เขาเดินเข้ามาที่นี่

 

 

เมื่อหวนคิดก็รู้สึกตื่นตระหนก เขาโกรธมากขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะช่วยนางหรือไม่

 

 

“เสด็จแม่” ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย ฉินเย่หานไม่แม้แต่จะยกหนังตาขึ้นสักหน่อย และเขาก็ไม่มองซูหลีสักปราดด้วย พลันหันไปทางไทเฮาในทันที

 

 

ในเวลานี้ทุกคนล้วนใจจดใจจ่อรอฟังคำพูดต่อมาของเขา

 

 

“ที่ซูหลีพูดมาไม่ใช่เรื่องโกหก เรื่องนี้เราก็ทราบดี!” ทว่าใครก็คิดไม่ถึงว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ ทันทีที่ฉินเย่หานส่งเสียง ทั้งร่างจะยืนอยู่ฝ่ายของซูหลี

 

 

ในชั่วขณะนี้ทั้งลานกว้างตกอยู่ในความเงียบงัน

 

 

สีหน้าของไทเฮานี้ไม่สามารถใช้คำว่าดูแย่มาบรรยายได้แล้ว สีหน้าของพระองค์แข็งกระด้างเกินจะเปรียบเปรยได้ พระองค์มองฉินเย่หาน พลันหัวเราะอย่างเย้ยหยันและเอ่ยว่า

 

 

“ดี! ดี! ดี!” เสียงที่ดังขึ้นติดต่อกัน ใช้แรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

 

พระพักตร์ของพระองค์เปลี่ยนเป็นสีเขียวอมม่วง “ไม่เสียแรงที่ฝ่าบาทเป็นบุตรที่ดีของโดยจริง ทั้งยังพามาที่พระราชวังอะไรนี่อีก เกรงว่าในพระทัยของฝ่าบาทคงทรงเฝ้าภาวนาในใจให้ตายไปเร็ววันถึงจะถูก!”

 

 

“เสด็จแม่ ระวังคำพูดด้วย” สีหน้าของฉินเย่หานไม่แปรเปลี่ยน หลังจากที่ไทเฮากล่าวตำหนิจบ เขาเพียงตอบกลับอย่างเรียบเฉยประโยคหนึ่ง!

 

 

“เหอะ!” ไทเฮาทรงแค่นยิ้มเย็นออกมา

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1162 ถูกเอาใจจนกลายเป็นเช่นนี้

 

 

”ปีกของฝ่าบาทแข็งแกร่งแล้ว จึงไม่เห็นอยู่ในสายตาเป็นธรรมดา ช่างเถอะ! จะก็ไปหล่ะ” เมื่อถูกฉีกหน้าต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะคนผู้นี้คือฮ่องเต้

 

 

อารมณ์ของไทเฮาในเวลานี้แค่คิดก็พอจะทราบแล้ว พระองค์ไม่แม้กระทั่งจะเอ่ยอะไรออกมาอีกสักประโยค ไม่แม้กระทั่งจะใส่ใจมองคนในลานนี้ให้นานกว่านี้ พระองค์เพียงกวาดมองแวบเดียว จากนั้นจึงหมุนกายเดินออกไป

 

 

จูกงกงคนนั้นรีบเดินตามหลังไทเฮา เกรงว่าหากเขาตามไปช้าก้าวหนึ่ง จะถูกไฟแห่งสงครามนี้แผดเผา

 

 

ทว่านี่ก็ช่างเถอะ ยังมีความไม่สงบสุขมากที่สุดอีก…

 

 

“กระหม่อมคารวะไทเฮา เพื่อเป็นการคำนึงถึงพระวรกายหงส์ของไทเฮา ต่อไปกระหม่อมจะควบคุมการกระทำของตนให้ดี จะไม่ย่างกรายเข้าไปใกล้ตำหนักชิงหนิงแม้แต่ครึ่งก้าวโดยเด็ดขาด เพื่อให้ไทเฮาสงบสุขพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

ซูหลีหมอบลงทำความเคารพหนึ่งครั้ง น้ำเสียงของนางนั้นทั้งใสและชัดแจ้ง

 

 

นางแหงนศีรษะขึ้นมา มองเห็นไทเฮาที่ออกไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายดูโซซัดโซเซอยู่บ้าง อย่างไรก็ยังมีจูกงกงที่ซอยเท้าวิ่งเข้าไปประคองพระองค์ไว้

 

 

“เจ้านี่นะ…” ซูหลีเก็บสายตาของตนกลับมา ยังมีรอยยิ้มประดับที่ริมฝีปาก คล้ายกับมีความลำพองใจและยั่วยุผู้อื่นอยู่บ้าง

 

 

ฉินมู่ปิงที่ยืนอยู่ข้างกายนาง เห็นดังนั้นจึงส่ายศีรษะอย่างอดไม่ได้

 

 

ซูหลีผู้นี้เป็นคนที่ไม่อาจวางใจได้โดยแท้

 

 

“ถึงอย่างไรเสด็จย่าก็เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง ไยเจ้าถึงไม่ยอมอ่อนข้อให้นางสักก้าวหนึ่ง!” เขามองซูหลีด้วยความไม่พอใจปราดหนึ่ง คำพูดนี้แม้จะมีความหมายตำหนิซูหลี ทว่าในดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่

 

 

ซูหลีที่ถูกเขาใช้สายตาเช่นนี้จ้องมอง จึงขมวดคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้ การกระทำแปลกประหลาดของฉินมู่ปิงที่กระทำติดต่อกันในวันนี้ ทำให้นางเริ่มรู้สึกอดทนไม่ไหวโดยแม้แต่น้อย

 

 

ในเวลานี้นางจับจุดไม่ถูก การกระทำของอีกฝ่ายหมายความว่าอะไรกันแน่

 

 

หรือเพื่อให้นางเป็นผู้สืบข่าวภายใน ถึงได้กระทำอากัปกิริยาเช่นนี้ออกมา? ก็ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนั้นนี่นา ฉินมู่ปิงที่นางรู้สึก เป็นคนมีแผนการที่ล้ำลึก ในร่างกายกลับยังมีเลือดของราชนิกุลไหลเวียนอยู่ คงไม่กระทำเรื่องเช่นนี้ออกมาโดยเด็ดขาดถึงจะถูก

 

 

“เสด็จพี่ ท่านพี่ซู ไทเฮาเหนียงเหนียงทรงประชวร เช่นนั้นหม่อมฉันขอทูลลาเพคะ” เมื่อไทเฮาออกไปเช่นนี้แล้ว แม้แต่อู๋โยวหรานผู้นั้นก็ไม่ต้องเป็นกังวลแล้ว

 

 

อู๋โยวหรานก็ไม่คิดเลยว่า ความใจกล้าของซูหลีจะมีมากถึงเพียงนี้ พูดจาล้วนอาศัยความรู้สึกของตนเองล้วนๆ แม้นางเป็นคนที่ฉลาดปราดเปรื่องเหลือเกิน ทว่าการกระทำนี้ก็สะเทือนจิตใจเกินไปเสียหน่อย

 

 

ผู้ที่ทำสามารถทำให้อารมณ์ของคนขึ้นสูงในชั่วขณะหนึ่งแล้วล้มลงอย่างรุนแรงในอีกชั่วขณะหนึ่ง นี่เป็นคนมหัศจรรย์โดยแท้

 

 

ทว่าเพราะเรื่องในวันนี้ ทำให้อู๋โยวหรานมีความเข้าใจเรื่องของซูหลีแตกต่างจากเดิม

 

 

ซูหลีนั้นเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องมากจริงๆ ทว่านางกลับไม่ระงับความดุร้ายและอุปนิสัยดื้อรั้นของตนเลยสักนิด นี่ไม่ใช่เพราะความเฉลียวฉลาดของนาง แต่เป็นเพราะ…

 

 

อู๋โยวหรานอดไม่ได้ที่จะมองไปทางฉินเย่หานในทันที นี่เป็นเพราะมีคนคอยเอาใจอยู่เบื้องหลังก็เท่านั้น

 

 

ไม่ว่าอย่างไรไทเฮาก็เป็นพระชนนีแท้ๆของฮ่องเต้ ทว่าเมื่อเห็นอากัปกิริยาที่ฮ่องเต้ที่ทรงไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น เพียงยืนอยู่ข้างซูหลีนั้นพอแล้ว นางก็ยิ่งเข้าใจว่าเพราะเหตุใดซูหลีถึงไม่ระงับอากัปกิริยาเหล่านี้

 

 

อีกทั้ง…

 

 

ช่างเป็นคนที่ทำให้ในผู้อื่นอิจฉาริษยาโดยแท้ ซึ่งแม้แต่อู๋โยวหรานก็ยังไม่กล้าพูดว่าตนใช้ชีวิตตามอำเภอใจเหมือนกันนาง แม้กระทั่งคนที่สูงส่งที่สุดในใต้หล้า ก็ยังไม่อยู่ในสายตาของนาง

 

 

“ไปเถอะ” หนังตาของฉินเย่หานยังไม่ปรือขึ้นมาสักนิด เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น

 

 

อู๋โยวหรานดึงสติกลับมาในชั่วพริบตา เมื่อเปรียบเทียบระหว่างนางกับซูหลีแล้ว ฝ่าบาททรงปฏิบัติต่อนางอย่างไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆโดยแท้!

 

 

ในดวงตาของนางฉายแววเจ็บปวดออกมา ทว่าสีหน้ายังคงวางเฉย

 

 

ในดวงตาของนางฉายแววเจ็บปวดออกมา ทว่าภายนอกยังแสดงท่าทีเป็นคนมีเหตุมีผล ถอนสายบัวให้ฉินเย่หานครั้งนี้ จากนั้นถึงได้นำสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังของตนเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

 

 

ซูหลีไม่เห็นไทเฮาในสายตา ทว่าสำหรับนางแล้วคงจะปล่อยเล็ดลอดจากสายตาไปไม่ได้!