มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 475
เวลาหลายหมื่นปีผ่านไปแล้ว ภัยพิบัติในสมัยโบราณเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำก็พูดถึงเพียงแค่ไม่กี่คำ ดูเหมือนจะเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นระหว่างสามชนเผ่าได้แก่ มนุษย์ มาร และปีศาจ

หลัวซิวมอบหมายหน้าที่ผู้คุมกฎให้กับเกาเหลียงหง ด้วยเหตุนี้ ในสำนักไท่เสวียนจึงมีผู้คุมกฎระดับจักรพรรดิยุทธ์สองคน

ส่วนหลินจื่อเฟิง หลัวซิวให้เขาเป็นผู้ดูแลในสำนัก ซึ่งในวันปกติจะรับหน้าที่ชี้แนะการฝึกฝนให้กับศิษย์ในสำนักที่มีอยู่เพียงแค่คนเดียว

จากนั้นหลัวซิวก็ใช้ดินเหลืองเสวียนที่หามาได้ เริ่มยกระดับพลังของค่ายกลคุ้มเขา เมื่อมีดินเหลืองเสวียนเหล่านี้ กลั่นแปรเข้าไปในลายเส้นของค่ายกล ความสามารถในการป้องกันของค่ายกลคุ้มเขาระดับ 7 นี้ ก็เพียงพอที่จะต้านทานการโจมตีจากผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎยุทธ์ช่วงปลายได้

“ไม่รู้ว่าซีโรว่เดินทางไปถึงแดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่หรือยัง”

นั่งอยู่ภายในตำหนักวัฏสงสาร ดวงตาของหลัวซิวมองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ที่เขาไม้เสวียนเป็นเพียงแค่การพบกันเพียงชั่วครู่ ครั้งต่อไปที่จะได้พบกัน ยังไม่รู้ว่าเมื่อไร

……

ในขณะเดียวกันนี้ ในสำนักเขาของสำนักไม้เสวียน อาจารย์ตระกูลหยู หยูเชียนฮั่วมาถึงตำหนักของเจ้าสำนักด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“เจ้าสำนักไท่เสวียนผู้นั้น มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ ?”

หยูเชียนฮั่วเผชิญหน้ากับเจ้าสำนักไม้เสวียน ก่อนหน้านี้เขารู้เรื่องจากปากของศิษย์ตระกูลหยู ว่าคนที่ฆ่าผู้อาวุโสตระกูลหยู ก็คือเจ้าสำนักไท่เสวียน

เพียงแต่เจ้าสำนักไท่เสวียนผู้นี้เป็นใครมาจากไหน เขากลับยังไม่รู้แน่ชัด ดังนั้นจึงเดินทางมาถามเจ้าสำนักไม้เสวียน

อย่างไรเสียคนตระกูลหยูของเขาก็ถูกสังหารในพื้นที่ของสำนักไม้เสวียน

เจ้าสำนักไม้เสวียนส่ายหัว “เจ้าสำนักไท่เสวียนผู้นั้นเป็นใครมาจากไหน ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ถ้าหากพี่หยูอยากรู้แล้วละก็ สามารถซักถามแก๊งรอบรู้ หรือไม่ก็ขอให้สหายที่อยู่ในองค์กรนักล่ายุทธ์ช่วยสืบดูสักหน่อย”

เป็นที่รู้กันดีว่าบนโลกนี้ ข่าวกรองที่รวดเร็วและแม่นยำที่สุดก็คือองค์กรนักล่ายุทธ์และแก๊งรอบรู้

เจ้าสำนักไท่เสวียนผู้นั้น ดูเหมือนว่าจู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาบนเทือกเขาเหิงหยุน สำนักไม้เสวียนเองก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของเขา

“คนของข้าถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บบนเขาไม้เสวียนของท่าน และถูกสังหารในพื้นที่ของสำนักไม้เสวียนของท่านเช่นกัน หรือท่านไม่คิดจะให้คำอธิบายอะไรกับข้าหน่อยหรือ ?” หยูเชียนฮั่วพูดด้วยสีหน้าหมองหม่น

เจ้าสำนักไม้เสวียนขมวดคิ้ว “สำนักไม้เสวียนของข้าจัดงานประมูลยา หากเกิดการต่อสู้กันระหว่างนักยุทธ์จากแต่ละกองกำลัง โดยปกติแล้วก็จะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง”

“หึ สำนักไม้เสวียนของท่านคงคิดจะขว้างงูให้พ้นคอสินะ ? เรื่องในวันนี้ หากท่านไม่สามารถให้คำอธิบายกับข้าได้ ข้า หยูเชียนฮั่ว ไม่ใช่ผู้ที่ใครก็จะล่วงเกินได้ง่าย ๆ !”

อาจารย์ตระกูลหยูตะคอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ผู้อาวุโสระดับจักรพรรดิยุทธ์ทั้งเก้าคนของตระกูล เสียชีวิตไปเจ็ดคน อีกหนึ่งคนบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้หยูเชียนฮั่วกำลังพยายามระงับไฟแค้นที่รุมสุมอยู่ภายในใจ ถึงแม้สำนักไม้เสวียนใช่ว่าจะล่วงเกินได้ง่าย ๆ แต่เขาเองก็ไม่คิดจะไว้หน้าเช่นกัน

“ตาเฒ่าประหลาดหยู ท่านกำลังขู่ข้าอย่างนั้นหรือ ?” เจ้าสำนักไม้เสวียนแสดงสีหน้าเย็นชาลง

“ขู่ท่านแล้วจะทำไม ? อย่าลืมสิว่า ตระกูลหยูของเราสามารถวางอำนาจไปทั่วเทือกเขาเหิงหยุนได้ คนอื่นกลัวสำนักไท่เสวียนของท่านแต่ข้า หยูเชียนฮั่วไม่เคยกลัว !”

แววตาของเจ้าสำนักไม้เสวียนสั่นคลอน ถึงแม้ด้วยภูมิหลังและความแข็งแกร่งของสำนักไม้เสวียน ทำให้ไม่เห็นตระกูลหยูอยู่ในสายตา แต่เบื้องหลังของตระกูลหยู ยังมีผู้แข็งแกร่งระดับมหายุทธ์อีกผู้หนึ่ง แม้แต่อาจารย์ของตระกูลตนเอง ที่หลบซ่อนตัวจากโลกภายนอกมานานหลายปีผู้นั้น ก็ยังไม่กล้าล่วงเกินง่าย ๆ

ด้วยเหตุนี้ ตระกูลหยูจึงวางอำนาจบาตรใหญ่อยู่ในเทือกเขาเหิงหยุน สำนักไม้เสวียนเองก็จำต้องปิดตาข้างเดียว จึงเกิดการปะทะกันขึ้นน้อยครั้ง

เจ้าสำนักไม้เสวียนสูดหายใจเข้าออกลึก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ในเมื่อท่านต้องการคำอธิบาย ข้าก็จะให้คำอธิบายกับท่าน ตาเฒ่าประหลาดหยู แต่ทางที่ดีท่านอย่าคิดได้คืบจะเอาศอก”

ขณะที่พูด เจ้าสำนักไม้เสวียนก็ปิดตาลง แล้วพูดเบา ๆ ว่า : “ข้าจะซื้อข่าวจากแก๊งรอบรู้ เพื่อช่วยท่านสืบหาที่มาที่ไปของเจ้าสำนักไท่เสวียนผู้นั้น ท่านกลับไปได้แล้ว”