ตอนที่ 531 จูบ / ตอนที่ 532 ถูกจูบแล้ว

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 531 จูบ 

 

 

 

 

 

ความในใจของอวี้อาเหราเปลี่ยนไปเป็นร้อยอย่างพันอย่าง แต่ฉู่ป๋ายกลับนั่งนิ่งไม่ขยับ ราวกับเวลาของเขาได้หยุดลงเสียแล้ว ผิวกายราวกับหยก ใบหน้างดงามไร้ที่ติ หากขนตาของเขาไม่กะพริบ นางก็คิดว่าบุรุษที่นั่งข้างๆ นั้นเป็นรูปสลักไปเสียแล้ว 

 

 

ความคิดของนางหยุดลง จากนั้นเสียงสั่นๆ ของนางก็เอ่ยขึ้น “เมื่อครู่นี้เจ้าเห็นข้ากับจวินฉางอวิ๋น…” 

 

 

คำพูดที่เหลือ นางก็ไม่กล้าที่จะพูดออกไป 

 

 

“เห็นแล้ว” ในยามนี้ ฉู่ป๋ายก็พยักหน้าลง ทันใดนั้นก็จ้องมองใบหน้าของนาง “แล้วอย่างไรเล่า พวกเจ้าทำอะไรกัน” 

 

 

“ไม่ได้ทำอะไรเลย” อวี้อาเหราตอบอย่างเบื่อหน่าย 

 

 

ฉู่ป๋ายลังเล จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ไม่ได้ทำอะไรเลยหรือ?” 

 

 

“อืม ไม่ได้ทำอะไรเลย” อวี้อาเหราพยักหน้าอย่างมั่นใจ นางทำอะไรกับจวินฉางอวิ๋นที่ไหนกัน? 

 

 

ฉู่ป๋ายยังคงเดินหน้าไปเรื่อยๆ ใบหน้าที่งดงามราวกับหยกนั้นยื่นเข้ามาใกล้จนแทบจะติดกับใบหน้าของนาง จนนางแทบจะมองเห็นเส้นเลือดฝอยในดวงตาของเขาอย่างชัดเจนและหมดจด อีกเพียงนิดเดียว ใบหน้าก็แทบจะอยู่ติดกันอยู่แล้ว อวี้อาเหราก็รู้ถึงความใกล้ชิดที่คนทั้งสองอยู่ใกล้กันจนแทบจะติดกันอยู่แล้ว นางจึงได้สติ แล้วถอยออกไป 

 

 

อีกฝ่ายรวดเร็วกว่านางมาก ทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปประคองศีรษะของนางที่กำลังถอยหลังไป ดึงเข้ามาให้ใกล้ชิดมากกว่าเดิม 

 

 

“เจ้า…” อวี้อาเหราไม่อาจพูดอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว มุมปากของนางยวบลง สิ่งนุ่มหนาที่เย็นเฉียบเหมือนก้อนน้ำแข็งทาบทับลงมาที่ริมฝีปากของนางอย่างหนักหน่วงและแนบแน่น จนไม่เหลือช่องว่างให้สิ่งใดลอดผ่าน 

 

 

กลิ่นกายของเขาเข้าไปสู่ช่องอกของนางไปเสียทั้งหมดในชั่วพริบตา 

 

 

นั่นคือกลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขา ช่างหอมสดชื่นยิ่งนัก 

 

 

อวี้อาเหราจ้องตาถลน จ้องมองชายที่ใช้ปากปิดปากนาง 

 

 

เขาทำอะไรนะ? ตอนนี้นางควรจะมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างไรดี ชั่ววินาทีนั้น สมองของนางก็มึนเบลอเหมือนตกอยู่ท่ามกลางหมอกควันที่วุ่นวาย ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร หลังจากผ่านไปแล้ว นางจึงค่อยๆ ได้สติขึ้น ทันใดนั้นนางก็ยื่นมือออกไปจิกเนื้อของตัวเอง รู้สึกเจ็บเสียจนต้องสูดปาก 

 

 

นี่คือเรื่องจริงหรือ? นางไม่ได้กำลังฝันลามกอยู่ใช่หรือไม่ 

 

 

อวี้อาเหราไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ผ่านมาครึ่งชีวิตแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกจูบ 

 

 

จะ…จูบหรือ? ทันใดนั้นนางก็รู้สึกตัวขึ้นมา นางยื่นมือออกไปผลักฉู่ป๋าย แต่เขายังคงแนบริมฝีปากติดอยู่กับนาง ไม่ว่าจะผลักไสอย่างไรก็ไม่ยอมถอย และเขายังกดร่างของนางเอาไว้แน่น ไม่ได้ทำอะไรเลย เอาแต่จ้องมองนางด้วยสายตาเรียบนิ่ง 

 

 

ดวงตาคู่นั้นของเขาไม่มีอารมณ์ใดอื่น ราวกับผิวน้ำที่สงบนิ่งไม่มีผิด 

 

 

ใบหน้าของอวี้อาเหราแดงก่ำ เหมือนกับตัวกุ้งที่โดนน้ำร้อนลวก นอกจากใบหน้าที่แดงก่ำแล้ว ทั่วทั้งร่างของนางยังร้อนระอุ โดยเฉพาะใบหน้าที่ร้อนลวกเสียจนเหมือนจะมีควันโชยออกมา  

 

 

หลังจากที่นางสงบใจลงเล็กน้อย ก็มองมาที่ฉู่ป๋าย แต่เพราะริมฝีปากยังคงติดแน่น จนทำให้ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ 

 

 

เมื่อถูกกดไว้เป็นเวลานานเช่นนี้ นานเสียจนรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจ ในใจของนางก็เกิดอารมณ์ร้อนรนขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ที่ค่อยๆ ถูกบรรยากาศแปลกประหลาดจุดติด ราวกับไม้แห้งที่ติดไฟอยู่ใต้น้ำ นึกอยากจะยืนขึ้นก็ไร้เรี่ยวแรง ร่างกายอ่อนปวกเปียก แล้วก็ต้องลอบหัวเราะในใจ แต่โดนจูบเองมิใช่หรือ? เหตุใดถึงได้อ่อนแอถึงเพียงนี้? 

 

 

นางนึกโกรธที่ตัวเองไร้เรี่ยวแรง เวลาค่อยๆ ผ่านไปทุกวินาที ทว่าฉู่ป๋ายกลับไม่มีท่าทีที่จะยอมปล่อยนางไปแม้แต่น้อย 

 

 

มือเท้าถูกเขารวบเอาไว้เสียหมด แมวยังถูกกักเอาใต้เท้าของนาง จะขยับแม้แต่น้อยก็ยังไม่ได้ 

 

 

อวี้อาเหรากำลังจะใช้แรงที่เหลืออยู่น้อยนิดผลักเขาออก แต่สุดท้ายฉู่ป๋ายก็เอ่ยปาก ยอมแยกออกจากริมฝีปากของนาง ก้มลงถามด้วยเสียงแผ่วเบา “เมื่อครู่นี้ เขาได้จูบเจ้าเช่นนี้หรือไม่” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 532 ถูกจูบแล้ว 

 

 

 

 

 

“เช่นนี้?” อวี้อาเหราไม่รู้จะพูดคำไหน พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย เหตุใดจะต้องโดนจูบด้วย 

 

 

ฉู่ป๋ายเห็นนางมีทีท่าลังเล ทันใดนั้นก็งับเข้าที่ริมฝีปากของนางแรงๆ “ว่าอย่างไร ใช่หรือไม่” 

 

 

“เจ้าเป็นหมาหรือ!” อวี้อาเหราถูกกัดเสียจนเจ็บ ก็ยื่นมือออกไปกุมริมฝีปากของตัวเองอย่างโกรธๆ ต่อมาจึงค่อยรู้สึกตัวว่ามือเท้าถูกเขาตรึงเอาไว้ จนทำให้ขยับไม่ได้ ทำได้แต่หอบหายใจอย่างหนักหน่วง ไม่อยากจะสนใจคำพูดของเขา 

 

 

“หากเจ้าไม่พูด ข้าก็จะ…” ขณะที่พูดนั้น เขาก็ก้าวเข้ามาหา 

 

 

“อย่านะๆ” อวี้อาเหราเห็นบุรุษที่ค่อยๆ ยืนหน้าเข้ามาใกล้ก็รีบร้องห้าม อีกทั้งยังส่ายหน้าอย่างปวดหัวและรำคาญใจ “ข้าไม่ได้มีอะไรกับเขาทั้งนั้น” 

 

 

“ไม่มีหรือ? หากเจ้าหลอกข้าเล่า” ฉู่ป๋ายหรี่ตาลง 

 

 

“ไม่มีทาง ไหนเลยข้าจะกล้าหลอกเจ้าได้” อวี้อาเหรารีบส่ายหน้าอย่างเร็วรี่ 

 

 

สายตาของฉู่ป๋ายจึงค่อยฉายประกาย แต่ก็ไม่รีบร้อนที่จะถอยห่าง อีกทั้งยังใช้ชายแขนเสื้อที่กว้างปิดตาของนางไว้ ก่อนจะกัดลงที่ริมฝีปากของนางหนักๆ อีกครั้ง นางรู้สึกเจ็บเป็นอย่างมาก ริมฝีปากนั้นเป็นจุดที่บอบบางอยู่แล้ว แม้ถูกกัดเบาๆ แต่ก็ทำให้เจ็บปวดมากกว่าบริเวณอื่น 

 

 

อวี้อาเหราถูกกัดโดยที่ไม่รู้ตัว เมื่ออยากจะมอง สุดท้ายสายตาก็มองเห็นแต่เพียงแขนเสื้อสีขาวสะอาด เมื่อแขนเสื้อผละออกไป มือเท้าของนางก็ถูกปล่อย นางมองไปอีกรอบ เห็นเพียงเงาร่างของฉู่ป๋ายที่เดินจากไปอย่างไม่มั่นคงนัก ฝีเท้าที่เดินจากไปนั้นเร็วกว่าเดิมมากนัก 

 

 

ที่แท้แล้วรถม้าหยุดตั้งนานแล้วโดยที่นางไม่รู้ตัวเลย 

 

 

นางจ้องมองแผ่นหลังของฉู่ป๋ายที่เดินจากไปอย่างขบขัน ในใจของนางกำลังคิดทบทวน นางที่โดนจูบน่าจะเขินอายมากกว่ามิใช่หรือ แล้วเหตุใดเขาถึงได้เดินเร็วเช่นนั้น? 

 

 

เมื่อได้สติกลับคืนมาแล้ว นางจึงค่อยๆ เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ 

 

 

นางโดนจูบเสียแล้ว! 

 

 

อวี้อาเหรายืนขึ้นอย่างโกรธเคือง ศีรษะจึงชนเข้ากับคานรถ เจ็บเสียจนมองเห็นดาวเลยทีเดียว 

 

 

นางรู้สึกตัวช้าไป ถูกจูบตั้งนานแล้วยังไม่รู้ตัว โดนรังแกเสียขนาดนี้แล้วกลับไม่รู้เลยแม้แต่น้อย 

 

 

ทว่านี่ก็เป็นจูบแรกของนาง จูบแรกที่นางรักษาเอาไว้ทั้งชีวิต! เหตุใดกลับถูกชายหนุ่มขโมยไปอย่างง่ายดายเพียงนี้เล่า! 

 

 

ตอนนี้ในใจของนางก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง ที่น่าโมโหมากที่สุดก็คือ นางถูกแย่งจูบแรกไปตั้งนานแล้วแต่กลับไม่รู้ตัวเสียนี่  

 

 

อวี้อาเหราคิดด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่ถาโถมเข้ามา 

 

 

วันนี้ช่างเป็นวันที่นางซวยเหลือเกิน ต้องรบกับจวินฉางอวิ๋นมาทั้งบ่าย สุดท้ายยังถูกฉู่ป๋ายขโมยจูบแรกไปเสียอีก ราวกับนางถูกเขารังแกเอาเสียอย่างนั้น เขาเดินเร็วมาก จนดูเหมือนนางกำลังวิ่งไล่ตามเขาไม่มีผิด 

 

 

เมื่อก้มหน้าลงคิดอย่างถี่ถ้วน นางก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาลูบริมฝีปาก นางถูกกัดเสียจนเจ็บ ราวกับยังหลงเหลือลมหายใจของเขาอยู่ ลมหายใจที่หอมหวานเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ เป็นกลิ่นหอมที่ไม่เคยได้กลิ่นจากผู้ชายคนไหนมาก่อน กลิ่นนั้นหอมหวนเป็นอย่างยิ่ง ไม่เหมือนกับกลิ่นหอมที่ตั้งใจอบร่ำมา แต่เป็นกลิ่นหอมจากกายโดยธรรมชาติ เป็นกลิ่นหอมสดชื่นแบบที่ไม่เคยได้กลิ่นจากไหนมาก่อนเลย 

 

 

อวี้อาเหรานิ่งคิดมาเป็นนาน ในที่สุดก็ได้สติขึ้น 

 

 

ยกมือขึ้นถูริมฝีปากอย่างแรง เมื่อครู่นี้ยังนึกถึงกลิ่นหอมของเขาเสียอีก ช่างน่าขายหน้านัก 

 

 

ดูเหมือนฉู่ป๋ายจะเป็นชายหนุ่มที่เงียบงันและเอียงอาย แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีท่าทีนักเลงโตขนาดนี้! ทำให้นางลำบากเช่นนี้ เมื่อคิดถึงคำถามที่โดนถามเมื่อครู่นี้ นางก็มีท่าทีเหมือนได้รับรู้ข่าวสารที่สำคัญมาก จนทำให้สมองสว่างวาบ เหตุใดนางถึงไม่เคยคิดมาก่อน 

 

 

“คุณหนู ไม่เป็นอะไรนะเจ้าคะ” ด้านนอกมีเสียงของเจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ดังเข้ามา จึงดึงสตินางกลับคืนมาได้ทันท่วงที