ตอนที่ 1163 ท่าทีของฉินเย่หาน
ที่อู๋โยวหรานเข้าใจอย่างชัดเจนว่า หากนางต้องการลงหลักปักฐานอยู่ที่เมืองหลวง เช่นนั้นตำแหน่งข้างพระวรกายไทเฮาและยังมีสภาพจิตใจของไทเฮา เป็นสิ่งที่นางจำเป็นคำนึงถึงมากที่สุด
“จะว่าไป ท่านน้าของซื่อจื่อท่านนี้ช่างงามสุดยอดจนเป็นไม่มีใครเปรียบได้ในยุคนี้โดยแท้” ซูหลีมองไปยังทิศทางที่อู๋โยวหรานเดินออกไป ใบหน้าประดับไว้ด้วยรอยยิ้มบางๆ จากนั้นจ้องไปที่ฉินมู่ปิงแล้วเอ่ย
“ซื่อจื่อ ท่านจะไม่พิจารณาข้อเสนอของข้าก่อนหน้านี้จริงๆหรือ ท่านเป็นถึงคนที่รักและทะนุถนอมบุปผางาม หากพลาดจากโฉมสะคราญล่มเมืองนางหนึ่งเช่นนี้ จะไม่เสียดายหรือ”
ใบหน้าของฉินมู่ปิงดำคล้ำ ผ่านไปนานมากแล้วซูหลียังไม่ยอมปล่อยประเด็นนี้ไปอีกหรือ!
หมู่นี้นับวันนางยิ่งกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว เขาเพียงเอ่ยคำพูดที่ทำให้นางไม่พอใจไม่กี่ประโยค ดูสตรีใจคอคับแคบผู้นี้ยังจดจำความแค้นไว้นานขนาดนี้!
“จากที่พูดมา ใต้เท้าซูสิถึงจะถือว่าเป็นสาวงามที่สุดในแผ่นดิน งามร่ำลือทั่วทั้งเมือง ข้าควรจะทำอย่างไรดี”
ฉินมู่ปิงชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเก็บซ่อนความรู้สึกในดวงตาของตน โน้มเข้าไปที่ข้างหูของซูหลีและเอ่ยประโยคนี้ออกมา
ใบหน้าของซูหลีแข็งค้าง ฉินมู่ปิงผู้นี้เป็นผู้มีฝีมือในเรื่องสตรีโดยแท้ การตอบโต้ของเขา ไม่แม้แต่จะเปิดโอกาสให้นางโต้ตอบ
ทว่ายิ่งเขากระทำเช่นนี้ ซูหลีก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาผู้นี้ประหลาดเกินจะเปรียบ ไม่แน่ในใจของเขาคงจะมีความคิดอะไรไม่ดีและกลัวว่าผู้อื่นจะทราบอยู่ก็ได้!
ซูหลีมองเขาตาขวาง เตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่ากลับได้ยินน้ำเสียงเย็นดุจน้ำแข็งดังขึ้น
“ซูหลี มานี่!”
ซูหลีผงะไปทันที ทันทีที่นางเหลือบตาขึ้นก็พบกับในหน้าที่เย็นชาของฉินเย่หาน
ร่างของนางสั่นสะท้านไปวาบหนึ่ง ช่างเถิด นี่นางหลงระเริงจนลืมตัว ไทเฮาผู้นั้นอาศัยตำแหน่งของตนเองมาโดยตลอด อีกทั้งยังไม่ไว้หน้านาง ครั้งนี้ทำให้ไทเฮาพ่ายแพ้ ในใจของซูหลีจึงรู้สึกดีจริงๆ
ทว่านิสัยที่แก้ไม่หายของนางก็คือ เมื่อดีใจก็ลืมไปว่าตนเองอยู่ในสถานที่ใด
ไทเฮาทรงเสด็จกลับไปแล้วมิผิด ทว่าที่นี่ยังมีฮ่องเต้ที่ใจคอคับแคบรอนางอยู่!
ช่วงเวลาที่เขาเข้ามาเมื่อครู่เป็นประจวบเหมาะมาก นางไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินและเห็นอะไรไปมากเท่าไรบ้าง ในยามปกติเพียงนางพูดกับบุรุษคนหนึ่งไม่กี่ประโยค เขาก็แทบจะกลืนกินนางลงไปแล้ว นับประสาอะไรกับวันนี้…
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของซูหลีก็เกิดความรู้สึกหวาดผวาอย่างบอกไม่ถูก
นางไม่มีความรู้สึกอื่นใดต่อฉินมู่ปิงกับเซี่ยอวี่เสียนทิ้งสิ้น ทว่าบัดนี้ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดผวา นางถูกรังสีที่แผ่ออกมาของฉินเย่หานทำให้ตกใจกลัวไปหมดแล้ว!
“ฝ่าบาท” หลังจากนางหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง จากนั้นถึงเดินเข้าไปอยู่ข้างกายของฉินเย่หานพร้อมกับความรู้สึกไปตายเอาดาบหน้า
นางเตรียมใจไว้แล้วว่า อย่างมากก็คงถูกเขา ‘รังแก’ อย่างรุนแรงคำรบหนึ่ง จำนวนที่ถูกเขาจัดการนับวันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ นางก็ควรจะชินได้แล้วมิใช่หรือ
แน่นอนว่า ถึงนางจะบอกว่าชินชาแล้ว แต่ที่จริงแล้วในใจของนางก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
เมื่อเดินไปถึงข้างกายของฉินเย่หานและสบเข้ากับดวงตาที่ลุ่มลึกจนถึงที่สุดของเขา ดวงตาของซูหลีก็สั่นไหวอย่างรุนแรง นางชะงักค้างไปพักใหญ่ ถึงได้พยายามฉีกยิ้มอย่างทึ่มทื่อที่สุดประจบฉินเย่หานครู่หนึ่ง
“มิใช่กล่าวว่าไม่สบายหรือ ยังจะอยู่ที่ลานกว้างนี้อยู่อีก?” ทว่าซูหลีไม่คิดเลยว่า ฉินเย่หานจะมีอากัปกิริยาเช่นนี้
นางเดินเข้าไปใกล้ เขาพลันก้มศีรษะลงใช้มือดึงเสื้อคลุมหนังสุนัขจิ้งจอกบนร่างนางรวมไว้ด้วยกัน
ซูหลี???
เป็นวันสิ้นโลกแล้วหรือ ต้าโจวจะล่มสลายแล้วหรือ
นางกำลังฝันอยู่ใช่หรือไม่!?
ถ้าไม่ใช่อย่างที่นางกล่าวมาทั้งหมด เช่นนั้นฉินเย่หานเป็นอะไรไปแล้ว ไยเขาถึงใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนพูดกับนางเล่า
มิหนำซ้ำบนใบหน้าสง่างามยังฉายแววความอบอุ่นขึ้นด้วย?!
ตอนที่ 1164 ประกาศกรรมสิทธิ์!
ความอบอุ่น!?
ซูหลีรู้สึกว่าสมองของนางยิ่งเลอะเลือนมากกว่าเดิมเท่านั้น
บนใบหน้าของฉินเย่หานที่คล้ายดั่งหิมะในขั้วโลกเหนือตลอดปี แม้แต่พระอาทิตย์นับสิบดวงก็ไม่สามารถทำให้ความเย็นยะเยียบบนใบหน้าเขาละลายลงได้ ทว่าอากัปกิริยาที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยในชั่วขณะนี้ ทำให้นางตกใจจนสะดุ้งโหยง
นางยังเกิดอาการแข้งขาอ่อน ประหนึ่งภาพลวงตาที่กำลังยืนอยู่บนก้อนเมฆมิปาน
…แท้จริงแล้ว นางคงกำลังฝันอยู่กระมัง
“มือเย็นเสียขนาดนี้ รู้สึกไม่สบายที่ไหนหรือ” ทว่าคนตรงหน้านี้กลับไม่เปิดโอกาสให้นางมีปฏิกิริยาตอบสนองเลยแม้แต่น้อย เมื่อเขาเห็นสีหน้านางที่เต็มไปด้วยความโง่เขลา เขากลับคว้ามือทั้งสองข้างของนางขึ้นมา จากนั้นกุมไว้ในฝ่ามือของตนอย่างแนบแน่น
ความร้อนที่แผ่ออกมาจากมือใหญ่ ทั้งยังมีสัมผัสที่เสมือนจริง เป็นการบอกซูหลีว่าทั้งหมดนี้คือเรื่องจริง
ซูหลีงุนงงไปหมดแล้ว!
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ฉินเย่หานที่เป็นแบบนี้กลับให้ความรู้สึกอันตรายอย่างร้ายแรงกับซูหลี อีกทั้ง…ยังมีความล่อลวงอย่างบอกไม่ถูก
อย่างน้อยนางก็ยังสามารถพอจะเข้าใจว่าเขาเป็นคนอย่างไร ทว่าในสถานการณ์ตรงนี้ นางนั้นเดาไม่ออกจริงๆ!
“ไป๋ฉิน เราไม่อยู่ข้างกายนาง เจ้าได้ปรนนิบัตินางอย่างดีหรือไม่” นางไม่พูดไม่นาง สีหน้าเต็มไปด้วยความตะลึงงันและใจลอย ฉินเย่หานจึงส่งสายตาไปที่ไป๋ฉินที่อยู่ด้านหลังนางแทน
ไป๋ฉิน…
สวรรค์เท่านั้นที่รู้ นางอยู่ข้างกายซูหลีมานานขนาดนี้ นี่เป็นเพียงแค่ครั้งแรกหรือครั้งที่สองที่ฉินเย่หานพูดกับนาง ทั้งยังใช้น้ำเสียงเช่นนี้อีก นางไม่รู้ว่าตนควรจะพูดอะไรออกมาโดยแท้
นางจึงผงกศีรษะไปตามคำพูดของเขา ในดวงตาเต็มไปด้วยดาวดวงเล็กเหมือนกับนายท่านของนาง ไม่เข้าใจว่าฉินเย่หานกำลังเล่นแง่อะไรอยู่
“ร่างกายจะเป็นเช่นนี้ไม่ได้ หากยังเป็นเช่นนี้ เจ้าจะให้กำเนิดบุตรให้กับเราได้อย่างไร” น้ำเสียงของฉินเย่หานน่าฟังเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะยามที่เขายอมลดตัวลง ใช้น้ำเสียงนุ่มนวลประหนึ่งน้ำที่หยดออกมาพูดกับคนอื่น
นี่ช่างให้พลังทำลายล้างสูงมาก มากพอที่จะทำให้สตรีของคนหนึ่งบ้าคลั่ง
ซูหลี…
สมองของนางย่ำแย่จนถึงที่สุดแล้ว ไม่กระจ่างไม่ชัดแจ้งและไม่เข้าใจว่าเขากำลังทำอะไรอยู่กัน
อย่างไรก็ตามขณะนี้นางพลันรู้สึกถึงความร้อนที่เอวของตน ยามที่มีการตอบสนองอีกที ก็ถูกคนตรงหน้าคว้าเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเสียแล้ว
“เช่นนี้อุ่นขึ้นมาหน่อยหรือไม่” เสียงที่น่าฟังของเขาดังอยู่บนศีรษะของนาง
ซูหลีกะพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นหวงเผยซานกำลังตะลึงพรึงเพริดกับภาพสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงตรงหน้า นางจึงดึงสติสัมปชัญญะของตนเองกลับมาในทันทีทันใด
ช้าก่อน
ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง
นางจำได้ว่า แม้อู๋โยวหรานกับไทเฮาจะออกไปแล้ว ทว่าภายในลานกว้างนี้ก็ไม่ได้มีเพียงนางกับฉินเย่หานสองคนเท่านั้น
ยังมี…
ฉินมู่ปิงที่พูดจาแปลกประหลาดกับนางก่อนหน้านี้ และเซี่ยอวี่เสียนที่นางเชิญเขามาวันนี้อยู่ที่นี่ด้วย!
ฉินเย่หานพูดจาพิลึกพิลั่นเช่นนี้ออกมาต่อหน้าฉินมู่ปิงกับเซี่ยอวี่เสียน? มิหนำซ้ำบัดนี้ยังนำนางมาอยู่ในอ้อมกอดอีก
ซูหลีสั่นเทิ้มไปครู่หนึ่ง นางเหลือบตาอยากมองไปที่ฉินเย่หาน ทว่าเห็นเพียงคางแหลมที่สมบูรณ์แบบของเขา ซูหลีกระตุกมุมปาก กลอุบายของฮ่องเต้ผู้ใจคอคับแคบท่านนี้ปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง
คนที่ทรมานก่อนหน้านี้ล้วนเป็นนาง บัดนี้คาดไม่ถึงจะใช้วิธีอื่นอีกหรือ
นี่เขากำลังประกาศกรรมสิทธิ์ต่อหน้าบุรุษเหล่านั้นหรือ
แม้ซูหลีจะไม่ใช่บุรุษ ทว่าอย่างไรนางก็ถือเป็นคนที่ฉลาดปราดเปรื่อง การกระทำของเขานอกจากความหมายนี้แล้ว ยังจะสามารถหมายความว่าอย่างอื่นได้อีกหรือ