ตอนที่ 541 ไม่มีประโยชน์ / ตอนที่ 542 ดีใจจนร้องไห้

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 541 ไม่มีประโยชน์

 

 

สวีรั่วชีมองไปยังสวีอิ๋งอิ๋งที่นั่งอยู่บนโซฟาแวบหนึ่ง แต่กลัวตัวเองจะตาบอดจึงรีบเบนสายตากลับ

 

 

ตอนที่พ่อกับแม่เธอบอกว่าจะให้สวีอิ๋งอิ๋งมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวเธอแทบไม่อยากแต่งงาน กว่าจะจัดการให้ซย่าเสี่ยวมั่วมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆ แต่กลับเป็นเพื่อนตัวเองเองที่ไม่ให้ความร่วมมือสุดท้ายก็ต้องเลือกสวีอิ๋งอิ๋งมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวอยู่ดี

 

 

ที่จริงการให้สวีอิ๋งอิ๋งมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน เช่นหล่อนยิ่งทำให้สวีรั่วชีดูสวยสง่าโดดเด่นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ดังนั้นสวีรั่วชีเลยปล่อยเลยตามเลย

 

 

อันหรานยืนขวางประตูแน่น เตรียมเล่นลูกเล่น แต่พอได้ยินเสียงซย่าเสี่ยวมั่วดังมาจากขบวนเจ้าบ่าวก็เริ่มกลายร่าง

 

 

“ซย่าเสี่ยวมั่ว!” อันหรานที่ยืนขวางประตูตะโกนอย่างโมโห

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วถูกอันหรานทำให้ตกใจจนเซถอยหลังไปหนึ่งก้าว เหยียนเค่อกระแอมกระไอเป็นการเตือน จากนั้นเอ่ย “ต้องทำอย่างไรพวกเธอถึงจะยอมเปิดประตู”

 

 

อันหรานได้ยินเสียงบอสตัวเองก็รีบเปลี่ยนท่าที หันไปสบตาสายตากับสวีรั่วชีที่พอได้ยินเสียงซย่าเสี่ยวมั่วก็รีบเดินออกมาทันที อันหรานเอ่ยกระซิบ

 

 

“ฉันกลัวบอสฉัน”

 

 

สวีรั่วชีก็ไม่ได้คาดหวังว่าผู้หญิงที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาลุกขึ้นมาช่วยเธอถามคำถาม เธอจึงเปิดประเด็นเองอย่างห้าวหาญ

 

 

“เหยียนเค่ออยู่ข้างนอกด้วยใช่ไหม” คำถามที่สวีรั่วชีเตรียมมามีพร้อมสรรพมากมาย โดยแทบทั้งหมดก็เป็นคำถามเกี่ยวกับทุกคนที่เคยฉลองปีใหม่กับเธอ

 

 

“อืม” ในใจเหยียนเค่อเริ่มมีลางสังหรณ์ มองไปที่แผ่นหลังของซย่าเสี่ยวมั่วที่ยืนเกาะประตูแน่น แล้วตอบรับไปคำหนึ่ง

 

 

สวีรั่วชีเห็นแก่ที่ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มเคยช่วยเธอไว้จึงยังไม่เอ่ยถามไปตรงๆ แต่เอ่ยถามเรื่องอื่นออกไปก่อน

 

 

“เพื่อนรักนายกำลังจะแต่งงาน นายรู้หรือเปล่าว่าการที่นายยังโสดอยู่แบบนี้มันสร้างความลำบากให้แก่ภรรยาเพื่อนนาย”

 

 

“รู้” หมดคำพูดจริงๆ เหยียนเค่อไม่เข้าใจกับคำถามแปลกๆของหล่อน

 

 

“อย่างนั้นนายกะจะแต่งงานเมื่อไหร่”

 

 

“เดือนกรกฎาคมปีหน้า” เหยียนเค่อเอ่ยตอบอย่างรวดเร็ว ซย่าเสี่ยวมั่วที่เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกยืนตะลึงงันอยู่ตรงนั้น

 

 

สวีรั่วชีก็ไม่ได้คาดคิดว่าขนาดวันแต่งงานก็กำหนดไว้แล้ว หรือว่าสวีอิ๋งอิ๋งรุกหนักแล้ว ตระกูลสวีกับเหยียนตกลงกันเรียบร้อยแล้ว?

 

 

สวีอันหรานก็แปลกใจ หันไปสะกิดเพื่อน “จริงเหรอ”

 

 

“ถ้าฉันตอบไปว่าจะอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิตหล่อนจะปล่อยฉันไปหรือไง” เหยียนเค่อมองไปทางสวีอันหราน อย่างเหนื่อยใจ

 

 

ความจริงสวีรั่วชียังมีคำถามที่เตรียมมาถามต่ออีก เช่น “เหตุผลที่นายจะอยู่เป็นโสดตลอดชีวิตคืออะไร” แต่เมื่อชายหนุ่มตอบมาชัดเจนขนาดนี้แล้ว เธอก็คงจะถามต่อไม่ได้ จึงได้แต่เปลี่ยนคน

 

 

นอกจากถามคำถามเหยียนเค่อแล้ว คำถามที่เหลือก็พุ่งไปที่สวีอันหรานคนเดียว สุดท้ายเป็นการให้สวีอันหรานเลียนเสียงหมา สีหน้าของสวีอันหรานก็แสดงออกชัดเจนจนไม่ต้องหาคำไหนมาบรรยาย

 

 

“เสี่ยวชี มีอะไรเดี๋ยวเราค่อยไปคุยกันส่วนตัวดีกว่านะ” สวีอันหรานเอ่ยอย่างจริงจัง

 

 

พวกที่เหลือก็เสริมตาม “อยากจะร้องเสียงอะไรเก็บไว้ร้องบนเตียงดีกว่า”

 

 

สวีรั่วชียังคงนิ่ง เธอยังไม่เคยลืมว่าตอนที่เธอเพิ่งเข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลสวีผู้ชายคนนี้เคยรังแกเธออยู่เป็นอาทิตย์

 

 

อันหรานแอบยิ้มอยู่ด้านหลัง ไม่แสดงความเห็นอะไร

 

 

สุดท้ายสวีอันหรานจึงเลือกใช้ไม้ตาย เอ่ยขู่ “ถ้าพวกเธอไม่เปิดประตูตอนนี้ ฉันจะส่งซย่าเสี่ยวมั่วกลับเดี๋ยวนี้เลย”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วขมวดคิ้ว เธอไม่รู้ว่าเล่นแบบนี้ก็ได้ด้วย แต่เธอก็ตบไปที่บ่าของสวีอันหรานอย่างเห็นใจที่เลือกจะเอาเธอมาเป็นเหยื่อล่อ “นายคาดการณ์ผิดแล้วล่ะ ฉันไม่ได้สำคัญกับสวีรั่วชีขนาดนั้น”

 

 

อาการเงียบของคนในห้องทำให้สวีอันหรานเริ่มรู้สึกว่าเขาใช้ผิดวิธี

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเอ่ยอย่างรู้ตัวดี “หล่อนน่าจะคิดว่าโยนฉันลงทะเลไปก็พอแล้ว จะเปลืองค่าน้ำมันส่งฉันขึ้นเครื่องบินกลับทำไม”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 542 ดีใจจนร้องไห้

 

 

สวีอันหรานก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน ในช่วงที่สถานการณ์กำลังตึงเครียดประตูก็เปิดออก สวีรั่วชีนั่งอย่างสง่าอยู่บนเตียงคิงไซส์สีแดงสด มองตรงไปยังสวีอันหรานและซย่าเสี่ยวมั่วที่ยังยืนอยู่หน้าประตู

 

 

“ฉันสำคัญขนาดนี้เลยเหรอ” ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกภูมิใจนิดๆ

 

 

สวีรัวชียืนขึ้น ชายกระโปรงยาวเหยียดกองอยู่บนพื้น ผมยาวของหล่อนรวบเก็บขึ้น เผยให้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีขาวสะอาดที่บดบังใบหน้าอันแสนสวยของหล่อนอยู่

 

 

สวีอันหรานเดินไปกอดผู้หญิงที่ตนรักแน่น ใบหน้ายิ้มกว้าง

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยังรับรู้ได้ถึงความสุขของสวีอันหราน ในใจเกิดความซาบซึ้ง น้ำตาไหลลงมาท่ามกลางเสียงโห่ยินดีและเสียงปรบมือ

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินที่ไม่รู้มาตั้งแต่ตอนไหน เห็นน้องสาวดีใจจนร้องไห้ออกมา จึงเอื้อมมือไปโอบไหล่หล่อนพร้อมเอ่ยปลอบ

 

 

“ร้องไห้ทำไม ไม่เห็นมีอะไรน่าร้องเลย”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเบะปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ น้ำตาจึงไหลออกมาเป็นทำนบ หล่อนสะอื้นพลางเอ่ย

 

 

“เสี่ยวชีจะไม่ใช่ของฉันอีกต่อไปแล้ว”

 

 

“สวีอันหรานอยู่กับหล่อนมาไม่ใช่แค่ปีสองปีนะ ทำไมเธอถึงเพิ่งรู้สึกล่ะ” ความจริงเสิ่นจิ้งเฉินอยากจะเอ่ยปลอบน้องแต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดเย้าแหย่

 

 

“ก็จริง” ซย่าเสี่ยวมั่วยังคงขยี้จมูก แม้จะได้ยินพี่ชายพูดบอกเหตุผล แต่เธอก็ยังอยากจะร้องอยู่ดี

 

 

ขนาดหล่อนร้องไห้ก็ยังไม่ต้องการเขา เหยียนเค่อถือผ้าเช็ดหน้าอยู่ในมือแต่ก็ยัดเก็บใส่กระเป๋าเสื้อตามเดิม แล้วหันไปมองทางเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่แสดงความรักกันอยู่

 

 

“ไม่ต้องร้องแล้ว” เสิ่นจิ้งเฉินดึงน้องสาวมากอด ลูบหลังปลอบเบาๆ

 

 

เพื่อนเจ้าบ่าวมองเสิ่นจิ้งเฉินที่ดูทะนุถนอมซย่าเสี่ยวมั่วอย่างดีก็เอ่ย “ตอนเดินเข้ามานึกว่าเป็นผู้หญิงของเหยียนเค่อ ที่แท้ของนายเองสินะ”

 

 

“อย่ามาพูดไร้สาระ ผู้หญิงของเหยียนเค่ออยู่ตรงนู้นต่างหาก” เสิ่นจิ้งเฉินเพยิดหน้าไปยังสวีอิ๋งอิ๋งที่ยืนเป็นท่อนไม้อยู่ไม่ไกล

 

 

“ก็จริง วันนี้สมองฉันไม่ค่อยทำงาน” ว่าแล้วชายหนุ่มก็เปลี่ยนเรื่องคุย

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินคำพูดของชายหนุ่มก็อยากจะเงยหน้าขึ้น แต่ก็ถูกเสิ่นจิ้งเฉินกดไว้ดังเดิม “ไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้เครื่องสำอางค์เธอเลอะจนดูไม่ได้แล้ว”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วถอยหน้าออกมาห่างจากเสื้อสูทของพี่ชายตนเองนิดหนึ่ง แล้วเอ่ยเสียงเบา ”แต่ว่าตอนนี้เสื้อพี่เปื้อนมาสคาร่าของฉันหมดแล้ว”

 

 

“หา?” เสียงของเสิ่นจิ้งเฉินฟังดูประหลาด

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกลืนน้ำลายลงคออย่างกลัวๆ ถ้าตอนนี้เธอถูกเสิ่นจิ้งเฉินผลักออกมันต้องแย่มากแน่ๆ แต่ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย โบที่ผูกเป็นชั้นๆของชายหนุ่มมันทิ่มไปที่ขนตาเธอ เธอคันทนไม่ไหวเลยต้องดึงมันออกไป

 

 

“ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ”

 

 

เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว บ่นไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เสิ่นจิ้งเฉินประคองสำรวจหน้าน้องสาว นอกจาตาเลอะแล้วตรงอื่นยังปกติอยู่ “เอาผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดเอาเองนะ”

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินล้วงหาในกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็พบว่าตนไม่ได้พกผ้าเช็ดหน้ามาด้วย

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นพี่ชายหยุดหา จึงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “มีอะไรเหรอ”

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินสูดหายใจลึก หันไปตะโกนเรียกเหยียนเค่ออย่างอารมณ์ดี “พี่รอง”

 

 

เหยียนเค่อเห็นว่าเพื่อนเรียกหาตน ก็เดินเข้าไปใกล้อีกนิด แล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าให้โดยไม่ได้รอให้เพื่อนเอ่ยพูด

 

 

“พวกเราสื่อจิตกันได้ด้วยเหรอ” เสิ่นจิ้งเฉินมองเหยียนเค่ออย่างงงๆ ยื่นมือไปเช็ดหน้าให้ซย่าเสี่ยวมั่ว

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วที่โดนเช็ดให้อย่างไม่เบามือก็รับไปเองอย่างโมโห จากนั้นก็เริ่มเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเอง

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินก้มลงมองรอยดำๆที่อยู่บนเสื้อของตัวเอง ยังรู้สึกว่ามีน้ำซึมอยู่เลย แต่ว่ามันน่าเกลียดมาก

 

 

“พี่รอง” เสิ่นจิ้งเฉินอยากหันไปร้องไห้กับเหยียนเค่อ “นายดูเสื้อฉันสิ”

 

 

เหยียนเค่อมองตามแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นสองคำ “สมควร”