ทที่ 234 ตระกูลเซียวใกล้จะจบเห่แล้ว(2)
ตอนนี้ บริษัทเซียวซื่อก็เหมือนกับกระสอบข้าวสารที่ถูกเจาจนเป็นรู ข้าวสารในถุงเดิมทีก็มีไม่เยอะ แล้วยังไหลออกมาด้านนอก
อย่างไม่หยุดอีก ดูไปแล้วคงจะรับมือไม่ไหวแน่
แต่ที่น่าโมโหก็คือ เซียวเวยเวยหลานสาวที่เธอรักมากที่สุด เดิมทีจะแต่งงานกับเหวินเฟย คุณชายตระกูลหวัง แต่ตอนนี้ ตระกูลหวังก็หลบหน้าตระกูลเซียวแทบไม่ทัน
ความหวังสุดท้ายอย่างตระกูลหวัง ก็มลายหายไป
พอคิดถึงจุดนี้ นายหญิงใหญ่เซียวก็น้ำตาไหลพราก
เดินทางในสายนี้มาหลายปี ตนเองควบคุมตระกูลทั้งหมด แต่ไม่คิดว่า ตนเองจะบริหารกิจการของตระกูลมาถึงในจุดนี้
ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป บริษัทไม่เพียงจะล้มละลายลง ตนเองก็ต้องเผชิญกับภาระหนี้จำนวนมาก พอถึงตอนนั้น เกรงว่าแม้แต่คฤหาสน์
หลังเก่าก็คงเอาไว้ไม่อยู่
ส่วนทั้งหมดนี้ ก็ล้วนเกิดจากความเห็นแก่ตัวของตนเอง
ถ้าหากตอนแรกไม่ใช่เพราะว่าจะเอาคฤหาสน์ที่ตระกูลหวังให้กับเย่เฉิน เซียวฉางควนและเซียวชูหรันสองพ่อลูก ก็คงจะไม่แตกหัก
กับตนเองหรอก?
ถ้าไม่ใช่เพราะเซียวชูหรันออกไปจากบริษัทเซียวซื่อ ตี้เหากรุ๊ปก็คงจะไม่ยกเลิกสัญญากับบริษัทเซียวซื่อ
เซียวฉางเฉียนลูกชายคนโต ตอนนี้ก็อยู่ในจุดที่พร้อมพังทลายเสมอ
กิจการของตระกูล อยู่ในจุดคับขัน ลูกสาวสูญสิ้นความสบาย ลูกชายก็ไม่มีอนาคต แล้วยังถูกเย่เฉินดูถูกตั้งหลายครั้ง……….
ตอนนี้ตนเองก็มีใจทำอะไรได้ หรือจะฉุดช่วยอะไรได้ แต่ก็หาแสงสว่างไม่เจอเลย
เซียวเวยเวย พอกลับมาก็ร้องไห้ตลอด ร้องจนแทบจะขาดใจ ร้องจนรู้สึกทนไม่ไหว
แล้วก็ถามนายหญิงใหญ่เซียวว่า “แม่ ต่อไปนี้ตระกูลเซียว ไม่มีความหวังแล้วใช่ไหม?”
นายหญิงใหญ่เซียวก็น้ำตาไหล แล้วพูดอย่างเจ็บปวดว่า “ไม่มีวิธีอื่นแล้วฉางเฉียน ถ้าบริษัทยังไม่ประกาศล้มละลาย ภาระหนี้ทั้งหมดก็จะต้องตกอยู่ที่เรา………”
เซียวฉางเฉียนสะอื้นพูดว่า “แม่ครับ แม่ไปหาเพื่อนเก่าๆ เมื่อก่อนได้ไหม ดูว่ามีใครที่สามารถซื้อหุ้นให้ทุนบริษัทเซียวซื่อเราได้ ให้พวกเราผ่านช่วงเวลานี้ไปก่อน?”
“ซื้อหุ้นงั้นหรือ?” นายหญิงใหญ่เซียวยิ้มแหยพูดว่า “ตอนนี้ตี้เหากรุ๊ปแบล็คลิสต์พวกเราแล้ว ใครจะกล้ามาลงทุนกับเราอีก? เพื่อนๆ ในสมัยก่อน ตอนนี้ก็หลบหน้าฉันหมด โทรไปก็ไม่รับ แม่มองออกแล้ว ว่าโลกนี้ มีเพื่อนแท้เสียที่ไหน? มีแต่ผลประโยชน์!”
เซียวไห่หลงพูดเสียงคัดจมูกว่า “คุณย่าครับ ถ้าบอกว่าไม่มีเพื่อน มีแต่ผลประโยชน์ แล้วทำไมไอ้เย่เฉินนั่น มันยังเป็นเพื่อนกับคนใหญ่คนโตมากมาย แล้วคนพวกนั้นก็ไว้หน้ามันด้วย เรียกอาจารย์ๆ อยู่อย่างนั้น? เย่เฉินเอาผลประโยชน์อะไร
มาให้พวกเขา?”
นายหญิงใหญ่เซียวพูดมาตรงๆ ว่า “เย่เฉินคนนี้นะ อย่ามองว่ามันเป็นคนจนที่ไร้ประโยชน์ มันเป็นคนช่างพูด ฉันได้ยินมาว่า ที่คนใหญ่คนโตพวกนั้นเคารพมัน เพราะว่ามีมีความสามารถด้านดูดวงอะไรพวกนี้ แต่ฉันว่าไม่ได้เรียกว่าความสามารถอะไรหรอก หลอกคนเสียไม่ว่า จะต่างอะไรกับพวกนั่งดูดวงอยู่ข้างทางใต้ต้นไม้เล่า!”
เซียวไห่หลงถามอย่างสงสัยว่า “แล้วทำไมคนพวกนั้นถึงได้เชื่อมัน?”
นายหญิงใหญ่เซียวตอบ “เชื่อมัน ก็เพราะว่ามันยังไม่ถูกจับจุดได้นะสิ คนแบบนี้ ก็เหมือนกับพวกปรมาจารย์ชี่กง ปรมาจารย์ไทเก็กในสมัยก่อน แต่ละคน นี่หลอกคนเก่ง หลอกเอาทุกคนเชื่อจนอึ้งไป แต่หลังจากนั้น พอทุกคนรู้ความจริง ก็กลายเป็นคนที่ทุกคนร้องตะโกน
ด่าทอว่าเป็นพวกหลอกลวงไม่ใช่หรือ?”
พูดถึงจุดนี้ สีหน้าของนายหญิงใหญ่ก็ร้ายขึ้นมา “ฉันว่านะ อีกไม่นาน เย่เฉินก็ต้องถูกเปิดโปง พอถึงตอนนั้น พวกคนใหญ่คนโตรู้ว่าตนเองถูกหลอก จะต้องถลกหนังมันไปให้หมากินแน่ๆ !”
เซียวไห่หลงพูดด้วยสีหน้ารอคอย “ผมชักจะทนรอไม่ได้แล้วสิ! อยากจะให้ไอ้เย่เฉินถูกสับแล้วไปให้หมากิน!”
นายหญิงใหญ่เซียวพูดด้วยสีหน้าริษยาว่า “ไม่นานหรอก! วางใจเถอะ จะต้องมีวันนั้นแน่!”