ตอนที่ 546 ซูเฟยเชิญตัว / ตอนที่ 547 ตำหนักจู้เซียงแปลกไป

บุปผาเคียงบัลลังก์

ตอนที่ 546 ซูเฟยเชิญตัว 

 

 

วั่นกงกงกลับไปยังตำหนักซีฉือ ตอนนี้ข้างกายเขามีหรูอี้คอยติดตามอยู่ ขันทีน้อยคนนี้หน้าขาวริมฝีปากแดงดูเจริญตาไม่น้อย แต่ละวันก็ดูแลวั่นกงกงอย่างเต็มที่ไม่มีบกพร่อง เพียงแต่วั่นกงกงไม่มีอิสรภาพดั่งที่ผ่านมา 

 

 

เขาไม่ทำอะไรเลย นั่นก็เพราะว่าเขาทำอะไรไม่ได้เลย 

 

 

หรูอี้กงกงเฝ้าเขาอย่างไม่ยอมขยับไปไหนใครก็เข้าใกล้ไม่ได้ ถึงเขาจะเป็นทุกข์แต่ก็พูดไม่ออก 

 

 

วันนั้นหรงจิงจะให้เขาสารภาพตัวผู้บงการเบื้องหลัง เขาได้แต่ผลักเรื่องทั้งหมดไปให้สวีหมิ่นคนที่ตายไปแล้วเพื่อให้จบเรื่องจบราว 

 

 

แต่ว่าหรงจิงไม่เชื่อคำพูดเหลวไหลของเขาเลย ดังนั้นจึงส่งหรูอี้มาถึงข้างกายเขาเพื่อสอดส่องควบคุมเขาอย่างใกล้ชิด 

 

 

วันเวลาสงบเงียบเช่นนี้ผ่านไปอยู่นานจนกระทั่งวันหนึ่ง หลี่กงกงจากตำหนักซูเฟยก็มาส่งข่าว 

 

 

“พระชายาซูเฟยมีรับสั่งว่าทรงมีเครื่องหอมที่ได้รับถวายมาจากนอกวัง มีพระประสงค์ให้วั่นกงกงเข้าไปช่วยเลือกดูพวกที่ดีกว่าสักหน่อย” 

 

 

หลี่กงกงพูดเป็นการงาน แต่สีหน้าวั่นกงกงผิดปกติด้วยความไม่คาดคิด 

 

 

ส่วนหรูอี้ที่อยู่ข้างๆ วั่นกงกงเห็นเหตุการณ์นั้นก็เกิดความคิดขึ้นในใจ 

 

 

วั่นกงกงมองหรูอี้ข้างกาย ตอนนี้หากเขาไม่ไป หรูอี้จะต้องไปทูลตามจริงต่อฝ่าบาทแน่ เช่นนั้นแล้วซูเฟย… 

 

 

เขาไม่กล้าทำเช่นนั้น จึงพูดกับหลี่กงกงอย่างผิดปกติไปจากเดิม 

 

 

“รบกวนหลี่กงกงอุตส่าห์มาถึงนี่ ถึงข้าจะเคยถวายการรับใช้ไทเฮา แต่ไม่มีความสามารถเรียนรู้เรื่องเครื่องหอมสักเท่าไร ซูเฟยทรงให้เกียรติข้าเกินไปแล้ว” 

 

 

หลี่กงกงเห็นวั่นกงกงออกตัวเช่นนั้นก็รู้สึกสงสัย เขายื่นมือประคองวั่นกงกงที่คุกเข่าอยู่ แต่ถูกขันทีน้อยข้างตัวแย่งพยุงขึ้นก่อน 

 

 

หลี่กงกงมองดูแล้วรู้สึกไม่คุ้นหน้าขันทีน้อย จึงถามขึ้น 

 

 

“ขันทีน้อยคนนี้หน้าตาไม่เลว แต่เหมือนข้าจะไม่เคยเห็นมาก่อน” 

 

 

หรูอี้จึงคารวะหลี่กงกงแล้วพูดว่า 

 

 

“ข้าน้อยหรูอี้คารวะหลี่กงกง ข้าน้อยเพิ่งเข้าวังมาใหม่และถูกส่งมารับใช้วั่นกงกงของพวกเรา ต่อไปหวังว่าจะได้รับการอุปการะจากหลี่กงกงให้มากนะขอรับ” 

 

 

หรูอี้ตอบไปแต่หลี่กงกงขมวดคิ้ว เขาถามขึ้นอย่างรู้สึกแปลกใจ 

 

 

“อ้อ แล้วคนเดิมล่ะ อายุเขาก็ยังไม่มาก แล้วก็ไม่ได้ยินว่าถูกโยกย้ายไปรับหน้าที่ที่ตำหนักไหน ทำไมจู่ๆ จึงเปลี่ยนคนเสียเล่า” 

 

 

หลี่กงกงถามด้วยความรู้สึกสงสัย หรูอี้กงกงก็ตอบอย่างไม่ลนลาน 

 

 

“หลี่กงกงคงไม่ทราบว่ากงกงคนก่อนเสียชีวิตแล้วด้วยโรคปัจจุบันทันด่วน จึงได้ให้ข้าน้อยมาแทนตำแหน่งว่างนี้” 

 

 

หลี่กงกงพยักหน้าแล้วมองวั่นกงกง จากนั้นพูดว่า 

 

 

“วั่นกงกง ซูเฟยทรงรอนานแล้ว ท่านมีเรื่องอะไรก็ไปทูลกับพระองค์เองเถอะ ข้าเป็นเพียงคนมาส่งข่าว ตอนนี้ส่งเสร็จแล้ว ส่วนท่านจะไปหรือไม่ข้าก็ไม่ยุ่งด้วยแล้ว” 

 

 

หลี่กงกงหมุนกายเตรียมจากไป วั่นกงกงเห็นดังนั้นก็ลอบด่าเจ้าโง่ในใจ จากนั้นยิ้มให้แล้วตามไป 

 

 

“ย่อมต้องไปพร้อมกงกงตามพระบัญชาแน่นอน ไปกันเถอะ” 

 

 

การเดินเหินของวั่นกงกงไม่ดีนัก แต่ขณะนั้นกลับเร่งเดินไปทันที่ข้างกายหลี่กงกงแล้วกระทุ้งเขา 

 

 

หลี่กงกงหันกลับมาอย่างหงุดหงิดก็เห็นนิ้วชี้ของวั่นกงกงชี้ขึ้นไปบนฟ้า ทั้งแววตาก็เฉียบขาดขึ้น 

 

 

หลี่กงกงกำลังคิดจะพูดสั่งสอนแต่แล้วก็เก็บเสียงไม่พูดออกมา จึงพาวั่นกงกงไปด้วยอย่างกระวนกระวายใจ 

 

 

หรูอี้กงกงเดินไปที่ข้างกายวั่นกงกง แล้วพูดอย่างประจบ 

 

 

“วั่นกงกงของพวกเราอายุมากแล้วไม่อาจขาดข้าน้อยที่เป็นดั่งไม้เท้าได้ ให้ข้าน้อยติดตามไปเป็นเพื่อนด้วยก็แล้วกัน” 

 

 

หลี่กงกงมองหรูอี้ ความรู้สึกผิดปกติในใจทำให้เขาหวาดหวั่นแต่ก็พยักหน้า สายตาเขาอึมครึมขึ้น วั่นกงกงเห็นเช่นนั้นก็ยิ่งไม่มั่นใจ แต่หรูอี้กงกงประคองแขนเขาอยู่ จึงไม่อาจพูดอะไรได้อีก 

 

 

 

 

 

    ตอนที่ 547 ตำหนักจู้เซียงแปลกไป 

 

 

หรงจิงให้งานใหม่เสียวสี่จื๊อและก็เลื่อนขั้นให้เซียงฉือด้วย คนในวังส่วนมากเป็นพวกคอยตามทิศทางลม มีใครไม่รู้บ้างว่าตอนนี้เซียงฉือกลายเป็นคนที่ได้รับความรักไว้วางใจจากฮ่องเต้ไปแล้ว ต่างจึงคอยประจบประแจงเป็นการใหญ่ 

 

 

แต่ว่าเซียงฉือแค่รับมือแต่ละคนโดยไม่ได้คบค้าสมาคมด้วย ส่วนเรื่องที่หรงจิงอนุญาตให้โยกย้ายหลิ่วจุ้ยไปยังกองโอสถ ทำให้เซียงฉือดีใจจริงๆ 

 

 

ความสัมพันธ์ของนางกับหลิ่วจุ้ยแตกต่างไปจากคนอื่น เป็นเหมือนดั่งพี่น้องแท้ๆ ถึงแม้จะไม่ได้ติดต่อกันนาน แต่ความสนิทสนมและห่วงใยไม่ได้ลดน้อยลงเลย 

 

 

วันเวลาของเซียงฉือดีขึ้นเรื่อยๆ แต่วันเวลาสงบสุขมักจะไม่ได้มีมากนัก วันนี้ฮ่องเต้อยู่จัดการงานในตำหนัก แต่จู่ๆ ก็มีคนมีกระซิบความที่ข้างหูเขา สีหน้าหรงจิงดูไม่ดีนัก เซียงฉือสัมผัสได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดก่อนเกิดเหตุร้าย 

 

 

“ฝ่าบาท เกิดเรื่องอะไรหรือเพคะ เหตุใดสีพระพักตร์จึงดูแย่เช่นนี้เพคะ” 

 

 

คนคนนั้นถอยออกไปแล้วเซียงฉือจึงเดินไปข้างกายเขา นางรู้ว่ามีเรื่องบางเรื่องที่นางไม่สมควรก้าวก่าย แต่นางอดห่วงใยหรงจิงไม่ได้จึงได้สอบถามขึ้น 

 

 

หรงจิงสัมผัสถึงความอ่อนโยนของนางแต่คิ้วยังคงขมวดมุ่นอยู่ เขาไม่ได้ตอบคำถามนาง แต่พูดว่า 

 

 

“เจ้ารีบไปตำหนักซูเฟยบอกให้นางมาที่ตำหนักเจิ้งหยาง ให้นางตามเจ้ามาทันทีอย่าให้ผิดพลาด ระหว่างทางระวังตัวด้วย” 

 

 

คำพูดของเขาแม้เซียงฉือจะรู้สึกสงสัยแต่ก็รีบหมุนกายเตรียมออกไปทันที หรงจิงยังเรียกซูกงกงกับหงซีกูกูเข้ามาทันใด ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรที่สำคัญเช่นนี้ 

 

 

เซียงฉือถึงจะสงสัยอยู่เต็มอก แต่ก็รีบเร่งเดิน เพียงไม่นานก็ถึงตำหนักจู้เซียง 

 

 

ยังไม่ทันเข้าประตูตำหนักก็รู้สึกว่าวันนี้ตำหนักจู้เซียงดูแปลกไปทั้งข้างนอกข้างใน บรรยากาศข้างในดูเหมือนมีความแปลกประหลาด 

 

 

เซียงฉือมาตามบัญชาของหรงจิงจึงไม่ต้องรออยู่ด้านนอกตำหนัก นางเดินผ่านประตูเข้าไปถึงอาคารตรงกลาง ก็เห็นขันทีเข้าไปรายงานอย่างรวดเร็ว นางรู้สึกสงสัย ทั้งตำหนักจู้เซียงเหมือนเต็มไปด้วยความอึดอัด 

 

 

ถึงจะเป็นแค่ความรู้สึก แต่ตอนนี้นางรับบัญชาฮ่องเต้มาจึงไม่เหมาะพูดอะไรในเวลาเช่นนี้ นางเดินไปถึงประตูตำหนักหลักของซูเฟย ก็เผชิญหน้ากับซูเฟยตรงหน้าประตูพอดี นางคิดจะเข้าไปข้างในแต่ถูกซูเฟยยับยั้งไว้ 

 

 

“น้องหญิงวันนี้เกิดนึกสนุกอย่างไรจึงได้มาหาพี่ถึงที่นี่ มารีบมาให้พี่ดูหน่อย น้องเซียงฉือนับวันยิ่งดูสวยงามมีชีวิตชีวาขึ้น ไม่เห็นนานเปลี่ยนไปขนาดนี้ ต้องมองเจ้าใหม่แล้ว” 

 

 

ซูเฟยยืนอยู่หน้าประตู เสื้อผ้าเครื่องประดับศีรษะดูยุ่งเหยิงไปบ้าง ตอนเห็นเซียงฉือก็มีสีหน้าลนลานแววตาหวาดหวั่นเพียงเท่านี้ไม่ได้ทำให้เซียงฉือรู้สึกแปลกใจนัก แต่ตอนที่เดินผ่านข้างกายนาง เหมือนได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ ลอยออกมาจากภายในห้องนั้น 

 

 

แม้แต่กลิ่นบนกายนางก็ไม่ใช่กลิ่นจันทน์หอมอ่อนๆ เช่นทุกวัน แต่เป็นกลิ่นคาวเหมือนเลือด 

 

 

เซียงฉือไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่ก็รู้สึกได้ทันทีว่าเรื่องนี้มีลับลมคมใน นางร่นถอยอย่างไม่ถูกสังเกต เห็นสายตาซูเฟยปรายไปทางข้างในอย่างมีเป้าหมาย จึงพูดยิ้มขึ้นว่า 

 

 

“พระชายาซูเฟยระยะนี้ทรงตรากตรำเหลือเกินนะเพคะ หม่อมฉันมาเพื่อถ่ายทอดรับสั่งของฝ่าบาท เหตุใดซูเฟยจึงไม่ทรงประทานน้ำชาให้หม่อมฉันได้ดื่มเล่าเพคะ” 

 

 

สีหน้าซูเฟยเปลี่ยนไป นางยิ้มแล้วพูดว่า 

 

 

“ข้างในกำลังเผาถ่านอยู่ฉุนแสบจมูกยิ่งนัก ถ้าไม่ใช่เช่นนั้นทำไมพี่ต้องทำให้น้องลำบากด้วย ฝ่าบาททรงมีรับสั่งสิ่งใดหรือ ถึงต้องให้น้องมาด้วยตนเองเช่นนี้” 

 

 

เซียงฉือจึงพูดอย่างจริงจัง 

 

 

“ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้ซูเฟยเข้าเฝ้ายังตำหนักเจิ้งหยางในทันที ห้ามมิให้บิดพริ้ว” 

 

 

พอเซียงฉือพูดออกไปเช่นนั้น ซูเฟยมีสีหน้าตกใจ ถึงจะเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่แต่เซียงฉือก็ทันเห็นความลนลานของนาง