ตอนที่ 1671

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,671 : ขั้นที่ 2 ของยอดใจกระบี่!

 

กระบี่นิลสวรรค์นั้น มีรูปลักษณ์ภายนอกที่แลดูธรรมดาสามัญถึงที่สุด เรียบง่ายไร้ซึ่งการตกแต่งใดๆ

 

และที่ต้วนหลิงเทียนเอากระบี่มาถือกอดไว้แบบนี้ย่อมมีเหตุผล…เมื่อไม่นานมานี้เขาบังเอิญค้นพบอย่างไม่ได้ตั้งใจ ว่ายามที่ถือกระบี่นิลสวรรค์เอาไว้ เขารู้สึกได้เลือนราง…ว่าความเข้าใจที่มีต่อขั้นที่ 2 ของยอดใจกระบี่มันค่อยๆแจ่มชัดขึ้น!

 

เรียกว่าตราบใดที่เขาถือกระบี่นิลสวรรค์ไว้กับตัว หากบังเอิญรู้แจ้งอะไรขึ้นมาเขาอาจจะบรรลุขั้นที่ 2 ของยอดใจกระบี่ได้ทุกเวลา!

 

หลังจากที่ค้นพบความพิสดารนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เลือกที่จะหอบหิ้วกระบี่นิลสวรรค์ไว้กับตัวตลอด ไม่คิดเก็บมันไว้ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติอีกต่อไป และจากรูปลักษณ์ของกระบี่ ก็ไม่ต้องกลัวว่าใครหน้าไหนจะมาแย่งชิง เพราะมันแลธรรมดาสามัญยิ่งกว่ากระบี่อ่อนดาราม่วงตอนที่เขาใช้ในทวีปเมฆาล่องเสียอีก…เรียกว่าต่อให้ลืมตั้งไว้ก็ไม่น่าจะมีใครคิดจะหยิบ…!

 

‘จนถึงตอนนี้ยอดใจกระบี่ของข้าพึ่งบรรลุขั้นแรก กระบี่สัมพันธ์จิตใจ เท่านั้น…ไม่รู้ว่าเมื่อไหรถึงจะบรรลุขั้นที่ 2 ได้สักที จากข้อมูลของยอดใจกระบี่ หากข้าเข้าใจและบรรลุขั้นที่ 2 ของยอดใจกระบี่ได้ ข้าสามารถสะกดข่มวรยุทธ์เซียนระดับปฐพีทั่วหล้าได้ถึง 99%!’

 

เหตผลที่ไฉนไม่อาจสะกดข่มเหนือกว่าวรยุทธ์เซียนระดับปฐพีได้เต็มร้อยส่วนนั้น เพราะวรยุทธ์เซียนระดับปฐพีในใต้หล้าก็มีความไม่แน่นอนอยู่ไม่น้อย!

 

ยกตัวอย่างเช่นวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นบางอย่าง ก็มีพลังอำนาจทัดเทียมกับวรยุทธ์เซียนระดับปฐพีดั้งเดิม

 

นอกจากนี้ยังมีวรยุทธ์เซียนประหลาดพิสดารมากมาย ที่จำต้องมีเงื่อนไขหรือการกระทำบางอย่างจึงจะใช้ออกได้ เรียกว่าเป็นอะไรสุดที่ผู้คนจะเข้าใจ

 

กล่าวได้ว่าใต้หล้านี้ที่แน่นอนก็คือความไม่แน่นอน! อาจมีวรยุทธ์เซียนระดับปฐพีที่มีพลานุภาพเหนือจินตนาการหากแต่ต้องสละหรือแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายแสนแพงก็เป็นได้

 

ทำให้ยอดใจกระบี่ขั้นที่ 2 ของต้วนหลิงเทียน แม้จะบรรลุ ก็ไม่แน่ว่าจะมีอานุภาพเหนือล้ำกว่าวรยุทธ์เซียนพิสดารพวกนั้น!

 

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าละอายแม้แต่น้อย

 

เพราะสุดท้ายแล้วยอดใจกระบี่ก็มีทั้งสิ้น 5 ขอบเขต และขอบเขตที่ต้วนหลิงเทียนยังคลำทางบรรลุได้อย่างยากเย็น กระทั่งผ่านมาหลายปีดีดักนี้ ก็พึ่งเป็นขอบเขตที่ 2 เท่านั้น

 

‘ถึงข้าจะยังไม่บรรลุยอดใจกระบี่ขั้นที่ 2 แต่ด้วยพลังฝีมือของข้าในตอนนี้ คิดฆ่าเซียนขัดเกลาขั้นกลาง ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรแม้แต่น้อย…ต่อให้ไม่ต้องใช้ตัวช่วยอะไรก็ตาม’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

 

คิดถึงจุดนี้เขาก็มั่นใจมาก

 

ถึงแม้ตอนนี้พลังฝึกปรือของเขาจะอยู่ในขอบเขตเซียนดั้งเดิมขั้นกลาง แต่ด้วยปราณสุริยันแรกกำเนิด ในแง่ของพลังปราณ ก็ทำให้เขามีพลังอำนาจทัดเทียมกับผู้ฝึกยุทธ์และผู้ฝึกเต๋าที่อยู่ในขอบเขตเซียนขัดเกลา!

 

เรียกว่าคิดสยบเซียนขัดเกลาขั้นกลางตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์หรือผู้ฝึกเต๋า เขาก็ลำบากแค่ใช้ปราณสุริยันแรกกำเนิดผสานกับการโจมตีด้วยหมัดเท้าเปล่าเปลือยเท่านั้น…

 

อย่างไรก็ตาม หากเขาใช้เขตแดนออกด้วยปราณสุริยันแรกกำเนิด หรือใช้กลพลังอื่นใดร่วมด้วยล่ะก็ เขาย่อมสามารถต่อกรกับเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญได้ไม่ยากเย็น!

 

นอกจากที่ว่ามาเขายังมีม่านตาพิสดารอยู่อีกด้วย

 

แต่อนิจจาด้วยความที่ระดับพลังฝึกปรือของเขายังอยู่ในขอบเขตเซียนดั้งเดิมขั้นกลาง ทำให้พลังวิญญาณของเขาไม่ได้มีอานุภาพสูงส่งเท่าพลังปราณสุริยันแรกกำเนิด ดังนั้นอำนาจพลังวิเศษอย่าง เคลื่อนมิติ จึงไม่ค่อยส่งผลต่อขอบเขตเซียนขัดเกลาขึ้นไปสักเท่าไร พอช่วยเหลือเขาได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น

 

‘หากไม่มีข้อผิดพลาดอะไร ฉีจิ้ง นายน้อยของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องสมควรทะลวงได้ถึงเซียนขัดเกลาขั้นกลางเท่านั้น…ต่อให้มันทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นกลางก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อได้! เพราะจากสัมผัสพลัง ทั้งคู่สมควรบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นกลางมานานแล้ว กระทั่งเผลอๆอาจจะบรรลุถึงขั้นเชี่ยวชาญ!!’

 

‘แต่ต่อให้ยังไม่ทะลวงผ่าน แต่ด่านพลังแน่นหนาขนาดนี้ พลังฝีมือย่อมแข็งแกร่งไม่ใช่ชั่ว!อย่างไรเสียพวกมันจะร้ายกาจอะไรแค่ไหน…ทั้งหมดทั้งมวลล้วนไร้สำคัญกับข้า! เพราะข้าไม่ได้มาเพื่อหวังอันดับเหลวไหลไขว่คว้าชื่อเสียงจอมปลอมอะไรนี่ เพียงแค่ขอให้มีโอกาสประลองกับฉีจิ้งนั่นก็พอ! ข้าจะได้ฆ่านายน้อยอุบาทว์จากคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเช่นมันเสียให้ตาย คลี่คลายสถานการณ์ให้เฉวี่ยไน่!!’

 

สำหรับจุดประสงค์การมาร่วมประลองครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่มีทางลืมเลือน

 

เขาเปลี่ยนแปลงรูปโฉมทั้งนามเป็นลี่เฟิง เพียงเพราะคิดฆ่าฉีจิ้ง! ทำลายงานแต่งงานของมันกับหานเฉวี่ยไน่ สตรีที่เขาแลเห็นเป็นดั่งน้องสาวแท้ๆ!!

 

ทันทีที่ฉีจิ้งตกตาย งานแต่งงานของมันกับหานเฉวี่ยไน่ย่อมถูกยกเลิกเป็นธรรมดา!

 

พอคิดถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง

 

และตอนนี้เองเขายังพบว่ามี คน 2 คนขึ้นไปประลองบนเวทีเม็ดหมากใกล้ๆกับที่เขาอยู่ พลังฝีมือของทั้งคู่เรียกว่าพอฟัดพอเหวี่ยงกัน

 

“จากพลังปราณแรกกำเนิดที่แผ่ออกมา ต่างเป็นเซียนดั้งเดิมขั้นกลางเหมือนกันสินะ…”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำ

 

‘แต่ให้ตายเถอะ เวทีเม็ดหมากนี่ไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจเพียงอย่างเดียวซะแล้ว ความทนทานของมันไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ขนาดโดนลูกหลงจากพลังของเซียนดั้งเดิมขั้นกลางมันยังไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน! แถมพอพลังของทั้งคู่หลุดออกจากเวทีเม็ดหมากมาสัมผัสกับท้องฟ้าโดยรอบ ก็คล้ายจะถูกความว่างกลืนหายไป ไร้พลังสะท้อนทั้งคลื่นกระแทกอะไรพวกนั้น…หาไม่แล้วข้าคงรู้ตัวตั้งแต่ที่พวกมันเริ่มประลอง!’

 

ความสนใจของต้วนหลิงเทียนผละจากการประลองของทั้งคู่ไปพินิจเวทีเม็ดหมากและมองไปยังกระดานหมากหลิงหลงเบื้องล่างที่ใหญ่โตมโหราฬด้วยความทึ่งทันที

 

“ให้ตายเถอะ มาถึงก็มี 16 เซียนดั้งเดิมขั้นกลางเลยงั้นหรือ…”

 

ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันได้ยินเสียงแว่วดังเข้าหู “เฮ่อ แล้วข้าจะขึ้นไปประลองด้วยอย่างไรไหว…กับอีแค่การประลองชุดแรกๆ ไฉนมีเซียนดั้งเดิมขั้นกลางโผล่ออกมาบนเวทีเม็ดหมากถึง 16 คนแล้วเล่า! ดูเหมือนว่าเซียนดั้งเดิมขั้นต้นอย่างข้าคงไม่ต้องเข้าร่วมเอาสนุกอะไรอีก…ขืนทะลึ่งขึ้นไปก็ถูกผู้คนทุบตีอนาถเปล่าๆ!”

 

วาจาอ่อนใจ ทั้งท้อแท้ดังขึ้นไม่ขาดสาย

 

ตอนนี้พอต้วนหลิงเทียนเริ่มหันมองไปรอบๆ เขาก็พบว่า แต่ละเวทีเม็ดหมากก็มีผู้คนขึ้นไปต่อสู้กันอุตลุตเสียแล้ว และจากไอพลังที่เปล่งออกเรียกว่า 8 เวทีที่กำลังซัดกันอยู่ ล้วนมีพลังฝึกปรือเซียนดั้งเดิมขั้นกลางทั้งสิ้น

 

และในบรรดา 20 คนที่สู้กันอยู่ ก็มี 4 คนที่ไอพลังอ่อนด้อยที่สุด

 

แต่ที่ว่าอ่อนด้อยที่สุดนั้น อย่างน้อยๆพวกมันก็บรรลุถึงขอบเขตเซียนแล้ว

 

มองปราดเดียวไม่ต้องใช้พลังวิญญาณตรวจสอบ ต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ทันทีว่าทั้ง 4 เป็นเซียนดั้งเดิมขั้นต้น

 

‘ที่นี่เหมือนอยู่ห่างไกลกับเมืองชงซันคนละโลกเลย…ตอนข้ามาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแรกๆ อย่าว่าแต่จะเห็นขอบเขตเซียนดั้งเดิมสักคน กระทั่งสู่เซียนยังเป็นตัวตนที่ร้ายกาจมากแล้ว…’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบทอดถอนในใจ

 

ตอนที่เขามาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้ไม่ทันไร จนจับพลัดจับผลูไปอยู่ที่จวนเจ้าเมืองชงซันนั้น กับอีแค่ขอบเขตพลังสู่เซียน ก็เป็นอะไรที่เขาในตอนนั้นต้องแหงนมองแล้ว!

 

ทว่ามาตอนนี้ เขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง…ในการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง ที่อ่อนด้อยที่สุดก็คือขอบเขตเซียน…เซียนดั้งเดิมขั้นต้น!

 

กาลครั้งหนึ่ง ขอบเขตเซียนเสมือนเป็นอะไรที่อยู่ห่างไกลจากที่ต้วนหลิงเทียนจะจับต้องได้

 

หากแต่ตอนนี้มองไปทางไหนก็เจอ พาลให้รู้สึกสะทกสะท้อนใจอยู่บ้าง

 

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนรู้ดี ว่านี่เป็นเพราะเขาได้เริ่มต้นไต่เต้าขึ้นมาจากเบื้องล่าง ดั่งกบน้อยที่ค่อยๆโดดออกจากบ่อ ยิ่งออกมาเผชิญโลกกว้างมากเท่าใด ขอบเขตหูตาก็กลายเป็นกว้างไกล วิสัยทัศน์ไม่ถูกจำกัด…

 

เขากับนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอย่างฉีจิ้งนั้น เรียกว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เพราะอีกฝ่ายเกิดมาก็สัมผัสวิสัยทัศน์เช่นนี้แล้ว ส่วนเขาต้องลำบากลำบนฝ่าฟันมา…

 

ตอนนี้เองการประลองเบื้องหน้าก็ทยอยรู้ผลไปกันบ้างแล้ว

 

เรียกว่าแต่ละเวทีบังเกิดจ้าวเวทีคนแรกขึ้นมาแล้ว และกำลังรอคอผู้ท้าทายที่จะมาชิงตำแหน่งจ้าวเวทีของพวกมัน…

 

เวลาผันผ่าน การต่อสู้ก็ดำเนินไปเรื่อยๆ จ้าวเวทีในตอนแรกบ้างก็ยังยืนหยัดอยู่บนเวทีได้ บ้างก็แพ้พ่ายไปตามพลังฝีมือ

 

แน่นอนว่ายังมีบางคนที่ถูกฆ่าตายตกคาที่ โดยที่ไม่ทันมีแม้แต่เวลากล่าวคำยอมรับความพ่ายแพ้…

 

โลกที่ผู้เข้มแข็งเป็นจ้าวนั้น…มันช่างโหดร้ายเหลือเกิน ใจคนนับวันยิ่งอำมหิต ไม่ทราบใยถึงฆ่าแกงกันได้ง่ายดายนัก

 

ไม่ทันไรตะวันก็เริ่มคล้อยต่ำลงโดยที่ไม่รู้ตัว เริ่มเย็นแล้ว

 

ตอนนี้พลังฝีมือของผู้ที่ประลองกันบนเวทีเม็ดหมากก็มีระดับสูงขึ้นกว่าตอนเช้าๆ