หลังจากที่ได้เห็นซูหยางเปลี่ยนไปเป็นจักรพรรดิสวรรค์ ผู้อาวุโสผู้ที่ฆ่าผู้นำนิกายคนก่อนและปกป้องนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจากนิกายล้านอสรพิษ โหลวหลานจีก็ตาโตด้วยความตกใจ แต่ว่าความตกใจในแววตาของเธออยู่ได้เพียงชั่วขณะ ราวกับว่าเธอได้รู้ความจริงเรียบร้อยแล้ว
“เจ้า… ดูเหมือนมิได้ประหลาดใจเหมือนดังที่ข้าได้คิดว่าเจ้าควรจักเป็น” ซูหยางกล่าวด้วยเสียงที่แท้จริงของเขา
โหลวหลานจีนวดขมับของเธอแล้วพูดด้วยเสียงถอนใจว่า “ข้ารู้สึกระแคะระคายด้วยตัวข้าเอง”
“โอ นั่นแปลว่าเจ้ารู้แล้วรึ มาจากทางไหนรึ”
“ตอนแรกข้าเพียงแค่มีความรู้สึกเล็กน้อย แต่หลังจากที่เห็นพลังการฝึกปรือที่แท้จริงของเจ้าในเขตอัมพรวิญญาณ ความรู้สึกนั้นก็ยิ่งรุนแรงขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเบาะแสที่ใหญ่ที่สุดก็คือนั่น” โหลวหลานจีชี้ไปที่เป้าของเขาและกล่าวว่า “ต่อให้เจ้าพยายามที่จะซุกซ่อนประสบการณ์และความสามารถเอาไว้ แต่ก็ไม่ง่ายที่จะกำจัดนิสัยของตนเอง หลังจากที่ร่วมฝึกกับเจ้าหลายๆครั้ง ข้าก็รู้ชัดเจนว่าวิชาของพวกเจ้านั้นคล้ายคลึงกัน…”
“มิว่าอย่างไร ขณะที่มิใช่ทุกคนที่จะสามารถทำได้ดีได้เหมือนเช่นเจ้า แต่แน่นอนว่าเจ้าสามารถทำได้ดีเหมือนกับคนอื่นทุกคน”
หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของโหลวหลานจี ซูหยางก็แสดงรอยยิ้มและกลับคืนสู่สภาพหน้าตาปกติ
“เจ้าต้องมีคำถามมากมายต่อข้า ข้าอยู่ที่นี่แล้วเพื่อตอบคำถามเหล่านั้น”
“…”
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ โหลวหลานจีก็กล่าวว่า “ทำไม… ทำไมเจ้าจึงฆ่าผู้นำนิกายคนก่อน ลี่เฉียง”
“เพราะว่าเขาทำให้ผู้หญิงของข้าร้องไห้” เขาตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“อะไรนะ…”
“เขากดดันผู้อาวุโสหลานในเวลานั้นให้หาคู่ฝึกวิชาร่วม กระทั่งข่มขู่เธอด้วยกำลัง ดังนั้นข้าจึงฆ่าเขาเพื่อกำจัดความกังวลของเธอ ถ้าเจ้าต้องการรายละเอียดมากกว่านี้ เจ้าสามารถถามลี่ชิงได้ด้วยตนเอง”
“ข้าเข้าใจ…”
หลังจากที่พูดกันอีกชั่วขณะเพื่อแจกแจงรายละเอียด โหลวหลานจีก็ถามต่อว่า “ข้าเข้าใจว่าทำไมเจ้าจึงรู้สึกว่ามีความจำเป็นที่จะต้องแปลงโฉม แต่ทำไมต้องใช้เวลานานขนาดนั้นในการบอกความจริงกับข้า ต่อให้เจ้าพูดความจริงให้ข้าฟังหลังจากที่เกิดเหตุการณ์กับนิกายล้านอสรพิษ ข้าก็ยังอยู่ข้างเดียวกับเจ้า”
“บอกตามความจริง ข้าลืมเรื่องนั้นไปนับตั้งแต่เกิดเหตุกับนิกายล้านอสรพิษ ในเมื่อมันมิได้มีความหมายสำคัญอะไรกับข้าแม้แต่น้อย”
“มิมีความหมายสำคัญ เจ้าว่าอย่างนั้นรึ เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่ามันมีความหมายต่อข้ามากมายเพียงไหน” โหลวหลานจีพลันเพิ่มเสียงดังขึ้น “ตามจริงข้าตกหลุมรักเจ้าด้วยตัวตนปลอมของเจ้ามาครั้งหนึ่งแล้วเจ้ารู้ไหม เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่าความเจ็บปวดที่ข้าได้รับหลังจากที่เจ้าจากไปนั้นมากมายเพียงใด”
ซูหยางไม่ได้เบือนหน้าหนีจากสีหน้าโกรธเคืองของเธอและกล่าวด้วยหน้าตาจริงจังว่า “ข้ามิมีคำแก้ตัว ข้าขอโทษ ถ้ามีอะไรอื่นที่ข้าสามารถทำให้กับเจ้าได้ ก็เพียงพูดออกมา”
“ข้าดีใจที่เจ้าพูดเช่นนั้น ซูหยาง เพราะว่าข้ากำลังจะทำให้เจ้าจ่ายสำหรับการทำให้ตกตะลึงเล็กน้อยของเจ้า” จากนั้นโหลวหลานจีก็ลุกขึ้นยืนและจับคอเสื้อของเขา ก่อนที่จะทุ่มเขาลงบนเตียงด้านหลังเธอ
ครั้นเมื่อซูหยางนอนลงบนเตียงแล้ว โหลวหลานจีก็รีบขึ้นไปบนเตียงและนั่งอยู่ตรงที่เป้ากางเกงของเขา
“นี่คือ…” ซูหยางเลิกคิ้ว ดูเหมือนว่างุนงงสงสัยกับการกระทำของเธอ
“สำหรับบทลงโทษในการเล่นกับหัวใจของข้านั้น ในอีกสามวันถัดไปนี้ เจ้าจะต้องเป็นเซ็กส์ทอยส่วนตัวให้กับข้า และเจ้าจักห้ามออกจากเตียงนี้จนกว่าจะถึงวันนั้น” เธอกล่าวขณะที่เลียริมฝีปากแดงของตนเอง
(ผู้แปล ที่หัวข้อข้างบนอาจจะใช้คำว่า ของเล่นเพื่อความเพลิดเพลินเฉพาะตัว แต่จริงๆแล้วแปลให้ชัดๆได้ว่า เซ็กส์ทอย แต่เนื่องจากเป็นหัวข้อ จึงต้องเลี่ยงคำพูดให้มันเบาลงไปบ้าง ฮา)
“โชคเจ้ายังดี การรับศิษย์ใหม่นั้นเกิดขึ้นในอาทิตย์หน้า มิเช่นนั้นเวลาสามวันจักต้องกลายเป็นทั้งอาทิตย์”
ดูเหมือนว่าจะงงงันไปกับ “การลงโทษ” ของเธอ ซูหยางพูดขึ้นว่า “เจ้ามั่นใจรึ แล้วพวกแขกที่รออยู่ด้านนอกนั่นล่ะ เจ้ามิต้องไปรับพวกเขารึ”
“ผู้อาวุโสนิกายคนอื่นอยู่ที่นั่น พวกเขาจักต้องดูแลแขกโดยปราศจากข้านับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป”
ได้ยินคำพูดของเธอ ซูหยางแสดงรอยยิ้มยอมแพ้และกล่าวว่า “เชิญทำได้ตามใจต้องการ”
“เจ้ามิต้องบอกข้า” โหลวหลานจีกล่าวพร้อมรอยยิ้มก่อนที่จะฉีกเสื้อผ้าเขาออกจากร่าง
เมื่อเห็นร่างที่ไม่มีใครเปรียบได้ของซูหยาง ดวงตาโหลวหลานจีก็เป็นประกายด้วยความตื่นเต้น และเธอก็เริ่มเลียและจูบไปทั่วร่างของเขา
ตั้งแต่ริมฝีปากของเขาไปจนถึงหัวแม่เท้า ปากของโหลวหลานจีได้ลิ้มรสทุกกระเบียดนิ้วบนร่างกายของเขา ไม่เหลือจุดใดที่ไม่ได้สัมผัส
“เจ้ารู้ไหมว่าข้าเพิ่งตระหนักอะไร ซูหยาง” โหลวหลานจีพลันกล่าวขณะที่นิ้วของเธอหยอกเย้าน้องชายของเขา “ข้ามิเคยเห็นเจ้าหมดแรงมาก่อน”
และเธอก็กล่าวต่อว่า “แต่ทว่า ข้ากำลังจะเปลี่ยนสิ่งนั้นภายในสามวันนี้ ข้ากำลังจะดูดเจ้าให้แห้งเหือด”
“อย่างงั้นรึ… เช่นนั้นก็ขอให้โชคดี” ซูหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มเรียบเฉยบนใบหน้า
“ข้าจักพูดคำเดียวกับเจ้า”
หลังจากที่พูดคำพูดเหล่านั้นแล้ว โหลวหลานจีก็จูบน้องชายของเขาและเริ่มเลียมัน
อีกสองสามนาทีให้หลัง เธอก็อ้าปากกว้างและกลืนทั้งชิ้นนั้นเข้าไปในทีเดียว
“อืมมมม…”
เสียงเฉอะแฉะดังไปทั่วห้องขณะที่โหลวหลานจีดูดดื่มกับน้องชายของซูหยางยาวนานเกือบถึงหนึ่งชั่วโมง
“เจ้ายับยั้งปราณหยางของเจ้าไว้รึ นั่นจะมิเป็นการดีต่อสุขภาพ เจ้ารู้ไหม” โหลวหลานจีกล่าวกับเขาในที่สุด
ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้าสามารถทำให้ข้าหมดแรงได้จากเพียงแค่รีดเอาปราณหยางของข้าออกไป เจ้าก็นับว่าดูถูกความสามารถของข้าอย่างมหันต์”
“โอ เช่นนั้นเรามาเล่นเกมเล็กๆกันเป็นอย่างไร ถ้าเจ้าสามารถปลดปล่อยปราณหยางของเจ้าได้ถึงห้าสิบครั้งและยังคงมีเรี่ยวแรงเหลือต่อไปได้อีก เช่นนั้นข้าจักถือว่าข้าพ่ายแพ้ ถ้าเจ้าชนะก่อนที่เวลาสามวันจะสิ้นสุด เจ้าสามารถออกไปจากเตียงได้ หรือไม่… เจ้าสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการกับร่างกายของข้าจนถึงวันสุดท้าย”
ซูหยางหัวเราะหึแล้วกล่าวว่า “เพียงห้าสิบครั้งเองรึ เรามาทำมันร้อยครั้งดีกว่า และข้ามิต้องใช้เวลาสามวันด้วย ข้าจักปล่อยปราณหยางของข้าหนึ่งร้อยครั้งได้ภายในเวลาวันเดียว และถ้าข้ามิสามารถที่จะทำเช่นนี้ได้ ข้าก็จักทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการให้ข้าทำจนกว่าจะสิ้นเดือนโดยมิถามอะไรทั้งสิ้น”
“ร้อยครั้งในหนึ่งวันรึ… นั่นค่อนข้างจะมากไปหน่อย กระทั่งกับตัวเจ้าเอง…” โหลวหลานจีมองดูเขาด้วยหน้าตางงงัน
และจากนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นรอยฉีกยิ้มบนใบหน้าของเธอ “อย่างไรก็ตามในเมื่อเจ้าเป็นคนกล่าวถึงเรื่องนี้ เจ้าห้ามกลับคำในตอนนี้ ครั้นเมื่อถึงตอนที่ข้าชนะ ข้าจักทำให้มั่นใจว่าเจ้าจะต้องเสียใจกับการกระทำอันโอหังนี้”