หลังจากที่พวกเขากลับไปถึงนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยแล้ว ซูหยางก็กล่าวกับซุนจิงจิงว่า “ถ้าเจ้ามีเวลา ลองไปพบกับหลานลี่ชิง”
“เอ๋ ผู้อาวุโสตำหนักโอสถรึ ทำไมล่ะ” ซุนจิงจิงเอียงคอด้วยท่าทางสงสัย
“ข้ามีความรู้สึกว่าพวกเจ้าสองคนอาจจะมีบางอย่างที่ต้องการคุยกัน”
“จริงรึ แต่ข้ามิเคยพูดกับเธอมาก่อนจริงๆ”
“เจ้าจักเข้าใจยามเมื่อเจ้าพบกับเธอแล้ว” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ท่านจะทำอะไรต่อไปในตอนนี้ ซูหยาง”
“ข้าจะไปพบกับโหลวหลานจีเกี่ยวกับการทดสอบศิษย์และเรื่องอื่นๆ” เขากล่าว
“ตกลง เช่นนั้นข้าก็จักไปพบกับท่านในภายหลัง”
ซุนจิงจิงไปจากสถานที่นั้นหลังจากนั้นไม่นาน และซูหยางก็ไปพบกับโหลวหลานจี
ในเวลานั้น เซียวหรงก็กลับไปยังที่พักที่ซึ่งชิวเยว่และชินเหลียงหยูกำลังฝึกวิชาอยู่อย่างเงียบๆ
“เจ้าคือ…” ความสนใจของชินเหลียงหยูพลันเพิ่มสูงขึ้นหลังจากที่เห็นเซียวหรง ในเมื่อเธอไม่เคยได้มีโอกาสที่จะพบกับเธอมาก่อน
“นั่นเป็นสัตว์วิญญาณของซูหยาง เซียวหรง” ชิวเยว่แนะนำเธอให้กับชิงเหลียงหยู
“สัตว์วิญญาณรึ เหมือนกับสัตว์จับมาเลี้ยงรึ แต่เห็นชัดว่าเธอเป็นมนุษย์…”
“แม้ว่าจะมีความต้องการแตกต่างกันไปในแต่ละสายพันธ์ สัตว์วิญญาณทั้งหมดก็มีความสามารถที่จะเปลี่ยนตัวเองไปเป็นมนุษย์โดยมีอวัยวะภายในเหมือนกันทุกประการเมื่อพวกเขามีพลังการฝึกปรือไปถึงช่วงระยะหนึ่ง”
ขณะที่เธอกำลังได้รับการแนะนำจากชิวเยว่ เซียวหรงก็ตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“จ-เจ้าต้องการอะไร” คิ้วของชิวเยว่สั่นสะท้านเมื่อรู้สึกได้ถึงการจ้องมองอย่างแน่วแน่ของอีกฝ่าย
แม้ว่าเธอจะดูเหมือนเป็นเด็กหญิงไร้เดียงสา ชิวเยว่ก็ไม่อาจจะเพิกเฉยต่อแรงกดดันที่น่าหวาดหวั่นซึ่งเป็นของจอมยุทธเขตตำนานที่แผ่ออกมาจากร่างของเซียวหรงได้ และสัญชาตญาณของเธอก็บอกเธอให้อยู่ห่างจากเซียวหรงนอกจากว่าจะมีซูหยางอยู่ใกล้ๆ ไม่ว่าอย่างไรพวกเธอก็ไม่ได้เป็นมิตรกันสักเท่าไหร่
“สอนเซียวหรงถึงวิธีที่จะกลายเป็นผู้ใหญ่” เธอพลันกล่าวขึ้น สร้างความงุนงงให้กับชิวเยว่
“ขอโทษนะ เจ้าต้องการให้ข้าสอนเจ้าถึงวิธีที่จะกลายเป็นผู้ใหญ่รึ”
“อื้อ” เธอพยักหน้าอย่างสงบ
“ไม่น่าเชื่อ…” ชิวเยว่จ้องมองเธอด้วยดวงตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ทำไมสัตว์วิญญาณจึงสนใจกับการโตขึ้นด้วย และทำไมเธอถึงต้องบากบั่นมาที่นี่เพื่อที่จะขอความช่วยเหลือ
“ทุกคนล้วนโตเป็นผู้ใหญ่ในที่สุด ดังนั้นเจ้าก็จำเป็นเพียงแค่อดทนรอคอย…”
แต่ทว่า เซียวหรงกลับส่ายหน้าและกล่าวว่า “เซียวหรงต้องการที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
“มีเหตผลพิเศษอะไรที่เจ้าต้องการโตเป็นผู้ใหญ่ให้เร็วขึ้นรึ”
“เพื่อที่จะได้ลิ้มรสของอร่อยๆจากนายท่าน” เธอพยักหน้ารับ
“ของอร่อย… จากซูหยาง…”
ทั้งชินเหลียงหยูและชิวเยว่ต่างพากันสบสายตากัน เห็นได้ชัดว่างุนงงกับคำพูดของเซียวหรง
“ของสีขาวเหนียวๆที่มาจากที่ตรงนี้” เซียวหรงกล่าวต่อในทันใด ทั้งยังชี้นิ้วไปยังบริเวณเป้ากางเกง
“นั่น…” ชินเหลียงหยูพลันเข้าใจสิ่งที่เซียวหรงอ้างถึงว่าเป็น “ของอร่อย” และหน้าแดง
“เจ้าหมายถึงปราณหยางของเขารึ…” เธอถามเพื่อให้ความแน่ใจ
เซียวหรงนึกถึงว่าเคยได้ยินศัพท์นี้จากซูหยางมาก่อนและพยักหน้าของเธอ
“เอ้อ แน่นอนว่าปราณหยางของเขามีรสชาติหวานพิเศษเฉพาะ ดังนั้นข้าจึงพอเข้าใจ…” ชินเหลียงหยูพลันกล่าวขึ้น จนทำให้ชิวเยว่ต้องมองดูเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“แต่มิเป็นไรจริงรึสำหรับการที่สัตว์วิญญาณทำอะไรประเภทนั้นกับมนุษย์ ข้ามิเคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาก่อน”
“สัตว์วิญญาณในร่างมนุษย์โดยเนื้อแท้ก็คือมนุษย์ และจริงแล้วก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างปกติสำหรับดินแดนที่พวกเราจากมา” ชิวเยว่ถอนหายใจ
“อย่างไรก็ตาม ข้ามิได้มีเวลาหรือความอดทนที่จะช่วยเจ้ากับคำขอของเจ้า” ชิวเยว่กล่าวก่อนที่จะปิดขังตัวเองในห้อง
“ข้ามิอยากเชื่อ ทำไมสัตว์วิญญาณอย่างเซียวหรงถึงกับนำหน้าข้าไปได้” ชิวเยว่ร่ำร้องในใจหลังจากนั้น แม้ว่าเธอไม่ต้องการที่จะพูด แต่เหตุผลที่เธอไม่ช่วยเซียวหรงหลักๆแล้วก็คือความอิจฉา รู้สึกพ่ายแพ้ว่าแม้กระทั่งคนอย่างเซียวหรงก็ยังสามารถได้ลิ้มรสของซูหยางได้
ในเวลานั้น หลังจากที่ชิวเยว่ปฏิเสธที่จะช่วยเธอ เซียวหรงก็หันไปจ้องมองชินเหลียงหยูด้วยสีหน้าหดหู่เล็กน้อย
รอยยิ้มกระอักกระอ่วนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชินเหลียงหยู่ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นว่า “แม้ว่าข้ามิรู้ว่าข้าจักช่วยเจ้าได้จริงหรือไม่ แต่ถ้าเจ้ามิรังเกียจที่จะรับความช่วยเหลือจากข้า ข้าสามารถช่วยเจ้าตามคำขอของเจ้าได้…”
ดวงตาของเซียวหรงเป็นประกายด้วยความยินดีหลังจากที่ได้ยินคำพูดของชินเหลียงหยู และเธอก็พยักหน้าด้วยความกระตือรือล้น
ดังนั้นจึงกลายเป็นผู้ฝึกสอนให้กับสิ่งมีชีวิตเขตตำนานโดยไม่ได้คาดคิด
ในเวลานั้น ซูหยางก็ไปยังศาลาหยินหยางเพื่อพบกับโหลวหลานจี
“ท่านทำงานหนักนะ” เขากล่าวกับโหลวหลานจีด้วยรอยยิ้มหลังจากที่เห็นร่างเธอนอนแผ่หลาอยู่บนเตียง ดูเหมือนกับเด็กที่เพิ่งกลับมาจากการไปวิ่ง
“ซูหยาง เจ้ากลับมาเมื่อไหร่รึ”
ราวกับว่าการเห็นเขานั้นทำให้เธอมีพลังขึ้นมา โหลวหลานจีพลันลุกขึ้นนั่งบนเตียง
“เมื่อกี้นี้”
“ฮาาาา…” โหลวหลานจีพลันถอนหายใจยาวแล้วกล่าวขึ้นว่า “ข้ามิได้ทำอะไรเลยนอกจากต้อนรับแขกนับตั้งแต่เมื่อพวกเรากลับมาจากการแข่งขันระดับภูมิภาค ข้ามิเคยรู้สึกหมดสิ้นเรี่ยวแรงทั้งร่างกายและจิตใจปานนี้มาก่อน”
“เจ้าทำอะไรไปก่อนหน้านั้น ซูหยาง”
“เตรียมตัวการทดสอบศิษย์อาทิตย์หน้า คิดว่างั้น” ซูหยางโกหกด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า โหลวหลานจีอาจจะเสียใจตายถ้าเธอรู้ว่าเขาไปสนุกสนานกับชีวิตในขณะที่เธอถูกทนทรมานด้วยบรรดาแขกจากที่ผ่านมาสามอาทิตย์
“โอ ใช่… การทดสอบนั้นเป็นอาทิตย์หน้า เวลาผ่านไปรวดเร็วมากนับตั้งแต่พวกเราได้กลับมา” เธอกล่าว
จากนั้นเธอก็กล่าวต่อด้วยสีหน้าสงสัยว่า “ข้าหวังว่าเจ้ามิได้มาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะว่ายังมีแขกอีกหลายร้อยคนที่รอคอยที่จะพูดกับข้า… ข้าเพียงแค่ถือโอกาสพักชั่วขณะในตอนนี้”
ซูหยางหัวเราะเบาๆและกล่าวว่า “ท่านสามารถพักได้ ข้ามาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อื่น”
จากนั้นเขาก็นำเอาเม็ดยาเม็ดหนึ่งออกมาจากแหวนมิติและโยนมันเข้าไปในปากของตนเอง
“เอ๋” โหลวหลานจีมองดูด้วยใบหน้าสงสัย
สองสามอึดใจหลังจากนั้น รูปลักษณ์ของซูหยางก็เริ่มเปลี่ยนแปลง ร่างของเขาเติบใหญ่และสูงขึ้น ใบหน้าของเขาก็ดูแก่ลง
ในเพียงแค่ไม่กี่วินาที เขาก็เปลี่ยนไปจากชายหนุ่มรูปงามเกินใครไปเป็นชายวัยกลางคนที่หล่อน้อยกว่าแต่มีความเฉียบคมกว่า
เมื่อการเปลี่ยนแปลงจบสิ้น โหลวหลานจีก็ได้แต่จ้องมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความตระหนก
“ผู้อาวุโส…” เธอพึมพัมเสียงเบา