ตอนที่ 1670

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,670 : เริ่มต้น

 

เหนือขึ้นไปบนฟ้า เม็ดหมากทั้ง 10 เริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ! และไม่นานแต่ละชิ้นก็กลายเป็นเวทีทรงกลมขนาดใหญ่!!

 

แน่นอนว่าแม้ว่าเวทีเม็ดหมากจะใหญ่โต แต่ก็เทียบไม่ได้กับกระดานหมากหลิงหลงแม้แต่น้อย!

 

อย่างไรก็ตาม การที่เวทีเม็ดหมากมหึมาลอยล่องค้างอยู่กลางหาวได้แบบนี้ เป็นอะไรที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนตกใจอย่างถึงที่สุด ‘นี่มันอะไรกันแน่ เวทีเม็ดหมากใหญ่โตขนาดนี้กลับลอยค้างกลางอากาศได้…นี่ใช่ภาพมายาสะท้อนลักษณ์เสมือนจริงรึเปล่า?’

 

อย่างไรก็ตามครู่ต่อมา เริ่นจงพลันกล่าวออกอีกครั้ง โดยบอกให้ผู้คนเริ่มขึ้นไปบนเวทีเม็ดหมากทั้ง 10 ที่ลอยค้างกลางอากาศได้เลย! นั่นทำให้ต้วนหลิงเทียนทราบได้ทันที..ว่านั่นไม่ใช่ภาพมายาสะท้อนลักษณ์เสมือนจริงอะไรจากค่ายกล!!

 

และเมื่อใช้จิตสัมผัส ต้วนหลิงเทียนก็พบว่ามันประหนึ่งพื้นจริงๆ!

 

‘ทั้งหมดนี่มันค่ายกลอะไรกันแน่!?’

 

ใจต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกนัก ‘ภาพกระดานหลิงหลงทั้งเม็ดหมากที่ขยายเป็นเวที ดูอย่างไรก็สมควรเป็นภาพลวงตาแน่ๆ แต่กลับมีสภาพจับต้องเหยียบย่ำได้เหมือนของจริง’

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนเองจะมีความรู้เรื่องค่ายกลอยู่บ้าง แต่ทั้งหมดที่เขารู้นั้นไม่มีอะไรอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้เลย

 

‘หรือจะเป็นภาพมายาเสมือนจริงผสานค่ายกลควบแน่นพลังกัน แบบนั้นต่อให้เป็นค่ายกลมายาหลอนจิตของข้า ก็เทียบกับค่ายกลนี่ไม่ได้…ใครเป็นคนคิดค้นค่ายกลนี่ขึ้นมากันนะ? ทรงพลังจริงๆ!’

 

ต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความตกใจ

 

ตอนที่อยู่สำนักจันทร์จรัสแสง ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับจานค่ายกลมา 3 จาน และหนึ่งในนั้นก็เป็นจานค่ายกลมายาหลอนจิต ซึ่งสามารถหลอกลวงได้กระทั่งสัมผัสพลัง!

 

ส่วนอีก 2 จานนั้นยังซ่อมไม่เสร็จ จากที่ผู้เฒ่าหั่วบอกจานที่กำลังซ่อมอยู่อย่างน้อยๆก็ต้องใช้เวลาอีก 6 เดือนถึงจะซ่อมเสร็จ

 

อย่างไรก็ตามด้วยความที่ต้วนหลิงเทียนมีกระบี่นิลสวรรค์กับตราผนึกมาร เขาเลยไม่ได้พึ่งพาจานค่ายกลสักเท่าไหร่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้รู้สึกเร่งร้อนให้ผู้เฒ่าหั่วรีบซ่อมอะไร

 

ถึงแม้ผู้เฒ่าหั่วจะบอกไว้แล้ว ว่าหากเขามีพลังมากพอ การใช้จานค่ายกลทั้ง 3 ก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์กับเขาอย่างมาก

 

แน่นอนว่าผู้เฒ่าหั่วยังบอกอีกด้วย ว่าในแง่ของพลังโจมตีของจานค่ายกลจู่โจม มันไม่อาจเทียบกับกระบีนิลสวรรค์ได้เลย ทว่าความต่างของเรื่องนี้ก็คือ ทุกครั้งทีใช้กระบี่นิลสวรรค์มันจะทำให้พลังของต้วนหลิงเทียนตกลงไปอย่างมาก ส่วนจานค่ายกลนั้นจะไม่ค่อยสิ้นเปลืองพลังเขาเท่าไหร่

 

ดังนั้นสำหรับจานค่ายกลแล้ว ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้รีบร้อนอยากได้ แต่เขาก็ยังหวังให้ผู้เฒ่าหั่วซ่อมมันได้โดยโดยใช้เวลาไม่นานนัก เพราะสุดท้ายแล้วมันก็อาจมีประโยชน์กับเขาในสักวัน

 

“ผลของค่ายกลนี้จักมิเหมือนจริงเกินไปหน่อยหรือ?”

 

“ช่างน่าทึ่งนัก! ข้ารู้สึกเหมือนกับกำลังเหยียบพื้นอยู่จริงๆ…ลองก้มไปแตะๆลูบๆดู ก็ให้สัมผัสคล้ายผิวเรียบลื่นของเม็ดหมากนัก!”

 

“แน่นอนว่าใต้ฝ่าเท้าเรามิได้มีเม็ดหมากหรือกระดานหมากหลิงหลงใดๆทั้งสิ้น ทั้งหมดก็แค่ภาพลวงตา หากแต่จุดที่พวกเราสัมผัสสมควรเป็นพลังงานจากค่ายกลที่ควบแน่นจนมีสภาพ! เกิดมาได้เห็นค่ายกลยอดเยี่ยมเช่นนี้ ข้าตายก็ไม่เสียดายแล้ว!!””

 

“แล้วเม็ดหมากทั้ง 10 นี่จะเป็นเวทีประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบงั้นหรือ?”

 

……

 

ด้วยเสียงกระซิบอื้ออึงที่ดังระงม ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็หายจากอาการเหม่อ สติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง

 

ถึงแม้ว่าการประลองยอดนักรบครั้งนี้จะมีผู้ดูแล 2 คน แต่นอกจากกล่าวแนะนำตัวแล้ว ด้านหลิวหงกวงก็เงียบไปเลย ทั้งหมดล้วนเป็นเริ่นจงที่กล่าวอธิบายรายละเอียดออกมาเพียงคนเดียว

 

ด้านหลิวหงกวงจึงคล้ายถูกผู้คนลืมเลือนไปแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวกลับไม่ทุกข์ร้อนหรือแยแสอะไร ยังคงลอยร่างข้างเริ่นจงเงียบๆเหมือนเดิม

 

“ทุกคน เม็ดหมากทั้ง 10 ที่พวกเจ้าเห็นและลองสัมผัสอยู่นั้นก็คือเวทีประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง! พวกเจ้าคิดเสียว่าเม็ดหมากทั้ง 10 ก็คือ 1 เวที และแต่ละเวทีจะมีจ้าวเวทีเพียงคนเดียวเท่านั้น!”

 

ทันใดนั้นเองเสียงของเริ่นจงก็ดังขึ้นอีกครั้ง

 

“ผู้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมประลอง ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถขึ้นมาบนเวทีได้เลย หากสามารถรับการท้าทายและอยู่จนจบได้โดยที่มิมีผู้ใดท้าทายอีก ก็จักได้เป็นจ้าวเวที!”

 

“และหากจ้าวเวทีคนใดไม่ถูกผู้คนท้าทายเป็นเวลา 1 วันเต็มๆ ก็จักถือว่าเป็นจ้าวเวทีที่มีคุณสมบัติติดอันดับในรายนามยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง! และจะได้เข้าสู่การประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องที่แท้จริง!!”

 

……

 

เริ่มจงกล่าวสืบต่อ

 

และจะได้เข้าสู่การประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องที่แท้จริง!

 

แม้วาจานี้จะฟังดูชวนฉงนไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ผิดอะไร

 

เพราะแม้ตอนนี้จะถือว่าเป็นการประลองสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง แต่ต้องทราบด้วยว่าอันดับยอดนักรบมีเพียงแค่ 10 คนเท่านั้น กล่าวง่ายๆ ผู้คนเกินกว่า 9 ส่วนที่มาเข้าร่วมล้วนต้องถูกตัดสิทธิ์ และไม่อาจลงประลองจัดอันดับยอดนักรบอะไรได้ต่อ

 

มีเพียง 10 คนสุดท้ายเท่านั้น ที่จะถูกจัดอันดับพลังฝีมือ

 

กล่าวอีกอย่าง การประลองรอบสุดท้ายก็คือการประลองสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องที่แท้จริง เพื่อเฟ้นหาว่าผู้ใดจะเป็นอันดับ 1 และอันดับอื่นๆในรายนาม

 

“เอาล่ะ ตอนนี้หากผู้ใดไม่คิดลงประลองก็ให้ล่าถอยไปยังขอบๆเม็ดหมากเสีย หรือจักไปเหินลอยชมดูที่อื่นก็ได้ ส่วนผู้ที่คิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติ ก็เชิญไปยืนรอรับการต่อสู้ที่กลางเวทีได้เลย หากไม่มีผู้ใดท้าทายก็ถือว่าเจ้าเป็นจ้าวเวที ส่วนคนอื่นหากคิดว่าจ้าวเวทีไร้คุณสมบัติ ก็จงไปประลองแย่งชิงมาเสีย”

 

เสียงเริ่นจงดังขึ้นอีกครั้ง เหล่าผู้ที่ขึ้นไปลองย่ำๆเหยียบๆทั้งลูบแต่เวทีเม็ดหมากพลันได้สติ เร่งรุดล่าถอยออกไปกันหมด และส่วนใหญ่เลือกที่จะออกจากเวทีเม็ดหมากดังกล่าว…ผู้ใดจะหาญกล้าบ้าบิ่นไปอยู่บนเวทีประลองให้โดนลูกหลงเปล่าๆ?

 

เช่นนั้นเพียงพริบตาเวทีเม็ดหมากทั้ง 10 ก็ว่างเปล้าไร้ผู้คน…

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

……

 

ตอนนี้เองพลันมีเสียงแหวกฝ่าสายลม 5 สำเนียงดังขึ้นในอากาศ ทั้งหมดเหินลอยออกมาจากคฤหาสน์ข้ามฟ้า ส่วนครู่ต่อมาก็มีอีก 5 เสียงดังขึ้นตามติด ทว่าคราวนี้มาจากทงคฤหาสน์คลื่นคลั่ง

 

ทั้งสิ้นเป็น 10 คน ต่างพุ่งแยกย้ายไปเหินลอยเหนือเวทีเม็ดหมาก ราวกับมันเป็นกรรมการผู้เฝ้ามอง

 

“หลิวหงกวง อาวุโสลำดับ 2 ของคฤหาสน์คลื่นคลั่ง กับข้าจะเป็นผู้ดูแลหลักในการประลองครั้งนี้…สำหรับทั้ง 10 คนที่พวกเจ้าเห็นจักเป็นผู้ดูแลรอง แต่ละคนมีหน้าที่รับผิดชอบเวทีเม็ดหมากแต่ละเวที หน้าที่รับผิดชอบที่ว่าก็คือตรวจสอบอายุขัยของผู้เข้าประลอง และคอยจับตาดูการประลองเพื่อให้บังเกิดความเป็นธรรมแก่ผู้เข้าร่วมประลอง!”

 

เริ่นจงกล่าวออก

 

ตอนนี้เองทุกคนก็รับทราบทันทีว่าทั้งสิบไปลอยร่างทำอะไร

 

ก่อนหน้านี้ผู้คนเองก็สงสัยอยู่ไม่น้อย ในเมื่อมี 10 เวทีแบบนี้ หมายความว่าตอนประลองพร้อมกันก็ต้องมี 20 คนออกไปต่อสู้ในเวลาเดียวกัน…!

 

แต่ในเมื่อตอนแรกบอกไว้ว่ามีแค่หลิวหงกวงและเริ่นจงเป็นผู้ควบคุมดูแลการประลอง แล้วเริ่นจงกับหลิวหงกวงจะดูแลทั่วถึงได้อย่างไร?

 

เพราะหากเกิดสถานการณ์ผิดปกติอะไรขึ้นมาพร้อมกันสัก 6-7 เวทีเล่า! แม้พลังฝีมือของทั้งคู่จะแข็งแกร่งร้ายกาจ แต่จะสอดมือเข้าไปช่วยหรือจัดการระงับเหตุอะไรได้ทันเวลาหรือ?

 

หลายคนจึงสงสัยเรื่องนี้กันอยู่ไม่น้อย

 

แต่มาตอนนี้พอมีรองผู้ดูแลหลักอยู่อีกถึง 10 คน ทั้งหมดก็จึงรับทราบดีว่าเป็นพวกมันกังวลใจไปไม่เข้าเรื่อง คฤหาสน์ข้ามฟ้า กับคฤหาสน์คลื่นคลั่งไหนเลยจะไม่รู้เรื่องง่ายๆเพียงเท่านี้ ย่อมตระเตรียมจัดการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว!

 

“ในที่สุดก็จะเริ่มได้สักที…”

 

ต้วนหลิงเทียนที่ยืนกอดกระบี่อยู่โดดๆไร้ผู้ใดอยู่ใกล้ๆ พลันกล่าวพึมพำออกมา

 

กระบี่ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาก็ไม่ใช่กระบี่อะไรอื่น มันคือกระบี่นิลสวรรค์! ยอดสมบัติสวรรค์ที่อยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตินั่นเอง!!