อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 528 ระดับเจ็ด
“ปังๆๆ…”

เย่จิ่งหานกับจอมมารสู้กันขึ้นมา

กู้ชูหน่วนนวดขมับที่ปวดตุบ ชินชากับปฏิกิริยาของพวกเขาแล้ว

นางสำรวจทุกสิ่งในถ้ำโดยละเอียด

ซากที่เรียงรายบนพื้นโดยมากเป็นสัตว์อสูรระดับหนึ่งระดับสอง ยากจะจินตนาการ เย่จิ่งหานกำจัดสัตว์อสูรมากมายเช่นนั้นด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร

ขณะเพิ่งเข้าแคบมาก ข้างแต่ข้างในกลับเป็นเอกภพ กว้างขวางใหญ่โต

ผนังหินมีถ้ำเล็กๆ หลายถ้ำ แต่ละถ้ำแทบจะเชื่อมต่อกับถ้ำถัดไปได้

กู้ชูหน่วนหยุดอยู่ตรงหน้าผนังหินด้านหนึ่ง

บนผนังหินนั้นมีประตูหินหนึ่ง ประตูหินหนักถึงหมื่นชั่ง ขยับไม่ได้ด้วยแรงมนุษย์

บนประตูหินมีลักษณะเว้าเป็นรูปภูเขารูปดาบ

กู้ชูหน่วนแล่นความคิดปราด หยิบกระบี่ภูเขารูปดาบอันน้อยออกมาจากอก

กระบี่เล็กเล่มนี่หลอกได้มาจากตัวท่านปู่ที่เรือนพักร้อนชิวเฟิง ขณะนั้นนางแค่รู้สึกว่ามีดสั้นนี้เหมือนกับภูเขารูปดาบ

บัดนี้ดูแล้ว บางทีนี่อาจเป็นกุญแจเปิดประตูหินก็เป็นได้

“ฟิ่วๆๆ…”

คนของเผ่าเทียนเฟิ่นตามมาแล้ว ก่นด่า “นางเด็กหน้าเหม็น เจ้ากล้าหลอกฆ่าผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฟิ่นพวกเรา เอาชีวิตมา!”

ครั้นผู้อาวุโสหลายคนของเผ่าเทียนเฟิ่นปรากฏตัว ก็เป็นฝ่ามือพิฆาตติดต่อกัน

แววตากู้ชูหน่วนเย็นเยียบ ไม่รอให้เย่จิ่งหานกับจอมมารลงมือ ตัวเองก็กดปุ่มที่นูนขึ้นมาอีกตำแหน่งหนึ่ง

เมื่อกดปุ่ม ตัวถ้ำก็สะเทือนหนักครืนๆ สะเทือนจนทุกคนยืนไม่ติด

ไม่นาน จุดหนึ่งของผนังหินในถ้ำก็สัตว์ประหลาดที่คล้ายมนุษย์ก็ไม่เชิง คล้ายผีก็ไม่ใช่ คล้ายอสูรก็ไม่ถูกวิ่งออกมาแน่นขนัด

เมื่อสัตว์ประหลาดเหล่านี้ปรากฏตัว ก็กรูเข้ากัดเหล่าผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฟิ่นทั้งหลาย ความเร็วไวถึงที่สุด

บรรดาผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฟิ่นตกตะลึง

ไหนเลยยังมีแรงต่อกรกับกู้ชูหน่วน ต่างตั้งสมาธิจัดการกับสัตว์ประหลาดเหล่านั้น

ขณะเดียวกันเวินเส้าหยี สีชิ่นและไป๋จิ่นก็มาถึงแล้ว ประสบกับการโจมตีของสัตว์ประหลาดเช่นกัน

ช่วงเวลาเดียวกัน กู้ชูหน่วนวางมีดสั้นลงบนร่องบุ๋มผนังหิน เรียกเย่จิ่งหานและจอมมาร

“รีบไป!”

ประตูหินเพิ่งเปิดออก ทั้งสามก็มุดเข้าข้างในอย่างรู้ใจ

แววตานุ่มนวลของเวินเส้าหยีกะพริบ คล้ายรู้อยู่แล้วว่ากู้ชูหน่วนมีจุดประสงค์อื่น ใช้ท่าหลอกสลัดสัตว์ประหลาดเหล่านั้น แล้วตามท้ายพวกกู้ชูหน่วนเข้าไปอย่างหวุดหวิด

ปัง…

แค่ชั่วกะพริบตา ประตูหินก็ปิดแล้ว ตัดขาดความเกี่ยวข้องกับโลกภายนอก

กู้ชูหน่วนหยั่งเชิงกับเวินเส้าหยี สายตาเย็นยะเยือกจนชวนให้ครั่นคร้าม

เวินเส้าหยียิ้มเอ่ย “แม่นางกู้ ดูเหมือนเจ้าจะมีอคติกับเราเผ่าเทียนเฟิ่นอยู่มากนะ?”

“เฮอะ…พวกเจ้าเผ่าเทียนเฟิ่นจะทำข้าถึงตายหลายครั้งหลายครา หรือว่าเจ้าคิดว่าข้าควรซาบซึ้งในพระคุณพวกเจ้าเผ่าเทียนเฟิ่นหรือ?”

“พี่สาว ท่านอยากฆ่าเขาใช่ไหม? ถ้าท่านอยาก ข้าจะฆ่าเขาเดียวนี้แหละ” จอมมารยิ้มพราวเสน่ห์ ท่วงท่าอรรถรสพันหมื่น

เย่จิ่งหานเอ่ยเสียงหนัก “มีบางสิ่งกำลังเข้าใกล้”

“ครืน…”

ทุกคนตั้งสติ

และถึงพบว่าพวกเขาอยู่ในสถานที่ว่างเปล่าผืนหนึ่ง

รอบทิศที่นี่ นอกจากเวิ้งว้างมืดสนิทแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดอื่น ที่ว่ายื่นมือไม่เห็นห้านิ้ว ดุจอยู่ท่ามกลางนภาดารากว้างใหญ่

ทว่าก็เพราะเป็นสถานที่เวิ้งว้างเช่นนี้ กลับมีแว่วเสียงลมหายใจกึ่งปรากฏกึ่งหลบซ่อน จำต้องประหลาดใจ

“เหมือนจะใกล้มาทางพวกเรา” จอมมารเอ่ย

“กลิ่นอายน่ากลัวมาก” เวินเส้าหยีสูดลมเย็นทีหนึ่ง

กลิ่นอายน่ากลัวเช่นนี้ แม้เป็นเขาในช่วงสูงสุดก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้

หรือว่าเจ้าตัวน่ากลัวนี้ จะถึงระดับเจ็ดแล้ว?

เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ทุกคนก็ระทึก