ตอนที่ 533 ข้ารับรอง / ตอนที่ 534 ไม่อุ้มก็ไม่อุ้ม

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 533 ข้ารับรอง 

 

 

 

 

 

อวี้อาเหราเบิกตากว้างขึ้นมอง จึงค่อยเห็นว่ารถม้าหยุดลงที่หน้าประตูจวนเซิ่นซื่อจื่อ หางตาของนางปรายไปทางด้านหลัง จึงเห็นเจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้เดินเข้ามาพร้อมๆ กัน นางชะงัก ที่แท้ฉู่ป๋ายก็ไม่ยอมส่งนางกลับจวนหลิงอ๋อง แต่กลับถูกส่งตัวมาที่จวนเซิ่นอ๋องแทน 

 

 

เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้เห็นนางยืนเหม่อมองประตูจวนเซิ่นอ๋อง ก็ค่อยๆ ก้าวเข้ามาหาอย่างระมัดระวัง “คุณหนู ไม่เป็นอะไรนะเจ้าคะ?” 

 

 

“ข้าไม่เป็นไร” อวี้อาเหาจึงค่อยได้สติขึ้นมา แล้วจึงรีบส่ายหน้าในทันที 

 

 

สาวใช้ทั้งสองผ่อนลมหายใจออกมา แล้วจึงมองเห็นมุมปากของนางที่โดนกัดจนเป็นรอยแผล ชั่วพริบตานั้นก็ไร้ซึ่งคำพูด ทำได้แต่เพียงใบ้กินกันถ้วนหน้า 

 

 

อวี้อาเหราไม่รู้สึกว่าพวกนางทั้งสองคนนั้นผิดปกติไป จากนั้นก็ถามขึ้นมา “เหตุใดพวกเจ้าจึงตามมาได้เล่า” 

 

 

“พวกบ่าวเห็นว่ารถม้าของเซินซื่อจื่อไม่ได้มุ่งหน้าไปยังจวนหลิงอ๋อง จึงไม่อาจวางใจ ดังนั้นจึงได้ตามมาเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์ตอบ 

 

 

“อ้อ ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง” อวี้อาเหราเข้าใจ แล้วก็ลงจากรถม้า เตรียมตัวที่จะเดินจากไป 

 

 

“พี่เหราเอ๋อร์ รอก่อน” ในตอนนั้นเอง ฉู่เกอก็วิ่งออกมาจากจวนเซิ่นอ๋อง เมื่อเห็นอวี้อาเหรากำลังจะเดินทางจากไปก็เข้ามาขวางไว้ “พี่เหราเอ๋อร์จะกลับไปทำไมกัน ตอนนี้ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว อยู่กินข้าวเย็นที่นี่ก่อนแล้วค่อยกลับเถิด ได้ยินมาว่าถูกไทเฮาเรียกตัวเข้าวังตั้งแต่เช้าเพื่อเรียนการดีดพิณ เดินหมาก คัดตัวอักษรและวาดภาพ แน่นอนว่าต้องเหนื่อยมากเป็นแน่” 

 

 

พูดจบนางก็สังเกตเห็นที่มุมปากของอวี้อาเหรา ก็ทำให้พูดไม่ออกไปเลยทีเดียว 

 

 

อวี้อาเหราไม่ได้สังเกตสายตาของนาง ในใจนางกำลังครุ่นคิดอย่างหนักจนเกือบจะลืมไปเสียแล้วว่าฉู่ป๋ายและฉู่เกอถูกฮ่องเต้ลงโทษกักบริเวณอยู่ในจวนเซิ่นอ๋อง แต่เหตุใดวันนี้เขาถึงเข้าไปใกล้ยังตำหนักรู่หวงได้เล่า? 

 

 

ฉู่เกอเห็นว่าสายตาของนางนั้นยิ่งดูครุ่นคิดมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายจึงค่อยเคลื่อนย้ายสายตาออกไปจากมุมปากของนาง 

 

 

“ไม่เป็นไร ข้าจะกลับไปทานที่จวนเอง” อวี้อาเหราไม่อยากอยู่ที่นี่ เมื่อครู่นี้นางโดนฉู่ป๋ายเอาเปรียบ แน่นอนว่าจะมีหน้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ไม่ว่านางจะปฏิเสธอย่างไร ก็ถูกฉู่เกอลากเข้ามาในจวนอยู่ดี 

 

 

“พี่เหราเอ๋อร์อย่าได้เกรงใจไปหน่อยเลย รีบเข้ามากินข้าวเถิด ท่านเรียนมาทั้งวันจำต้องเหนื่อยมากแน่ๆ” 

 

 

“ไม่รู้ว่าใครที่ทำให้ข้าต้องร่ำเรียนอย่างเหนื่อยอ่อนถึงเพียงนี้” อวี้อาเหราเบ้ริมฝีปาก 

 

 

หากไม่ใช่ฉู่เกอที่อยากกินปลาที่อยู่ในพระแท่นวายุจันทรา นางจะถูกลงโทษเช่นนี้หรือ? หากนางไม่ผลักความรับผิดชอบทั้งหมดมาที่นาง จะเกิดเหตุการ์เช่นนี้ขึ้นมาหรืออย่างไร… 

 

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ก็รู้สึกโกรธเคืองขึ้นมา 

 

 

ฉู่เกอแลบลิ้นออกมาอย่างรู้สึกผิด “พี่เหราเอ๋อร์ ยกโทษให้ข้าสักครั้งเถิดนะ ต่อไปไม่กล้าทำเรื่องเช่นนี้กับท่านอีกแล้ว ข้ายังเด็กอยู่ ยังไม่รู้ความ” 

 

 

“ยังมีครั้งหน้าอีกหรือ?” อวี้อาเหราหมดคำจะพูด 

 

 

อายุน้อยไม่รู้ความหรือ? ตามที่นางคิด อย่างไรนางก็ตั้งใจ แม้แต่พี่ชายแท้ๆ ของนางก็ยังใจร้ายทำกับคนอื่นได้ลงคอ 

 

 

ฉู่เกอยังคงหัวเราะแหะๆ “ไม่มีครั้งหน้าแล้วเจ้าค่ะ อย่างไรก็ไม่มีแล้ว ข้ารับรองได้!” 

 

 

“หึ!” อวี้อาเหราแค่นเสียงเย็น หากยังมีครั้งหน้าอีก นางจะแก้แค้นเสียให้พอใจเลยทีเดียว! 

 

 

ระหว่างทางสาวใช้และเหล่าองครักษ์ของจวนเซิ่นอ๋องต่างก็พากันจ้องมองอวี้อาเหราด้วยสายตาแปลกประหลาด ราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาดไม่มีผิด เหมือนไม่เคยพบเห็นกันมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น นางหมดคำจะเอ่ย จึงค่อยๆ ลูบหน้าลูบตาตัวเองอย่างตั้งใจ หรือว่าใบหน้าของนางจะมีอะไรติดอยู่? 

 

 

ไม่อย่างนั้น เหตุใดแต่ละคนถึงได้มองนางเช่นนี้เล่า? 

 

 

ยังดีที่ประตูห้องอาหารนั้นอยู่ไม่ไกล เพียงไม่นานก็เดินมาจนถึง 

 

 

กลิ่นหอมของอาหารลอยโชยเข้ามา ช่างหอมหวนชวนกินนัก อาหารของจวนเซิ่นอ๋องนั้นช่างแตกต่างจากอาหารที่อื่นเหมือนอย่างเคย 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 534 ไม่อุ้มก็ไม่อุ้ม 

 

 

 

 

 

อวี้อาเหราและฉู่เกอเดินเข้ามาในห้องก็เห็นฉู่ป๋ายนั่งอยู่ที่โต๊ะแล้ว ในอกยังอุ้มแมวตัวขาวเอาไว้ ราวกับรู้ว่านางเดินเข้ามาในห้อง เจ้าแมวอ้วนก็ร้องออกมา ทำให้ฉู่ป๋ายต้องเงยหน้าขึ้นมอง 

 

 

ยามที่เห็นอวี้อาเหรายืนอยู่ที่หน้าประตู สายตาก็ฉายแววไม่ทันตั้งตัวขึ้นมาเล็กน้อย 

 

 

หากไม่สังเกตดีๆ แล้วก็คงแทบจะมองไม่เห็นว่ามีความเปลี่ยนแปลงอะไรที่ตรงไหน 

 

 

ฉู่ป๋ายพิจารณาริมฝีปากของนาง จากนั้นก็ชะงักไป “เจ้ามาได้อย่างไรกัน” 

 

 

“ท่านพี่ พูดอะไรน่ะ ข้าลากพี่เหราเอ๋อร์มาเอง” ฉู่เกอรีบพูดขึ้นมา 

 

 

จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะพูดว่าอย่างไรไปชั่วขณะ นางนั้นถูกพาตัวมาที่นี่เอง แต่กลับโดนต้อนรับด้วยคำพูดเช่นนี้ 

 

 

มาได้อย่างไรน่ะหรือ? แน่นอนว่าต้องเดินมาน่ะสิ! 

 

 

เมื่อถูกฉู่เกอดุเข้าให้ ฉู่ป๋ายก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก ทำเพียงก้มหน้าลง มองไปที่อาหารบนโต๊ะ ใช้ตะเกียบคีบปลาตัวน้อยส่งเข้าปากเจ้าแมวอ้วน เมื่อแมวได้กลิ่นปลาแล้วก็รีบม้วนตัวเป็นก้อนกลมเข้าใส่ กินปลาที่ฉู่ป๋ายป้อนให้อย่างเอร็ดอร่อยด้วยท่าทางพึงพอใจ ราวกับกำลังกินอาหารดีๆ อย่างรังนกก็ไม่ปาน 

 

 

เจ้าแมวอ้วนกินปลาจนหมด แม้แต่น้ำมันสักหยดลงเสื้อผ้าสีขาวของเขา 

 

 

จินตนาการได้ไม่ยากนัก หากไม่ระวัง เสื้อผ้าของเขานั้นเมื่อเลอะน้ำแกงหรืออะไรอย่างอื่นเข้า ก็จะใช้ไม่ได้ทั้งชุด เพราะจะกลายเป็นคราบสกปรก 

 

 

เจ้าแมวขนสีขาวตัวนั้นยังดูสะอาดสะอ้านกว่าเสื้อผ้าของเขาเสียอีก ไม่มีคราบหรือรอยฝุ่นแม้แต่น้อย สะอาดเสียจนน่าแปลกใจ 

 

 

ฉู่เกอสัมผัสได้ถึงสายตาของอวี้อาเหราที่เอาแต่มองเจ้าแมวตัวอ้วนอยู่เสมอ จึงจำต้องอธิบายขึ้นมาว่า “แมวตัวนี้ฉู่ฉู่เก็บได้ตอนที่กำลังจะกลับจวน จึงเอามาเลี้ยง มื้อหนึ่งจำต้องกินปลาชามโตถึงเพียงนี้ แต่ก็ยังกินได้จนหมด แต่จะว่าไปก็แปลก แมวตัวนี้เป็นพันธุ์หายาก ไม่ใช่แมวขาวธรรมดา ขนของมันเรียบลื่นอ่อนนุ่ม ไม่มีรอยด่างดวงเลยแม้แต่น้อย มิเช่นนั้นคงจะไม่มีใครอุ้มมันขึ้นมากินข้าวบนนี้หรอก” 

 

 

“อ้อ” อวี้อาเหราเข้าใจ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง 

 

 

แม้จะบอกว่าเป็นแมวที่เพิ่งเก็บมาเลี้ยง แต่เหตุใดจึงได้เชื่อฟังถึงเพียงนี้เล่า เหมือนว่าฉู่ป๋ายเลี้ยงดูมันมานานปี ไม่เหมือนกับแมวที่เพิ่งถูกเก็บมาได้เลยแม้แต่น้อย 

 

 

ฉู่เกอมองแมวตัวนั้น สายตาเต็มไปด้วยความอิจฉา ยื่นมือออกไปแล้วเอ่ยว่า “ฉู่ฉู่ ให้ข้าอุ้มบ้างซี” 

 

 

“ก็ได้” ฉู่ป๋ายรับปาก 

 

 

ฉู่เกอยื่นมือออกไปอุ้มอย่างยินดี แต่เจ้าแมวตัวนั้นกลับเผยให้เห็นกรงเล็บแหลมคม จนทำให้นางไม่กล้าที่จะเข้าไปอุ้ม 

 

 

ฉู่ป๋ายแสดงสีหน้าจนปัญญา “มันไม่อยากให้เจ้าอุ้ม ข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไร” 

 

 

ขณะที่พูด เสียงนั้นก็แสดงให้เห็นถึงความภาคภูมิใจอยู่บ้าง ราวกับกำลังพูดว่าแมวตัวนี้มันชอบข้า แต่ไม่ได้ชอบเจ้าอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

ฉู่เกอโกรธจนกัดฟันแน่น เป็นเพียงแมวตัวเดียวกลับเลือกที่รักมักที่ชัง ช่างร้ายกาจยิ่งนัก 

 

 

“ไม่อุ้มก็ไม่อุ้ม ยังมีตัวที่สวยกว่านี้อีกนะ” อวี้อาเหราเอ่ยปลอบใจ 

 

 

ฉู่เกอหันกลับมา มองเห็นนางที่อยู่ทางด้านหลัง สายตาก็พลันเป็นประกาย “พี่เหราเอ๋อร์ ท่านลองดูสิ มันอาจจะยอมให้ท่านอุ้มก็ได้นะ ข้าไม่เชื่อหรอกว่ามันจะไม่ยอมให้ใครอุ้มเลยนอกจากฉู่ฉู่น่ะ” 

 

 

อวี้อาเหรามองไปทางแมวที่อยู่ในอ้อมอกของฉู่ป๋าย เมื่อได้ยินคำของฉู่เกอ นางก็นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา นางไม่กล้าที่จะเข้าไปอุ้มส่งเดช ก่อนหน้านี้นางก็เห็นมากับตาว่าเจ้าแมวข่วนหน้าจวินฉางอวิ๋นเสียเป็นริ้วเป็นรอยยับเยิน เมื่อคิดๆ ดูแล้วเขาคงจะเจ็บแสบที่ใบหน้ามากทีเดียว นางยกมือขึ้นลูบใบหน้า หากนางเข้าไปอุ้มจริงๆ ใบหน้าของนางคงเป็นลายพร้อย นางไม่กล้าถึงเพียงนั้นหรอก