บทที่ 510 พิธีสถาปนา
ณ พระราชวังราเตเชียในอัลโต้ เมืองซาล์ม

เมื่อได้ข่าวจากฟีลิเบล พระคาร์ดินัลหลวงองค์ใหม่แห่งสังฆมณฑลไวโอเล็ต นาตาชาก็เอ่ยออกมาด้วยความเศร้าอย่างเห็นได้ชัด “ข้าไม่คิดเลยว่าท่านตาและท่านลุงของข้าจะกลับคืนสู่พระผู้เป็นเจ้าเร็วเช่นนี้”

ถึงแม้นางจะรู้ว่าราชาเฟลติสนั้นสุขภาพไม่ค่อยดีเนื่องจากอายุมากและเจ้าชายแพทริคก็อ่อนแอ เมื่อได้รับข่าวร้าย นาตาชาก็ไม่ระงับความเศร้าที่ท่วมท้นใจ เมื่อนางโตขึ้น ญาติที่ห่วงใยนางโดยแท้จริงมีน้อยลงๆ นับเป็นเรื่องสะเทือนใจที่สุดในชีวิต

“แพทริคไม่ได้สืบทอดราชบัลลังก์…” แกรนด์ดยุกแห่งออร์วาริตถอนหายใจ เขารู้จักตระกูลฮอฟเฟนเบิร์กดีกว่านาตาชาเสียอีก แต่เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ เขามองนาตาชา “เจ้ายินดีไปนครเรนทาโตเพื่อสืบทอดบัลลังก์แห่งอาณาจักรโฮล์มไหม?”

นาตาชาคิดถึงอาณาจักรโฮล์มกับลูเซียน นางมองบิดาที่อ่อนล้าซึ่งผมสีม่วงของเขาบัดนี้มีผมขาวแซมอยู่ทั่ว นางส่ายหน้าจริงจัง “โฮล์มมีผู้สืบทอดมากมาย แต่ท่านมีข้าคนเดียว”

แกรนด์ดยุกแห่งออร์วาริตตบบ่านาตาชาเบาๆ แล้วยิ้มให้บุตรสาว “แล้วถ้าข้าอยากให้เจ้าไปล่ะ?”

หืม? นาตานิ่งอึ้ง

ฟีลิเบล ผู้ซึ่งไว้หนวด ส่งเสียงก้อง “พอไปที่นั่นแล้ว ยังไงท่านก็กลับมาได้ ในขณะที่ศาสนจักรห้ามอาณาจักรโฮล์มรวมกับราชรัฐไวโอเล็ต เจ้าก็สามารถปกครองทั้งสองที่ได้และขอให้ทายาทแต่ละคนมาสืบทอด ดังนั้น ท่านก็จะสามารถอยู่ที่โฮล์มได้สักหนึ่งปีแล้วก็ที่ไวโอเล็ตอีกหนึ่งปี วงแหวนเวทกระจายเสียงจะเปิดให้ท่าน นี่เป็นรางวัลจากศาสนจักรที่ตระกูลของท่านอุทิศตนมาหลายปี”

การทำเช่นนั้น จะเป็นเรื่องง่ายในการควบคุมนาตาชาและขุนนางที่ขึ้นตรงเพื่อการ ‘ปกครองตนเอง’ ความขัดแย้งระหว่างอำนาจของผู้ครองบัลลังก์กับขุนนางทั่วไปก็จะขยายใหญ่ขึ้น

“ข้าเองก็ยังแข็งแรงดี แล้วยังเป็นแกรนด์ดยุกไปได้อีกอย่างน้อยยี่สิบปี” แกรนด์ดยุกแห่งออร์วาริตพูดเชิงหยอกเย้า “แม่ของเจ้าจากบ้านเกิดมาแต่งงานตั้งไกล นางรู้สึกผิดที่เห็นพ่อของนางแก่ชราและพี่ชายก็เจ็บป่วยเพราะโรคร้าย นางรู้สึกว่าติดหนี้ตระกูลฮอฟเฟนเบิร์กอยู่มาก ดังนั้น ข้าจึงหวังว่าเจ้าจะเดินทางไปโฮล์มเมื่อทางนั้นต้องการตัวเจ้ามากที่สุดเพื่อชดเชยสิ่งที่แม่เจ้ารู้สึกเสียใจ”

นาตาชานิ่งเงียบ มือกำหมัดแน่น แล้วนางก็พยักหน้าช้า “ตกลงเพคะ”

ฟีลิเบลพูดกึ่งจริงจังกึ่งล้อเล่น “ฝ่าบาท ศาสนจักรรู้ดีว่าสิ่งที่ท่านชอบนั้นแตกต่างจากสตรีทั่วไป ดังนั้น เราจึงไม่เรียกร้องให้ท่านต้องสมรส อย่างไรก็ตาม ท่านจำเป็นต้องมีทายาท ซึ่งข้าเชื่อว่าเป็นความหวังของท่านแกรนด์ดยุกและขุนนางของทั้งสองประเทศนี้เช่นกัน นั่นเป็นความรุ่งโรจน์ของผู้ที่มีศรัทธาแรงกล้าเท่านั้น”

ซาร์ดตำหนิว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอัลโต้เป็นฝีมือของลูเซียน โดยอ้างว่าลูเซียนควบคุมเจ้าหญิงนาตาชาเมื่อนางต้องการปลอบประโลมแกรนด์ดยุก ศาสนจักรจึงรู้ว่ารสนิยมทางเพศของนาตาชาไม่เปลี่ยน แกรนด์ดยุกเองก็รู้เรื่องนี้ในภายหลังด้วย

นาตาชาหลุบตาลงแล้วเอ่ยว่า “ข้าจะพยายาม”

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นางคิดอยู่ตอนนี้เป็นเรื่องอื่น “ความคิดเรื่องไร้เพศที่ลูเซียนพูดถึงนั่นจริงไหม? ข้ายืม… ของ… เขาได้ไหม?”

ตั้งแต่ลูเซียนตัดสินใจ เขาก็มีแผนมากมาย ในกรณีที่นาตาชาไม่สามารถรับมือกับความกดดันและแต่งงานกับขุนนางสักคนเพื่อให้มีลูกก่อนที่ลูเซียนจะชนะใจนาง เขาพูดเรื่องความรู้ให้นางฟังเสมอๆ รวมถึง

เมื่อนาตาชายืนยันเช่นนั้นแล้ว ฟีลิเบลก็เอ่ยว่า “ข้าจะไม่รบกวนท่านร่ำลาบิดาแล้ว เพื่อความสะดวกปลอดภัยของท่าน ให้กองกำลังย่อยของอัศวินไปกับท่านด้วยจะดีที่สุด ครอบครัวของพวกเขาอาจจะใช้วงเวทกระจายเสียงด้วย”

กองทัพอัศวินปกติ จากหน้าที่ที่แตกต่างกัน จะประกอบไปด้วยอัศวินระดับต่างๆ จำนวนหนึ่งร้อยถึงห้าร้อยคน อัศวินฝึกหัดของพวกเขามีมากกว่านั้นสิบเท่า ส่วนทหารมีมากกว่านั้นเสียอีก กองกำลังย่อยของอัศวินคือผู้คุ้มกันผู้สืบบัลลังก์ มักประกอบด้วยอัศวินอาภาหนึ่งคน อัศวินหลวงสามคน อัศวินหกคน อัศวินฝึกหัดหนึ่งร้อยคน และทหารอีกห้าร้อยคน อย่างไรก็ตาม คำพูดของฟีลิเบลเห็นได้ชัดว่าหมายถึงอัศวินทางการและครอบครัวของพวกเขาเท่านั้น

แล้วเขาก็ไป แกรนด์ดยุกพูดกับนาตาด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเพิ่งพูดไปว่าข้าจะเป็นแกรนด์ดยุกไปอีกยี่สิบปี แต่เจ้าอย่าให้ข้ารอนานเลย ข้าอยากเห็นหลานและอนาคตของตระกูลไวโอเล็ตเร็วๆ นี้”

“ข้าจะพยายามเพคะ” นาตาชาอธิษฐานขอให้ ‘เทคโนโลยี’ ของลูเซียนไม่มีอะไรผิดพลาด

แกรนด์ดยุกมองนาตาชาแล้วพูดว่า “ข้าอยากให้เจ้าไปโฮล์ม ไม่ใช่แค่เพราะอยากให้เจ้าชดเชยสิ่งที่แม่เจ้ารู้สึกเสียใจเท่านั้น แต่เพราะเขาอยู่ที่นั่น เจ้าสองคนจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว ดังนั้น เจ้าต้องรีบดำเนินการเรื่องหลานข้า”

“ท่านพ่อ ท่านพูดเรื่องอะไรน่ะ? เขาคือใคร?” นาตาชาขวยเขิน นางทำเป็นไม่สนใจ ความเข้าใจผิดของบิดานางมาจากไหนกันนะ?

แกรนด์ดยุกยิ้ม “จะใครเล่า ก็ลูเซียน อีวานส์ ยังไงล่ะ ตอนที่พวกเจ้าแกล้งเป็นคู่รักกันเมื่อปีก่อน ตอนนี้สัญชาตญาณของข้าบอกว่ามันไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว ข้าดีใจจริงๆ”

ท่านพ่อ ท่านคิดมากไปแล้วนะ… นาตาชาคิด อย่างไรก็ตาม นางไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของบิดา นางจึงไม่อธิบายเพราะกำลังจะออกเดินทาง ในขณะเดียวกัน นางก็ตัดสินใจว่าจะตั้งครรภ์กับลูเซียน

“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้อะไรเลย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเจ้าคุยกับใครทุกวันมากกว่าหนึ่งปีล่ะ?” แกรนด์ดยุกแห่งโอวาริตจู่ๆ ก็รู้สึกว่าบุตรสาวของเขาไม่ได้ไม่สนใจอย่างที่นางอ้าง

นาตาชากลั้นขำ “นั่นเพราะว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันต่างหากล่ะเพคะ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังท่าน ไม่เช่นนั้นท่านจะไม่รู้อะไรเลยนะ”

“เอาละ ไปเลือกอัศวินซะ คามิลจะไปโฮล์มกับเจ้าด้วย” แกรนด์ดยุกแห่งโอวาริตตัดสินใจขอให้คามิลไปเพื่อมีโอกาสที่จะ ‘ย้ำเตือน’ นาตาชา

นาตาชาพยักหน้า “ตกลงเพคะ ข้าจะคุยกับท่านสม่ำเสมอหลังจากถึงโฮล์มแล้ว”

นางเริ่มวางแผน “ข้าจะพาครอบครัวของจอห์นไปด้วย ให้ลูเซียนประหลาดใจ…”

วงแหวนเวทกระจายเสียงเปิดออกในคริสตจักรแห่งอาภาและเปล่งแสง

มันเป็นหนึ่งในวงเวทที่ใหญ่ที่สุดที่ช่วยเสริมกองกำลังเมื่อสภาเวทมนตร์โจมตี อัศวินห้าสิบคนสามารถถูกส่งมาได้ในครั้งเดียว แม้ว่าจะเป็นสมบัติของศาสนจักรฝ่ายใต้ แต่วงเวทดังกล่าวก็ถูกนำไปใช้ที่แลนซ์ แอนทิฟเฟลอร์ อัลโต้ เรนทาโต และเฮมเท่านั้น

ในแสงสีขาว นาตาชา คามิล อัศวินเก้าคนและครอบครัว รวมทั้งสิ้นประมาณสี่สิบคน ปรากฏตัวในวงแหวนเวทกระจายเสียง คนธรรมดาอย่างโจเอลเกิดอาการเวียนหัวและคลื่นไส้

มีเพียงจอห์น หนึ่งในเก้าอัศวิน เขาเป็นอัศวินหลวงระดับสามพาคนในครอบครัวมาทั้งหมด อัศวินคนอื่นๆ คิดว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นเพราะอีกหนึ่งปีพวกเขาก็กลับไปอัลโต้แล้ว พวกเขาจึงพาแค่ลูกกับภรรยาไปเท่านั้น

“จอห์น เจ้าไปไหนต่อไหนโดยไม่พาพ่อแม่ไปด้วยไม่ได้หรือ? เจ้ายังไม่โตหรือไง?” เฟนจ์ อัศวินหลวงอีกคนกระเซ้าเขา เขาเป็นเพื่อนของจอห์นและรู้ว่าจอห์นจะไม่โกรธเพราะคำพูดล้อเล่นเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้

หลังหายจากอาการเวียนศีรษะ จอห์นก็รีบไปดูแลโจเอล เอลซ่า และเอลวิน เขายิ้มตอบว่า “โอกาสไปต่างอาณาจักรนี่หายากนะ เราก็ควรจะพาพ่อแม่พี่น้องไปดูภาพแปลกตาด้วยไม่ใช่หรือ? อีกอย่าง เจ้าหญิงเองก็ทรงประกาศว่าให้พาสมาชิกครอบครัวทั้งหมดไปด้วยนี่”

“ไม่นะ เจ้าได้ยินอย่างนั้นหรือ?” เฟนจ์หันไปมองนาตาชาด้วยความสงสัย

ตอนนี้เอง หญิงรับใช้จากพระราชวังเนคโซก็เข้ามา พวกนางทำความสะอาดผม คิ้ว และส่วนอื่นๆ ของใบหน้านาตาชาแล้วสวมผ้าคลุมที่มีตราสัญลักษณ์ของตระกูลฮอฟเฟนเบิร์กทับชุดเกราะสีงาช้างของนาง มันเป็นเครื่องหมายสีขาว มีเมฆบัง มีมงกุฎศักดิ์สิทธิ์ตรงกลางซึ่งอยู่ข้างๆ คทาสีทอง มีดาบยาวสีน้ำเงินอยู่ทั้งสองข้าง

“ฝ่าบาท ขอพระองค์เสด็จไปยังพระราชวังเนคโซพร้อมเหล่าอัศวิน และกลับมายังคริสตจักรแห่งอาภาตามเส้นทางที่กำหนดไว้ซึ่งท่านจะได้รับการสวมมงกุฎ” เร็กซ์ ประธานรัฐสภาแห่งขุนนางโค้งคำนับด้วยความเคารพ

นาตาชาเอ่ยเสียงเรียบ “โปรดนำทางด้วย ท่านดยุกแห่งเฟรนเบิร์ก”

จอห์นและอัศวินคนอื่นๆ รีบรวบรวมคนในครอบครัวและออกจากคริสตจักรแห่งอาภาไปกับนาตาชา มาถึงพระราชวังเนคโซ

ตอนนั้นเป็นเวลากลางดึกหลังจากเกิดพายุ ชื้นแฉะและมืดมิด

“ไปได้!” เร็กซ์ซึ่งเป็นผู้นำทาง โบกมือ

อัศวินคนหนึ่งยกแตรเขาสัตว์ขึ้นมาเป่าเต็มแรง

ฮู่!

ด้วยเสียงแตร อัศวินสี่คนรวมทั้งจอห์นควบมาเร่งออกไป ตามด้วยนาตาชาซึ่งขี่มาอย่างสง่าผ่าเผย

โคมไฟคริสตัลเวทมนตร์ในคฤหาสน์สว่างขึ้น โอบกอดผู้ครองบัลลังก์คนใหม่เหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้า

“นี่มัน…” เหล่าอัศวินไม่เคยเห็นความงดงามเช่นนี้มาก่อน พวกเขาถึงกับอึ้ง

บ้านเรือนต่างๆ ริมถนนต่างจุดเทียน ผู้คนนับไม่ถ้วนแอบมองเจ้าคนใหม่ของพวกเขาผ่านทางหน้าต่างและช่องประตู

นาตาชารู้สึกประหม่าทันที เนื่องจากการสถาปนาจะต้องใช้จุดแสงศักดิ์สิทธิ์ ศรัทธาของนางจะผ่านการทดสอบหรือไม่

จู่ๆ นางก็รู้สึกอะไรบางอย่าง นางหันหน้าไป แล้วเห็นชายผมดำคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังหน้าต่าง ใบหน้าและแว่นตาข้างเดียวนั้นดูคุ้นตามาก

นางอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นลูเซียน จะมีอะไรให้ต้องกลัวหากนางรอดจากการล่ายอดฝีมือในตำนาน

นางไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ความจงรักภักดี หรือความกล้าหาญในหัวใจเลยหรือ?

นาตาชาจึงโน้มตัวไปข้างหน้า ศีรษะเชิดตรง ทำให้บรรดาขุนนางและพลเมืองประทับใจยิ่งนัก

ในขณะที่พวกเขาผ่านไปตามถนน มันเป็นเวลารุ่งสางเมื่อนาตาชาและเหล่าอัศวินไปถึงคริสตจักรแห่งอาภา นางอาบแสงแรกแห่งยามเช้า

นาตาชาลงจากหลังม้าแล้วเดินเข้าไปในคริสตจักร นางค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องโถง ไปหยุดตรงหน้าพระคาร์ดินัลหลวงซาร์ด คุกเข่าลงตรงหน้าไม้กางเขนนักบุญ

หลังจากถามตอบ นางวางมือซ้ายบนพระคัมภีร์และยกมือขวา ชูสามนิ้วขึ้น “ข้า นาตาชา ไวโอเล็ต สาบานต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า

“ข้ามีศรัทธายิ่งต่อนักบุญสัจธรรม ข้าจะปฏิบัติตามพระคัมภีร์และกฎหมายของอาณาจักรโฮล์มและปกป้องทั้งสองสิ่งด้วยชีวิต ข้าพร้อมจะสู้เพื่อความรุ่งโรจน์ของพระผู้เป็นเจ้าและผลประโยชน์ของอาณาจักรโฮล์มจนกว่าชีวิตจะหาไม่!”

ซาร์ดทดสอบศรัทธาของนาตาชาด้วยพระคัมภีร์ที่อยู่ตรงหน้านาง

ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ นาตาชาถูกไต่ถามโดยแสงศักดิ์ว่านางเคยผิดคำสาบานหรือไม่ เมื่อนางตอบปฏิเสธ แสงศักดิ์ก็สว่างเรืองรองราวกับว่าเทวทูตมาถึงแล้ว

ซาร์ดเอ่ยอย่างนุ่มนวล “เจ้าเป็นผู้มีศรัทธาแรงกล้าและแน่วแน่ เจ้าเป็นอัศวินกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว เจ้ามีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะครองบัลลังก์แห่งอาณาจักรโฮล์ม”

เขาพูดพลางยกมงกุฎทองซึ่งวางอยู่บนหมอนรองกำมะหยี่สีแดงและสวมบนศีรษะของนาตาชา

“ข้าขอประกาศว่าภายใต้พระกรุณาของพระผู้เป็นเจ้า นาตาชา ไวโอเล็ต จะเป็นราชินีแห่งอาณาจักรโฮล์มประเทศต่างๆ ของอาณาจักร ผู้ปกป้องศรัทธา เคาน์เตสไวโอเล็ต เจ้าแห่งเกาะบิลบิส เจ้าแห่งโซโลโฮและบัลติมอร์ ดัชเชสแห่งเอ็มเด็น เจ้าแห่งกองอัศวินดาบแห่งสัจธรรมที่รุ่งโรจน์ที่สุด เจ้าแห่งกองอัศวินคำพิพากษาที่สง่างามที่สุด และเจ้าแห่งกองอัศวินกางเขนนักบุญที่เก่าแก่และมีเกียรติที่สุด”

นาตาชาเงยศีรษะซึ่งสวมมงกุฎและหยิบ ‘ดาบแห่งสัจธรรม’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ดาบส่องประกายแวววาวอย่างศักดิ์สิทธิ์ แล้วเปล่งแสงสุกใส

ดยุกเร็กซ์ ดยุกโซโลมอน ดยุกเจมส์ ดยุกรัสเซล และขุนนางคนอื่นๆ คุกเข่าลงข้างหนึ่ง “ขอคำนับ องค์ราชินี!”