235 สุดท้ายก็มีทางรอดแล้ว(1)

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 235 สุดท้ายก็มีทางรอดแล้ว(1)

ในตอนที่คนตระกูลเซียวกำลังนินทาด่าทอเย่เฉินอยู่นั้น รถโรลส์รอยซ์สองคันก็มาจอดที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลเซียว

จากนั้น ก็มีบอดี้การ์ดชุดดำ6คนลงมาจากรถ หนึ่งในนั้นไปเปิดประตูที่นั่งแถวสุดท้ายของรถ แล้วก็มีชายอายุราว50กว่าปีเดินลงมา

ชายคนนั้นใส่ชุดหรูหรา ใส่ชุดสูทตีตัดด้วยมือจากอังกฤษ เห็นแล้วดูหรูหราไม่เบา

ชายวัยกลางคนลงรถมา ก็ถือหนังสือสาแหรกประจำตระกูลเซียวไว้ แล้วเอ่ยปากถามผู้ช่วยทางด้านข้างว่า “นี่คือตระกูลเซียวแห่งเมืองจินหลิงใช่ไหม?”

ผู้ช่วยก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “เรียนประธานเซียว ผมได้ตรวจสอบจากทางทะเบียนราษฎร์เรียบร้อยแล้วครับ นี่คือตระกูลเซียวแห่งเมืองจินหลิงครับ”

“อืม” ชายวัยกลางคนพยักหน้า แล้วมองบ้านตระกูลเซียวพูดว่า “ไม่นึกว่าตระกูลเซียวของเมืองจินหลิงนี้จะตกอับเช่นนี้ เป็นญาติพี่น้องที่อับจนจริงๆ …”

ผู้ช่วยรีบพูดว่า “ประธานเซียวครับ พวกเราอย่าเข้าไปเลยดีกว่าครับ ให้พวกผีจนตรอกพวกนี้มาแปดเปื้อน จะลำบากเอา”

ชายวัยกลางคนโบกมือเบาๆ แล้วพูดว่า “สายเลือดตระกูลเซียวทางฝั่งเมืองจินหลิง ถึงแม่จะห่างจากสายเลือดพวกเราไป5ชั่วอายุคน แต่ตามที่พ่อผมบอกไว้ ตอนสงครามต่อต้านกองทัพญี่ปุ่น คนตระกูลเซียวแห่งเมืองจินหลิงในตอนนั้น เคยช่วยชีวิตเขาไว้ ตอนเขายังมีชีวิต ก็ได้ตามหาพวกเขาตลอด อยากจะขอบคุณต่อหน้า แต่ก็ป่วยติดเตียงอยู่ตลอด ไม่มีโอกาสมา ผมเองก็ต้องมาจัดการเรื่องราวที่

ค้างคาใจแทนเขา แล้วก็ถือโอกาสจัดเรียงหนังสือสาแหรกประจำตระกูลขึ้นใหม่ เอาสายเลือดของพวกเขาเขียนลงไปด้วย”

ผู้ช่วยถามอย่างสงสัยว่า “ประธานเซียวครับ เรื่องที่คุณเล่ามันเป็นอย่างไรแน่ครับ?”

ชายวัยกลางคนเล่าว่า “ในตอนนั้น ตระกูลเซียวยิ่งใหญ่มาก ทั้งตระกูลก็มีสมาชิกทั้งหมู่บ้าน ต่อมาพวกญี่ปุ่นบุก เกิดสงคราม ทุกคนก็แยกย้ายเอาชีวิตรอด พ่อผมและต้นตระกูลของบ้านนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆ กัน ทั้งสองหนีมาด้วยกัน พ่อผมถูกลูกหลง

จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด คุณท่านของพวกเขาได้แบกเอาพ่อผมหนีออกมา”

ผู้ช่วยก็ส่งเสียงตกใจออกมา พูดว่า “ที่แท้ก็ความสัมพันธ์เช่นนี้นี่เอง”

“ใช่แล้ว” ชายวัยกลางคนถอนหายใจ แล้วพูดว่า “เอาเถอะ หม่าซาน นายไปเคาะประตูเถอะ!”

ในคฤหาสน์ตระกูลเซียว ทุกคนกำลังนั่งอยู่ด้วยกัน กำลังร้องไห้กันระงม ก็ได้ยินเสียงกริ่งของบ้านดังขึ้น เซียวฉางเฉียนก็รีบเช็ดน้ำตา แล้วก็เดินออกไปเปิดประตูใหญ่

เห็นด้านนอกเป็นคนที่มีอายุแก่กว่าตนเองไม่กี่ปี เป็นชายวัยกลางคนที่องอาจ แล้วก็เห็นว่าข้างกายเขา มีบอดี้การ์ดอีก6คน ข้างหลังเป็นรถโรลส์รอยซ์จอดอยู่ ก็รู้ได้ว่าต้องเป็นคนใหญ่คนโต ก็เลยถามว่า “คุณมาหาใครครับ?”

ชายวัยกลางคนก็ยิ้มเบาๆ แล้วถามเขาว่า “คุณคือลูกหลานตระกูลเซียวใช่ไหมครับ?”

เซียวฉางเฉียนก็พยักหน้าตอบ “ใช่แล้ว ผมแซ่เซียว ทำไมหรือครับ?”

ชายวัยกลางคนก็แนะนำตัวเอง “สวัสดีครับ ผมชื่อเซียวอี้เชียน เป็นผู้นำตระกูลเซียวแห่งเย่นจิง”

“ตระกูลเซียวแห่งเย่นจิงงั้นหรือ?” เซียวฉางเฉียนถามอย่างฉงนใจ “หมายความว่าอย่างไรนะครับ? ทำไมผมไม่เคยได้ยินเลย?”

ชายวัยกลางคนก็ยิ้มพูดว่า “ต้นตระกูลของพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน นับว่าเป็นพี่น้องที่ห่างๆกัน พ่อของผมและพ่อของคุณ น่าจะเป็นญาติห่างๆ กัน ดังนั้นพอถึงรุ่นพวกเรา ก็ถือว่านับว่าเป็นญาติกัน”

เซียวฉางเฉียนถามอย่างตกใจว่า “คุณก็คือคนตระกูลเซียวหรือครับ?”

“ใช่แล้ว” เซียวอี้เชียนพยักหน้า แล้วพูดว่า “ครั้งนี้ผมมาเยี่ยม หลักๆ ก็ทำตามความหวังของพ่อก่อนตาย อยากจะมาขอบคุณ คุณท่าน

ของพวกคุณ แล้วก็อยากรู้จักพวกคุณด้วย อนาคตจะได้ติดต่อกัน”

พูดไป แล้วก็หยิบนามบัตรออกมา แล้วยื่นให้เซียวฉางเฉียน พร้อมพูดว่า “นี่คือนามบัตรของผมครับ”

เซียวฉางเฉียนรับเอานามบัตรมา พออ่านดู ก็อึ้งจนอ้าปากค้าง

เซียวอี้เชียน ประณานคณะกรรมการของเชียนเฉิงกรุ๊ปหรือนี่?

เชียนเฉิงกรุ๊ปนี้ เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในมากเลยนะ!

เซียวฉางเฉียนก็ดีใจ รีบพูดว่า “ไอ้หยา ที่แท้ก็เป็นประธานเซียวนี่เอง ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้วครับ!”

พูดจบ เขาก็รีบอธิบายว่า “ประธานเซียว ไม่ทราบว่าคุณพ่อของคุณและคุณพ่อของผม มีเรื่องราวอะไรระหว่างกันบ้างครับ? คุณพ่อของผมเสียชีวิตไปเมื่อ3ปีที่แล้ว”

เซียวอี้เชียนก็ถอนหายใจพูดว่า “ไอ้หยา ก็ไม่ต่างกันเลยครับ พ่อของผมก็เพิ่งเสียชีวิตไป ก่อนเสียชีวิต ก็ได้ฝากฝังไว้ ว่าอยากจะพบผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต ไม่คิดว่าผู้มีพระคุณก็ได้จากไปก่อนพ่อผมเสียอีก……”