บัญชามังกรเดือด บทที่ 691 สร้างคฤหาสน์หูซื่อใหม่
“คุณลุง”
เมื่อได้ยินคำพูดของเว่ยเทียนเหอแล้ว เจียวเหลียงก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น
เขาอดทนต่อความอัปยศอดสู และนำตัวฉินเทียนมาที่นี่ โดยหวังจะพึ่งพาอำนาจของคุณลุงฆ่าฉินเทียนซะ
ขอแค่ให้ฉินเทียนตาย หานหลิงก็จะเป็นของเขาแล้ว
แต่คาดไม่ถึงเลยว่า พึ่งจะพบกับความพ่ายแพ้อันเล็กน้อย คุณลุงของตนก็ไปเข้าข้างฉินเทียนเสียอีก
จะยกผู้หญิงที่ตนเองชอบ ให้กับคนอื่นอย่างนั้นหรือ?
ไม่ว่ายังไงเขาก็รับไม่ได้ทั้งนั้น
“หุบปาก!”
เว่ยเทียนเหอตวาดด้วยความเย็นชา “เจียวเหลียง ฉันรู้ว่าคุณก็ชอบแม่หนูหานหลิง แต่สารรูปอย่างคุณ จะไปคู่ควรกับหานหลิงได้ยังไงหล่ะ”
“พวกคุณเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันใช่ไหม? ในฐานะเพื่อนร่วมชั้น ก็ควรมอบคำอวยพรให้กัน”
“ยังไม่รีบอวยพรอีกหรือ!”
ถึงอย่างไร เจียวเหลียงก็ยังเด็กอยู่ ก่อนหน้านี้ยังเป็นเพียงทายาทเศรษฐีที่คนรอบข้างคอยตามใจจนกำเริบเสิบสานคนหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น เขาเลยยังไม่เข้าใจถึงความรุนแรงของเรื่องนี้มากนัก
เขาไม่พอใจ!
กัดฟันและคิดจะต่อต้าน
“ไอ้สารเลว!” ด้านข้าง พ่อเขาเจียวหยวนเดินพุ่งเข้ามาตบหน้าเขาไปหนึ่งฉาด
“ไม่ได้ยินที่คุณลุงของคุณพูดหรือ? ยังไม่รีบเข้าไปอวยพรหานหลิงกับราชาเถียสิบสามอีก!”
“คุณกับหานหลิงและคุณฉินเทียน ล้วนแต่เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันทั้งนั้น ต่อไปนี้ต้องเรียนรู้จากพวกเขาให้ดีดีด้วยหล่ะ”
เขาพูดพลาง ขยิบตาไปพลาง
สุดท้ายเจียวเหลียงก็มีท่าทีตอบกลับ เขารู้ว่าสถานการณ์ในวันนี้ได้ถูกกำหนดไว้หมดแล้ว เขากัดฟัน หน้าแดงและพูดว่า “หานหลิง ขอให้คุณมีความสุขนะ”
“ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่า ราชาเถียสิบสาม เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ”
“ฉินเทียน พวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน คำสัญญาที่ฉันเคยให้ไว้ งานหมั้นของหานหลิงกับราชาเถียสิบสามในวันนี้ ค่างานเลี้ยงและค่าเวที ฉันจะจ่ายเอง!”
“ถือซะว่าให้เป็นของขวัญงานหมั้นของหานหลิงก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดของเจียวเหลียงแล้ว หานไท่และเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ที่เข้ามาร่วมพิธีก่อนหน้านี้ แต่ละคนต่างมีท่าทีตื่นตะลึงตกใจกลัวกันอย่างมาก
ตอนนี้พวกเขาพึ่งได้รู้ถึงความแตกต่างระหว่างพวกเขากับฉินเทียน
ถ้าฉินเทียนเป็นพญาอินทรีที่อยู่บนท้องฟ้า งั้นเขาคงเป็นนกเขาในรังหญ้าสินะ น่าขำที่ก่อนหน้านี้ นกเขาอย่างพวกเขา กล้าที่จะเอ็ดตะโรใส่พญาอินทรีที่อยู่บนท้องฟ้าได้
ช่างเป็นการหยั่งเชิงความตายอย่างบ้าคลั่งเสียจริงๆ
“ยินดีด้วยนะหานหลิง!”
“หานหลิงกับราชาเถียสิบสามช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุดเสียเหลือเกิน!”
“ราชาเถียสิบสาม ตอนนี้ขอเชิญคุณทำพิธีสู่ขออย่างเป็นทางการได้แล้วครับ นำป้ายละตายอาญาสิทธิ์ มาส่งให้ในมือของหานหลิง!”
พวกเขาโห่ร้องกันอย่างคึกคัก
ฉินเทียนยิ้มด้วยความพอใจที่สามารถมีวันนี้ได้ นับว่าเขาได้ชดเชยเรื่องที่ติดค้างให้กับเพื่อนเก่าได้แล้ว
“หานหลิง ราชาเถียสิบสาม พวกคุณจะอ้ำๆ อึ้งๆ อะไรกันอยู่อีกหล่ะ?”
“เริ่มเข้าพิธีสู่ขออย่างเป็นทางการได้แล้ว”
คิดไม่ถึงว่าจะได้รับคำอวยพรจากผู้คนมากมายขนาดนี้ แม้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่จะเสแสร้งก็ตาม แต่เมื่อพิธีสู่ขออย่างเป็นทางการมาถึง เถียโถวและหานหลิง ก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
“โอเค!” เถียโถวตะโกนเสียงดังขึ้น ทันใดนั้นเขาก็จับมือของหานหลิง ยืดหลังตรง และเดินไปที่เวที
ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป แถมยังแสดงออกถึงความองอาจผึ่งผายอีกด้วย
ผู้ชายบนโลกนี้ ต้องเผชิญหน้ากับทุกสถานการณ์ด้วยความกล้าหาญ ไม่ว่าเหตุการณ์นี้ จะเป็นความตายหรือความรุ่งโรจน์ก็ตาม
แสงไฟในโรงแรมเป็นประกาย สาดส่องไปที่หน้ากากเหล็กของเขา สะท้อนแวววาว
ผู้คนต่างพากันเงียบลง ท่ามกลางความงุนงง พวกเขามองเห็นความองอาจผึ่งผายของราชาเถียสิบสามแห่งวิหารเทพ
แม้แต่หานหลิงเองยังหัวใจเต้นแรงจนหน้าแดงไปด้วยเลย
เขาไม่ได้รังเกียจเถียโถว แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นความชอบระหว่างชายหญิง เขาถูกบังคับให้ตอบตกลงการสู่ขอ เพียงแค่ว่าไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีไปกว่านี้อีกแล้วเท่านั้น
ท่ามกลางขี้เถ้าในกองไฟนั้น ตอนที่เขาเห็นหูเฟยถูกเผาจนจำแทบไม่ได้ หัวใจของเขาเองก็ได้ตายลงไปแล้วเหมือนกัน
ความหมายของการมีชีวิตอยู่ของเขา ก็เพื่อแก้แค้นให้กับหูเฟย
แต่ว่าตอนนี้ เขาถูกมืออันทรงพลังจับกุมเอาไว้ จู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันคุ้นเคยจากตัวของเถียโถว
เขารู้สึกสับสนอยู่บ้างเล็กน้อย
บนเวที ท่ามกลางสายตาต่างจับจ้องจากผู้คน เถียโถวก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง
มือประคองแผ่นป้ายอาญาสิทธิ์ขึ้นมาและพูดอย่างเด็ดขาดว่า “แต่งงานกับฉันนะ!”
“ฉันจะรักษาสัญญา!”
ไม่มีคำสารภาพอันน่าตื่นเต้นใดๆ แต่เป็นคำพูดง่ายๆที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ง่ายๆได้ใจความ ทำให้ไม่ต้องสงสัยอะไรต่ออีกเลย
หานหลิงกัดฟันและตอบว่า “ตกลง!”
“นับจากนี้เป็นต้นไป ฉันคือคู่หมั้นของคุณ”
“ถ้าคุณทำได้อย่างที่พูด ฉันหานหลิงก็จะทำตามที่พูดไว้เช่นกัน!”
“ในวันที่คุณค้นหาความจริงเพื่อแก้แค้นให้กับคนตระกูลหู คือวันที่ฉันกลายเป็นเจ้าสาวของคุณ!”
“ชั่วชีวิตนี้ จะไม่มีทางเสียใจในภายหลัง!”
เถียโถวเงยหน้าขึ้นมองหานหลิง พร้อมกับหยดน้ำตาใสๆ ที่ไหลลงมาจากตา
ไม่รู้ว่าทำไม สถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยความเงียบสงบ ทั้งสองยืนอยู่บนเวที เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ดุจดั่งโฉมงามกับเจ้าชายอสูร แต่จู่ๆ กลับทำให้ผู้คนต่างรู้สึกว่าเขาทั้งคู่เข้ากันได้อย่างน่าประหลาดใจ
ทุกคนต่างรู้สึกจากจิตใต้สำนึกว่า ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างคาดไม่ถึง
“ตกลง!”
“วันนี้ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาเป็นสักขีพยานในพิธีหมั้นของราชาเถียสิบสามกับคุณหานหลิง เรียกได้ว่าชีวิตนี้เกิดมาไม่เสียเปล่าแล้ว!”
“ฉินเทียน ลำดับต่อไป พวกเรามาดื่มอวยพรร่วมกันสักหน่อยดีไหม?” หยางต้าวพูดเกริ่นนำ
ฉินเทียนมองไปยังหยางต้าว ยิ้มและพยักหน้า “ตกลง”
ทั้งสองรู้อยู่แก่ใจว่า ทุกคนกำลังทำการแสดงทั้งนั้น ตอนนี้แค่เป็นความสามัคคีชั่วคราวเท่านั้นเอง
ตามคำบอกเล่าของฉีลิ่วและคนอื่นๆ ฉินเทียนมีเหตุผลมากพอที่จะสงสัยว่า ไฟไหม้ครั้งใหญ่เมื่อสามปีก่อนหน้านั้น ต้นเหตุมาจากน้ำมือของ หยางต้าว เว่ยเทียนเหอ และจ้าวคง
แต่วันนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตของ เถียโถวและหานหลิง หยางต้าวเองก็รู้จักกาลเทศะ และไม่ได้บีบบังคับให้ฉินเทียนทำเรื่องนองเลือด
ตรงจุดนี้ ฉินเทียนก็เลยยอมที่จะให้อภัยหยางต้าวได้ในบางครั้ง
“ด้วยความเคารพราชาเถียสิบสาม!”
“ด้วยความเคารพวิหารเทพ!”
ตอนนี้คนส่วนมากต่างยินยอมพร้อมใจกันเชื่อว่า เถียโถวเป็นสิบสามราชาของวิหารเทพจริงๆ แค่ฉินเทียนผู้อารักขานั้น ก็ร้ายกาจขนาดนี้แล้ว
พวกเขาพากันยกเหล้าคารวะด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประจบสอพลอ
แม้ว่าคนของตระกูลหานจะรู้สึกเป็นกังวล แต่เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ต้องปล่อยให้เลยตามเลย ทำได้เพียงภาวนาอย่างเงียบๆ ให้ใช้ชีวิตได้อย่างร่มเย็นเป็นสุข
“หลานรัก ได้เวลาแล้วนะ”
“คุณดูสิว่าแผ่นป้ายอาญาสิทธิ์อันนี้ ควรจะมอบให้ปู่นำกลับบ้านไปไหม?”
“คุณวางใจเถอะ ของล้ำค่ามากขนาดนี้ ปู่จะนำไปวางไว้ในหอบรรพชนกับมือ และจะบูชามันอย่างแน่นอน!” หานขุยพูดอย่างยิ้มหวาน
หานหลิงนิ่งเงียบไปชั่วขณะและตอบว่า “ไม่ค่ะ”
“คุณปู่ แผ่นป้ายอาญาสิทธิ์นี้ มันไม่ใช่ของตระกูลหาน”
“คุณพูดอะไรนะ?” รอยยิ้มบนใบหน้าของหานขุยหุบลงทันที
“แผ่นป้ายอาญาสิทธิ์เป็นของคุณ คุณไม่ใช่คนตระกูลหานหรือไง?”
“หรือว่า คุณพึ่งจะผูกญาติกับผู้มีอำนาจได้ ก็คิดจะหักหลังตระกูลเสียแล้วอย่างนั้นหรือ?”
หานหลิง “แผ่นป้ายอาญาสิทธิ์ ฉันแลกมาด้วยความตายของหูเฟย ฉะนั้นมันควรจะเป็นของตระกูลหู”
“เถียโถว ฉินเทียน พวกเราไปคฤหาสน์หูซื่อ กันเถอะ”
“ฉันจะนำแผ่นป้ายอาญาสิทธิ์นี้ไปบูชาไว้ในห้องโถงใหญ่ของตระกูลหู ภายใต้การปกปักรักษาของวิหารเทพของพวกคุณ ตระกูลหูจะสามารถแก้แค้นได้ในเร็ววันอย่างแน่นอน!”
พูดพลางก็ไม่รอให้ฉินเทียนและเถียโถวได้ตอบกลับ เขาก็เดินออกไปข้างนอกด้วยสีหน้าอันเย็นชา
สำหรับท่าทีของหานหลิง ทำให้ฉินเทียนรู้สึกประทับใจอีกครั้ง
เขาตอบอย่างเสียงดังว่า “ทุกท่านครับ ฉันและราชาเถียสิบสามของพวกเรา ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้”
“ตอนนี้ ฉันขอประกาศอีกสักหนึ่งเรื่อง”
“ราชาเถียสิบสามของพวกเราได้ซื้อคฤหาสน์ของหูซื่อเอาไว้แล้ว และจะเริ่มทำการก่อสร้างใหม่นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!”
“เมื่อถึงเวลา ยินดีต้อนรับทุกท่านมาที่บ้านในฐานะแขกผู้มีเกียรติด้วยนะครับ!”