เมื่อเขาพูดคำเหล่านี้ออกไป ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบกันชั่วครู่หนึ่ง
ทันทีหลังจากนั้น ทุกคนต่างส่งเสียงเยาะเย้ยออกมา
“จิ่วเหนียง เจ้าโดนหลอกเข้าให้แล้วละ”
“หินวิญญาณ 300 ก้อนมันไม่ได้น้อยเลยนะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหล่าคนที่อยู่รอบข้างเธอแล้ว ใบหน้าของเด็กผู้หญิงเปลี่ยนเป็นสีแดงและเธอรีบแทรกตัวฝ่าฝูงชนไปก้มให้กับเฉินเฉิน
“ผู้สืบทอดคะ ได้โปรดมากับฉันด้วยค่ะ”
หลังจากพูดเสร็จ เธอก็เดินตรงไปยังรถม้าที่ตกแต่งงดงามที่อยู่ห่างออกไป
เมื่อเห็นดังนี้ เฉินเฉินต้องการที่จะเดินตามหลังเธอไป แต่เขากลับโดนผู้อาวุโสจ้าวดึงเอาไว้
“เฉินเฉิน ถ้าข้าได้ยินมาไม่ผิดแล้ว ที่แห่งนั้นมันคือหอโสเภณีเลยนะ!”
จางจีและซุนเทียนกังต่างก้มหัวลง เมื่อพวกเขาได้ยินมัน แต่พวกเขายังคงแอบสงสัยกับสถานที่แห่งนี้
พวกเขาไม่เคยมาที่หอโสเภณีมาก่อน!
เมื่อเผชิญหน้ากับการข่มขู่ของผู้อาวุโสจ้าวแล้ว เฉินเฉินทำหน้าตึงและตอบกลับ “ผู้อาวุโสจ้าว มันหาได้ยากนะที่จะหาคนจริงใจมากกว่าการหาเงิน! ข้าบอกได้เลยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่ตัดสินคนได้ดีและเป็นคนที่โดดเด่น ทำไมพวกเราจะต้องปฏิเสธเธอ เนื่องจากงานของเธอด้วยกัน?”
ผู้อาวุโสจ้าวพูดไม่ออกหลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ‘ข้าพึ่งจะชมเจ้าไปไม่ใช่เหรอ?’
เขาพูดดูดีมาก
ยังไงก็ตาม เจ้าสำนักได้บอกว่าเฉินเฉินเป็นคนที่จะรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ที่เฉินเฉินปรารถนาที่จะอาศัยอยู่ที่นี่แล้ว พวกเขาก็จะต้องทำตามที่เขาบอก
เขาถอนหายใจยาวออกมา ผู้อาวุโสจ้าวยังคงเงียบต่อไป
กลุ่มของเขาได้ขึ้นไปยังรถม้า ‘โรงเตี๊ยมหยีหลาน’ ขับไปบนถนนกว้าง
…
“ผู้สืบทอดคะ นี่คือหินวิญญาณสำหรับท่านค่ะ ได้โปรดนับมันด้วย”
จิ่วเหนียงดูหงอยๆ เมื่อเผชิญหน้ากับคนจากสำนักเทียนหยุน
ไม่เหมือนกับหอโสเภณีใหญ่แห่งอื่นที่มีคนของราชวงศ์หนุนหลังอยู่ เธอไม่กล้าที่จะเล่นตลกหรือมุกขำขันกับผู้สืบทอดเหล่านี้เลยสักนิด
เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาทั่วไปที่ได้รับสืบทอดธุรกิจจากครอบครัวของเธอ ถ้าเธอไม่ต้องการทำตามความต้องการความฝันของแม่เธอแล้ว เธอคงไม่มีทางเลือกที่จะรับหน้าที่ดูแลโรงเตี๊ยมหยีหลานแห่งนี้
“หินฝึกปราณระดับห้า อืม คนจากเมืองหลวงนี่แตกต่างไปจากคนในจี่โจวจริง”
เฉินเฉินรับกระเป๋าที่ใส่ของจากจิ่วเหนียงและใส่แหวนเก็บของลงไปโดยไม่เหลียวมองเลยสักนิด
จิ่วเหนียงก้มหัวและพูดอย่างสุภาพ “ข้าทำให้ท่านอับอายแล้วค่ะ ผู้สืบทอด สถานะฝึกตนของข้ามันห่างกับท่านมากเกินไปค่ะ ข้าเหมือนอยู่คนละโลกกับท่านผู้สืบทอดเลยค่ะ”
พูดตามจริงแล้ว เธอไม่ได้มีความหวังสูงมากเท่าไหร่เมื่อตอนที่เธอเชินเฉินเฉินมา เธอไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะตอบตกลงอะไร นอกจากนี้แล้วเธอยังไม่รู้ว่าเขามาจากสำนักไหนด้วย
…
ไม่กี่ชั่วครู่ต่อมา รถม้าได้มาจอดอยู่ที่ตึกสูงห้าชั้น
ในเวลาเดียวกัน คนสองกลุ่มในรถม้าก็ได้ทำความรู้จักกันระดับหนึ่งแล้ว
หลังจากที่เรียนรู้ว่าเฉินเฉินนั้นเป็นคนจากสำนักเทียนหยุน ซึ่งอยู่อันดับที่ 13 ใน 36 สำนักแล้ว อันจิ่วเหนียงมีความสุขมาก ความนับถือของเธอต่อเฉินเฉินและคนที่เหลือต่างเพิ่มสูงขึ้น
…
ด้วยเหตุนี้นี่เอง ทันทีที่พวกเธอออกมาจากรถม้า หญิงสาวหลายคนบนระเบียงชั้นสองต่างโบกมือให้กับเฉินเฉินและคนอื่น
“เจ้านายคะ! มาสนุกสนานกันเถอะ”
“ท่านหล่อเหลามากเลย! ท่านกล้าที่จะสู้กับพวกเราไหมคะ?!”
“ท่านลุง มากินอาหารนี้เถอะค่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้ว ผู้อาวุโสจ้าวที่อยู่ในขั้นสูงสุดของแก่นทองคำเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด เขาแทบจะควบคุมลมหายใจของตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ
ยังไงก็ตาม ภาพที่เขายอมรับไม่ได้ก็เกิดขึ้นในไม่ช้า
ในเวลานั้นเอง หญิงสาวที่สวมผ้าคลุมสีดำก็ปรากฏขึ้นจากระยะไกล
“ศิษย์พี่จ้าว ข้าไม่ได้คาดคิดเลยว่าท่านจะเป็นคนแบบนี้ ท่านไม่เคารพตัวเองด้วยซ้ำ แม้ว่าท่านจะแก่ถึงเพียงนี้! หลานซินได้มาบอกข้าให้แจ้งกับท่านว่าสำนักโยวฉุยพักอยู่ที่ตำหนักจิตวิญญาณแห่งลม ถ้ามีเรื่องจำเป็นแล้ว ท่านสามารถส่งลูกศิษย์มายังตำหนักจิตวิญญาณแห่งลมได้!”
หลังจากพูดเสร็จ เธอพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชาและหันหลังกลับเดินจากไป
เฉินเฉินเคยพบผู้หญิงคนนี้มาก่อน เธอคือผู้อาวุโสขั้นแก่นทองคำที่ถูกส่งมาโดยสำนักโยวฉุย เพื่อปกป้องโยวหลานซิน เขาคาดเดาจากน้ำเสียงของเธอว่าเธอรู้จักผู้อาวุโสจ้าว
ผู้อาวุโสจ้าวจ้องไปที่แผ่นหลังของเธอ ใบหน้าของเขาแดงฉาน เขารีบวิ่งไล่ตามไปอ้อนวอนเธอ “ศิษย์น้องเจียง! ฟังคำอธิบายของข้าก่อนเถิด!”
…
“ทำไมพวกเจ้ายังไม่กลับเข้าไปด้านในอีก? นี่คือผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนนะ! ผู้อาวุโสท่านนั้นคือผู้อาวุโสระดับแก่นทองคำของสำนักเทียนหยุน!”
จิ่วเหนียงอับอายกับคำพูดเหล่านี้ เธอรีบด่าใส่หญิงสาวบนชั้นสอง
ใบหน้าของหญิงสาวเหล่านี้ต่างซีดเซียว เมื่อพวกเธอได้ยินมัน
เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น เฉินเฉินถอนหายใจออกมา โรงเตี๊ยมหยีหลานมีชื่อที่ดี แต่โชคร้ายที่ผู้หญิงเหล่านี้มันต้อยต่ำเกินไป ไม่แปลกใจเลยที่ว่าทำไมพวกเธอถึงยากจน
“ข้าขอโทษค่ะ ถ้าหญิงสาวเหล่านั้นได้ยั่วยุกับท่านผู้สืบทอด พวกเขาไม่รู้วิธีปฏิบัติกับตัวเอง ข้าจะจัดห้องให้กับท่านเองค่ะ”
หลังจากพูดออกมาเบาๆ จิ่วเหนียงก็เป็นคนนำทางและพาเฉินเฉินและคนอื่นไปยังห้องพักหรู
ถึงแม้ว่าห้องมันจะดูหรูหราก็ตาม มันก็ไม่มีสิ่งของที่แฝงไปด้วยจิตวิญญาณ ซึ่งมันทำให้ถูกพิจารณาว่ามันค่อนข้างยากจนในเมืองหลวง
เฉินเฉินไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ เขาแค่เดินเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆ
“ผู้สืบทอดคะ ถ้าท่านต้องการอะไร บอกข้าได้เลยนะคะ” จิ่วเหนียงพูด เธอรู้สึกต้อยต่ำมาก เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่เรียบเฉยของเฉินเฉิน
ในความเป็นจริงแล้ว หินวิญญาณ 300 ก้อนเหล่านั้นคือทรัพย์สมบัติชิ้นสุดท้ายที่แม่เตรียมไว้ให้กับเธอและตามแผนการของแม่เธอแล้ว พวกมันควรเอาไว้ใช้จ้างสาวงาม
ยังไงก็ตาม ด้วยความกระตือรือร้นนี้ เธอจึงได้ใช้มันเชิญผู้สืบทอด เฉินเฉินมา
มันเหมือนกับว่าสภาพแวดล้อมของหอโสเภณีของเธอมันไม่ได้เหมาะสมกับผู้สืบทอด
เธอถอนหายใจออกมาอย่างลับๆ จิ่วเหนียงเดินถอยออกไปอย่างเงียบๆ
…
ในชั่วพริบตา เฉินเฉินก็ได้พักในโรงเตี๊ยมหยีหลานมาครึ่งวันแล้ว
จางจีและซุนเทียนกงต่างออกไปหาข่าวใหม่ ในขณะที่เขายังคงอยู่ในโรงเตี๊ยมหยี่หลาน
มันเกือบจะถึงเวลามื้อค่ำ เสียงดังก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าโรงเตี๊ยมหยี่หลาน
“ข้าคือหวังเซี่ยวแห่งกองทัพพฤกษาราชวงศ์และข้าต้องการมาพบกับผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุน!”
เมื่อเขาได้ยินเสียงนี้ แสงก็ส่องประกายในดวงตาของเฉินเฉินและเดินออกมาจากห้องของตัวเอง
ทหารสวมชุดเกราะสองคนยืนอยู่เบื้องหน้าเขา ทั้งสองต่างมีสถานะฝึกตน ใบหน้าของพวกเขาดูจริงจังและแสดงให้เห็นว่าพวกเขาต่างเป็นพวกหัวกะทิ
“ข้าคือผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุน มีอะไรรึ?”
“ฝ่าบาทได้ออกคำสั่งว่าพิธีการขึ้นครองราชย์จะถูกจัดขึ้นตอนกลางวัน ในอีกสองวันข้างหน้า มันมีการประกาศที่สำคัญในพิธีนั้น ได้โปรดใช้เหรียญยืนยันตัวนี้เพื่อเข้าสู่พระราชวังด้วยครับ!”
เมื่อเขาพูดเสร็จ ทหารยื่นเหรียญเก่าแก่ให้กับเฉินเฉินอย่างสุภาพ
เฉินเฉินรับเหรียญไปและพยักหน้าตกลง
หญิงสาวหลายคนต่างแอบมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากในโรงเตี๊ยมหยีหลาน ดวงตาของพวกเธอต่างส่องประกายวิบวับด้วยความชื่นชม
“เขาเป็นผู้สืบทอดจริงด้วย! จิ่วเหนียงไม่ได้โดนหลอก! แม้แต่ทหารของกองทัพยังสุภาพกับเขาเลย! เขาดูดีมากเลย!”
“ทหารของกองทัพยังกล้าที่จะมายังหอโสเภณีของพวกเราเลย พวกเราไปโม้ได้แล้วละ!”
หญิงสาวเหล่านี้ต่างไม่ได้มีสถานะฝึกตนกันทั้งนั้น
นอกจากนี้แล้ว เฉินเฉินและทหารของกองทัพต่างได้ยินทุกสิ่งที่พวกเธอพูดออกมา
สีหน้าของทหารเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อพวกเขาได้ยินที่พวกเธอพูด หลังจกาบอกลาแล้ว พวกเขารีบหันหลังกลับและหายไปบนถนนอย่างรวดเร็ว พวกเขาเริ่มชะลอความเร็วลงจากวิ่งออกมาไกลกว่าร้อยเมตรแล้ว
“ผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนกล้าที่จะอาศัยอยู่ในที่แบบนั้นเนี่ยนะ! น่าอับอายชะมัด!”
“ปกติข้าไม่ได้มายังหอโสเภณีชั้นต่ำแบบนั้นเลยนะ! ข้าไม่ได้คาดคิดว่าผู้สืบทอดจะ….ดูเหมือนว่าผู้สืบทอดนั้นก็ไม่ได้สูงส่งไปกว่าพวกเราสักเท่าไหร่นี่นา”
ในขณะที่ทั้งสองคนต่างปรึกษาเรื่องนี้กันอยู่ เสียงควบม้าก็ดังขึ้นบนถนน
รถม้าคันนี้ทั้งหรูหราและรวดเร็ว พร้อมกับแสงจิตวิญญาณที่ส่องประกายรอบตัวม้า!
“เอ่อ…มันดูเหมือนกับรถม้าของโรงเตี๊ยมแดงเมามายเลยนี่”
“รถม้าด้านหลังคันนั้นมันเป็นของบ้านดอกไม้พระจันทร์ซึ่งเป็นหอโสเภณีที่ยอดเยี่ยมเป็นอันดับสองในเมืองหลวง…พวกเขากำลังมุ่งตรงไปยังโรงเตี๊ยมหยีหลานเนี่ยนะ? มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?”
ทหารทั้งสองคนต่างสบตากันเอง วินาทีต่อมา หนึ่งในพวกเขาก็ดูเหมือนจะเข้าใจ
“ข้ารู้แล้ว! ไม่มีผู้สืบทอดคนใดของทั้งสามสิบห้าสำนักเลือกที่จะอาศัยอยู่ในหอโสเภณีนี่เอง ไม่ว่าพวกเขาจะได้รับการเสนอหินวิญญาณไปมากเพียงใด แต่ผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนคือข้อยกเว้น ดังนั้นหอโสเภณีชื่อดังเหล่านั้นกำลังคิดที่จะชิงตัวเขาไปนี่เอง!
ทหารอีกคนเข้าใจหลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้
‘ทุกคนต่างต้องการเกียรติยศกันทั้งนั้น แต่เขาเป็นคนเดียวที่หน้าด้านแบบนั้น ความหน้าด้านของเขานี่มันหาได้ยากมาก…’
‘ยังไงก็ตาม รถม้า…มันมีมากเกินไปหรือเปล่าเนี่ย!’
มันมีรถม้าสิบแปดคัน ซึ่งหมายความว่าหอโสเภณี 18 แห่งต่างส่งตัวแทนกันมาทั้งหมด พวกเขาจะชักชวนผู้สืบทอดไปได้จริงๆหรือ?