ตอนที่ 548 ความน่าสงสัยในตำหนักซูเฟย / ตอนที่ 549 ต้องจำยอม

บุปผาเคียงบัลลังก์

ตอนที่ 548 ความน่าสงสัยในตำหนักซูเฟย

 

 

เซียงฉือเห็นซูเฟยเป็นแบบนั้นก็รู้สึกว่านางดูแปลกไป ส่วนซูเฟยเมื่อฟังความแล้วก็พูดว่า

 

 

“โอ๊ะ ฝ่าบาทเชิญข้าไป ไม่รู้ว่าทรงมีเรื่องสำคัญอันใด น้องเซียงฉือ พวกเราก็เหมือนคนกันเอง ระยะนี้ฝ่าบาทไม่ค่อยเสด็จยังฝ่ายในเลย ข้าจะต้องแต่งตัวสักหน่อยจึงจะไปเข้าเฝ้าได้ จะได้ไม่เป็นการเสียมารยาท”

 

 

“น้องหญิงช่วยคอยสักครู่ คงไม่เป็นไรกระมัง”

 

 

ซูเฟยกลับคืนความสง่าของนางแล้วจึงพูดกับเซียงฉืออย่างพยายามตีสนิทเช่นนั้น

 

 

เซียงฉือฟังแล้วจึงพูดขึ้นยิ้มๆ ว่า

 

 

“ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันก็จะเข้าไปดื่มน้ำชารอซูเฟยสักครู่ก็แล้วกัน”

 

 

เซียงฉือยกเท้าเตรียมเดินเข้าข้างใน ท่าทางนางไม่ได้มีอะไรแปลกประหลาดทว่าซูเฟยลนลานขึ้นทันที นางรีบเข้าไปขวางหน้าเซียงฉือไว้

 

 

ซูเฟยกางแขนขวางเบื้องหน้าเซียงฉือ ทำให้เซียงฉือตกใจ นางเห็นสีหน้าซูเฟยหวาดหวั่น

 

 

“ซูเฟย เหตุใดทรงทำเช่นนี้เพคะ”

 

 

เซียงฉือกวาดตามองซูเฟยและมองแขนนางที่กางออกกั้นมากเป็นพิเศษ นางเกิดความประหลาดใจ กลิ่นคาวเลือดของซูเฟยวันนี้มีไม่น้อยทีเดียว

 

 

และพริบตาที่นางก้มหน้าลงก็เห็นกระโปรงสีชมพูของซูเฟยมีของเหลวสีแดงติดอยู่หยดหนึ่ง ความสงสัยในใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

 

 

จู่ๆ วันนี้ฮ่องเต้จัดให้นางมาก็เพื่อให้นางคอยสังเกต ความแปลกประหลาดของซูเฟยในขณะนี้ คิดว่าจะต้องมีอะไรที่ให้ใครรู้เห็นไม่ได้อยู่ข้างในเป็นแน่

 

 

ตาเซียงเริ่มหรี่ลง

 

 

เมื่อเห็นซูเฟยไม่มีทีท่าว่าจะยอมเปิดทางให้ก็เกิดแรงฮึดขึ้นมา ผลักแขนนางออกเตรียมเดินเข้าไป

 

 

ซูเฟยตกใจหนักรีบหันไปดึงแขนเซียงฉือไว้

 

 

“อวิ๋นเซียงฉือ ข้าเรียกเจ้าน้องหญิงเป็นการให้หน้าแก่เจ้าแล้วแต่เจ้าไม่ต้องการ ห้องนอนข้าเป็นที่ที่เจ้าสามารถเข้าไปได้โดยพลการเช่นนั้นหรือ ไปเอาความกล้ามาจากไหน”

 

 

เซียงฉือหันกลับมา พลังและอำนาจไม่ได้ลดน้อยลง

 

 

“หม่อมฉันรับพระบัญชาฝ่าบาทมาเพคะ”

 

 

“หรือว่าซูเฟยจะขัดรับสั่ง หม่อมฉันไม่อยากจะมาทำให้พี่หญิงต้องทรงเสียหน้า แต่ฝ่าบาทรับสั่งไว้แล้วหม่อมฉันไม่อาจไม่ดำเนินการได้ ซูเฟยอย่าได้ทรงขัดขวางอีกเลยเพคะ”

 

 

เซียงฉือตอบกลับ แววตาซูเฟยเย็นลงอย่างมาก สายตาที่มองเซียงฉือ รังสีความหนาวเหน็บราวน้ำแข็งสองสายเหมือนจะทิ่มแทงทะลุตัวนาง

 

 

เซียงฉือสลัดหลุดจากมือนางก็เจอกับการขัดขวางของจู๋อี้

 

 

นางกางสองแขนกันอยู่ที่หน้าประตู

 

 

เซียงฉือเห็นนางทำเช่นนั้นก็ยิ่งรู้สึกถึงความไม่ปกติที่ข้างใน ขณะที่พัวพันอยู่กับพวกนางนั้น ก็ได้ยินเสียงร้องลั่นจากข้างใน เหมือนเสียงแผดร้องแทบจะขาดใจของผู้ชาย

 

 

จากนั้นก็ได้ยินเสียงคนชนบานประตู เซียงฉือเบิกตาโพลงในทันใด มองเห็นท่าทางลนลานของซูเฟย เมื่อนางเห็นสถานการณ์ไม่ปกติเช่นนั้นจึงรีบตะโกนไปทางด้านหลัง

 

 

“ทหารองครักษ์อยู่ไหน”

 

 

ทหารองครักษ์ด้านหลังขานรับพร้อมเพรียงกัน เซียงฉือสะบัดมือก็มีสองคนมาจับสาวใช้จู๋อี้ออกไปทันที ขณะซูเฟยจะพูดอะไรเซียงฉือก็ผลักประตูออกแล้วโดยไม่สนใจอะไร

 

 

ประตูหน้าตำหนักจู้เซียงถูกผลักออกทันที กลิ่นคาวเลือดจากด้านในพุ่งเข้าปะทะหน้า

 

 

ถึงแม้สติและใจนางยังคงตั้งมั่นผึ่งผาย แต่ก็ยังถูกเหตุการณ์นั้นทำให้ตกใจจนแทบทรุดลงไป

 

 

 

 

ตอนที่ 549 ต้องจำยอม

 

 

ซูเฟยตามเซียงฉือเดินผ่านประตูเข้าไปข้างใน นางเห็นสภาพนั้นแล้วก็ตกตะลึงไปเช่นกันแต่ก็ตัดใจในทันที ส่งภาษามือบอกหลี่กงกงให้จัดการถอนรากถอนโคน

 

 

หลี่กงกงเข้าใจความหมาย ตั้งท่าเดินเข้าไปหาเซียงฉือ

 

 

เซียงฉือตกใจกับสถานการณ์เบื้องหน้า แต่เรียกสติกลับคืนได้อย่างว่องไว เมื่อนางเห็นสายตาอึมครึมของหลี่กงกงฉายแววฆ่าคนก็ถึงกับขนลุกซู่

 

 

ลมหายใจเซียงฉือชะงัก นางรีบหันหน้ากลับไปพูดว่า

 

 

“ที่แท้พี่หญิงซูเฟยทรงกำลังจัดแจงงานบ้านอยู่ หม่อมฉันละเมิดกฎไปแล้ว คิดว่าพี่หญิงเสียดายน้ำชาที่จะประทานให้น้องสักถ้วยเสียอีก แท้ที่จริงเป็นเพราะรักน้องนี่เอง”

 

 

“น้องรับพระราชโองการมาเชิญพี่หญิงซูเฟยเสด็จยังตำหนักเจิ้งหยาง หากให้ฝ่าบาททรงคอยจนกระวนกระวายคงจะไม่ดีนัก พี่หญิงทรงรีบเปลี่ยนเครื่องทรงแล้วตามหม่อมฉันไปดีกว่าเพคะ”

 

 

“หม่อมฉันออกไปรอที่ข้างนอกก็แล้วกันเพคะ”

 

 

อวิ๋นเซียงฉือทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนเพียงเห็นซูเฟยกำลังทำโทษพวกคนชั้นล่างคนหนึ่งเท่านั้น นางเตรียมหมุนกายออกไป

 

 

ซูเฟยดึงแขนเซียงฉือไว้ ใจเต้นตูมตามไม่หยุด

 

 

เซียงฉือถูกซูเฟยดึงไว้ความจริงตกใจไม่น้อยแต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มบนใบหน้า พูดอย่างอ่อนโยน

 

 

“พี่หญิงไม่ต้องเป็นห่วง หม่อมฉันจะทูลฝ่าบาทว่าตอนที่หม่อมฉันมาถึงพี่หญิงกำลังสรงน้ำอยู่ แล้วมีขันทีไม่เชื่อฟังคนหนึ่งทำให้พี่หญิงพิโรธจึงถูกลงโทษ เขาทนไม่ไหวเลยหมดสติไป”

 

 

“ซูเฟยเพคะ หม่อมฉันทูลเช่นนี้ ไม่ทราบทรงเห็นเป็นอย่างไรเพคะ”

 

 

เซียงฉือมองดูองครักษ์ที่ตนพามาด้วยหกคนกับขันทีอีกคนหนึ่ง ส่วนทหารรักษาพระองค์ในตำหนักจู้เซียงล้วนเป็นคนของซูเฟย เพียงนางออกคำสั่ง เซียงฉือดูออกว่าน้ำมือของหลี่กงกงคนนั้นไม่มีความลังเลเลย

 

 

หากซูเฟยไม่ยอมปล่อย วันนี้นางคงยากที่จะเดินออกจากตำหนักจู้เซียงอย่างมีชีวิตได้

 

 

เซียงฉือเกิดความคิดแวบขึ้นมา นางเข้าใจอันตรายของเรื่องนี้จึงรีบเลือกที่จะเข้าใกล้ซูเฟย ความสัมพันธ์ของพวกนางต่างกับจินกุ้ยเฟยที่เหมือนน้ำกับไฟที่ไม่ยอมกัน

 

 

เซียงฉือรู้ว่าหากไม่ถึงกับจนตรอกแล้วจริงๆ ซูเฟยจะไม่ฆ่านาง ขอเพียงนางรู้กาละเทศะก็สามารถมีชีวิตกลับไปได้

 

 

ส่วนเรื่องหลังจากนั้นเซียงฉือยังไม่ได้คิด มีเพียงต้องออกไปจากประตูใหญ่ของตำหนักจู้เซียงให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

 

 

เซียงฉือคำนวณไว้เช่นนั้น ส่วนซูเฟยไม่อาจจะไม่ตระหนกได้ เซียงฉืออาจยังไม่รู้สถานะของขันทีคนนั้นแต่นางจะไม่รู้ได้อย่างไร เดิมนางให้หลี่กงกงจับเขาไว้เพื่อค่อยๆ ลงทัณฑ์สอบสวน แต่คิดไม่ถึงว่าเซียงฉือจะหุนหันเข้ามาทำลายแผนการของนางทั้งหมด

 

 

เซียงฉือหายใจเข้าลึกหันกายด้านข้าง

 

 

“ซูเฟยทรงจัดการเรื่องส่วนของพระองค์ก่อนเถิดเพคะ ทางฝ่าบาทไม่อาจทำเสียเวลาได้ อย่างไรพวกเราก็เป็นพันธมิตรกันอยู่ ต่างก็มีจุดอ่อนของกันและกันในมือ แต่ก็ควรให้ถึงวันที่กุ้ยเฟยถูกโค่นลงได้ก่อนแล้วจึงค่อยแตกหัก หม่อมฉันไม่ใช่คนเลอะเทอะเพคะ”

 

 

สายตาเซียงฉือปะทะกับความรุนแรงของซูเฟย แววตาหมายฆ่าของซูเฟยลดลงไปมาก เซียงฉือทั้งกลัวและเกรงแต่ก็ยังมีใจคิดที่จะเสี่ยง

 

 

นางจ้องมองเซียงฉือด้วยสายตาแหลมคมขึ้นๆ ลงๆ หลายรอบ แล้วจึงได้ปล่อยมือที่จับเซียงฉือไว้แน่นออก

 

 

ใบหน้าฉาบยิ้มพูดขึ้นว่า

 

 

“น้องเซียงฉือจดจำคำพูดวันนี้ไว้ก็แล้วกัน บ้านใครจะไม่มีคนใช้ที่ไม่เชื่อฟังบ้าง โลกนี้ไม่มีศัตรูถาวรอีกทั้งไม่มีมิตรตลอดกาลเช่นกัน อวิ๋นเซียงฉือ เจ้าฉลาดทีเดียว ข้าจ้าวเย่ว์หวนคบเจ้าเป็นพันธมิตร”

 

 

พอได้ยินเช่นนั้นเซียงฉือจึงได้สงบใจลงได้ หัวคิ้วนางเชิดขึ้นน้อยๆ ยิ้มในแบบฉบับของนางแล้วพูดว่า

 

 

“พี่หญิงซูเฟยถึงวันนี้จึงค่อยยอมรับหม่อมฉัน หม่อมฉันรู้สึกเสียใจเพคะ แต่ว่าพี่หญิงเร่งมือหน่อยเถิด หม่อมฉันจะออกไปรอรับเสด็จซูเฟยอยู่ด้านนอกนะเพคะ”

 

 

เซียงฉือหมุนกายแล้วก็ออกไปโดยไม่รอคำพูดซูเฟย