ตอนที่ 703 มีภรรยาเช่นนี้ยังต้องการสิ่งใดอีก
อันหลิงเกอรับรู้ถึงแววตารักใคร่ของฟางหลิงซู่ก็รู้สึกประดักประเดิดขึ้นมา เขามองนางอยู่อย่างนั้นจนตกอยู่ในภวังค์และทำให้ใบหน้าของอันหลิงเกอแดงเรื่อ
ใช่ว่านางมิรู้ความในใจของฟางหลิงซู่ เพียงแต่เขามิเคยใช้สายตาที่มองออกง่ายเช่นนี้กับนางมาก่อน เวลานี้อันหลิงเกอจึงรู้สึกเก้อเขินยิ่งนัก
ส่วนฟางหลิงซู่ได้สติอีกครั้งจึงเห็นอันหลิงเกอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมีใบหน้าแดงเรื่อ เขายิ้มออกมาโดยมิรู้ตัว ที่แท้นางก็มีมุมที่เขินอายและหน้าแดงเพราะเขาเหมือนกัน ท่าทางของนางในยามนี้ช่างงดงามยิ่งนัก
“เอ่อ ทานอีกหน่อยเถิด” ฟางหลิงซู่กระแอมขึ้นมาเบา ๆ จากนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแล้วคีบอาหารมากมายไปวางบนจานพลางนั่งมองนางทานอย่างมีความสุข
อันหลิงเกอเดิมทีก็ใกล้จะอิ่มแล้ว ทว่าเพราะแววตาที่ไม่ปิดบังความรู้สึกของฟางหลิงซู่จึงทำให้นางเขินอายเป็นอย่างมาก
ในเมื่อฟางหลิงซู่พูดเบี่ยงประเด็นเช่นนี้ อันหลิงเกอจึงได้แต่ปล่อยตามน้ำและฝืนทานตามที่เขาบอกอีกเล็กน้อยก่อนจะวางตะเกียบ
ต้องบอกว่าเมื่อมาอยู่ที่หอพิษกู่แล้วอาหารที่เตรียมให้นางดีกว่าจวนอ๋องมู่มากนัก
ฟางหลิงซู่เมื่อมองอันหลิงเกอแล้วภายในใจก็เกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาอีก
เพราะตอนนี้เรื่องที่นางประสบทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเขา มิรู้ว่าหากอันหลิงเกอทราบความจริงแล้วจะอภัยให้เขาหรือไม่ ?
อันหลิงเกอเห็นฟางหลิงซู่ใจลอยจึงมิกล้ารบกวน เมื่อทานเสร็จจึงนั่งอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ แม้อยากกลับไปหามู่จวินฮาน แต่ก็รู้ดีว่าร่างกายในตอนนี้แค่เดินมิกี่ก้าวก็จะไม่ไหวแล้ว
“ฟางหลิงซู่”
อันหลิงเกอเรียกเบา ๆ ฟางหลิงซู่จึงได้สติขึ้นมาและหันไปมองหน้านางเพราะมิรู้ว่านางจะกล่าวสิ่งใด เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่ายก็ทำให้รู้ว่านางใจร้อนอยากกลับไปอยู่ข้างกายมู่จวินฮานแล้ว
“อีกหนึ่งเดือนแล้วกัน รอให้ร่างกายของเจ้าดีขึ้นก่อน” ฟางหลิงซู่มิรอให้อันหลิงเกอพูดออกมาเพราะเขาอยากให้นางอยู่ข้างกายเช่นนี้ ต่อให้แค่เดือนเดียวก็ยังดี
อันหลิงเกอพยักหน้ารับ ตอนแรกนางมิได้คิดที่จะพูดถึงเรื่องนี้เพราะรู้ว่าร่างกายของตนถ้ากลับไปก็มีแต่จะสร้างปัญหาให้มู่จวินฮานเท่านั้น
“เจ้าช่วยเล่าเรื่องที่ไปจากต้าโจวและหลังจากกลับมาให้ข้าฟังหน่อย” อันหลิงเกอเอ่ยถามเพราะอยากรู้ว่าหลังจากที่ฟางหลิงซู่กลับมาต้าโจวแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ฟางหลิงซู่เห็นว่าอันหลิงเกอมิได้เอ่ยถึงเรื่องที่จะกลับไปหามู่จวินฮานอีกแต่เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทนก็รู้สึกดีใจมาก ทั้งเห็นว่านางใส่ใจเรื่องของเขาเช่นนี้จึงเล่าให้ฟังอย่างมีความสุข
อันหลิงเกอฟังฟางหลิงซู่เล่ามาก็อดรู้สึกมิได้ว่าช่วงที่ผ่านมาเขาช่างลำบากยิ่งนัก นางจึงรู้สึกสงสารมาก บุรุษผู้นี้ทำเพื่อตนมากมายเพียงนี้ แต่นางมิสามารถทำอันใดเพื่อเขาได้เลย
“ลำบากมากใช่หรือไม่ ? ” อันหลิงเกอแค่นึกถึงความรู้สึกที่ต้องจากบ้านเช่นนี้ก็รู้สึกเสียใจมากแล้ว แต่ฟางหลิงซู่อดทนและผ่านมันมาได้เยี่ยงไร
“ก็มิได้ลำบากอันใด ข้าสบายดี แค่ไร้ญาติขาดมิตรก็เท่านั้น” ความจริงแล้วสำหรับฟางหลิงซู่มีอันหลิงเกอคือแรงผลักดันในการต่อสู้ทั้งหมดจึงมิใช่ไร้ญาติแต่ไร้นาง
เห็นได้ชัดว่าเขาแค่หลอกตัวเองอยู่เท่านั้นเพราะที่ผ่านมาเขามีความสามารถไม่มากพอและมู่จวินฮานแข็งแกร่งมาก อันหลิงเกอจึงไม่ได้อยู่กับเขา
แต่ฟางหลิงซู่ก็รู้ว่าบางทีอาจให้ความรู้สึกสบายใจแก่นางได้ หากเขาแข็งแกร่งมากกว่านี้ก็จะสามารถปกป้องนางได้
ตอนนี้เขามองสีหน้าของอันหลิงเกอก็รู้ว่านางคงรู้สึกผิดอยู่เป็นแน่ มิรู้ว่านางจะโกรธมู่จวินฮานเพราะเรื่องของเขาหรือไม่ ฟางหลิงซู่อดคิดเช่นนี้มิได้
“เหตุใดเจ้าต้องไปจากต้าโจว ? ” เป็นไปตามคาด ฟางหลิงซู่รู้อยู่แล้วว่าอันหลิงเกอต้องถามถึงเรื่องนี้ เขาจึงเบนสายตาจากนางครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา
“วันนั้นมู่จวินฮานพาทหารมาที่หอพิษกู่ ข้าย่อมไม่มีทางที่จะอยู่ต่อได้อีกจึงพาคนมิกี่คนไปจากต้าโจว”
ฟางหลิงซู่เอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่งไร้การตำหนิและมิได้ใส่อารมณ์ด้วย ราวกับเป็นการบอกเล่าธรรมดาหาได้มีความรู้สึกอันใดไม่
“เพราะมู่จวินฮานจริงหรือ ? ” น้ำเสียงของอันหลิงเกอตกใจเล็กน้อย นางรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับมู่จวินฮานแต่มิรู้ว่าจะเกี่ยวทั้งหมด
“อืม แต่ข้ามิเป็นไรแล้ว การที่ข้าอยู่ต้าโจวทุกวันนี้ก็เสมือนปลาได้น้ำ เทียบกับเมื่อก่อนแล้วยังดีกว่าด้วยซ้ำ”
ฟางหลิงซู่แสร้งกล่าวออกมาอย่างคนอารมณ์ดี แต่คิ้วของอันหลิงเกอขมวดมุ่นกว่าเดิม นางคาดมิถึงว่ามู่จวินฮานจะกลั่นแกล้งฟางหลิงซู่
ทำให้อันหลิงเกอได้แต่รู้สึกผิดมากขึ้น ทั้งยังโทษว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะนางด้วย นี่เป็นสิ่งที่ฟางหลิงซู่มิคาดคิดมาก่อน เพราะเดิมทีเขาคิดว่าอันหลิงเกอจะตำหนิมู่จวินฮานมิใช่โทษตัวเองเช่นนี้
เมื่อเห็นสีหน้าของอันหลิงเกอ ชั่วขณะนั้นเขาก็รู้สึกว่าได้ทำผิดไปเพราะการเห็นคนที่รักไม่มีความสุขทำให้เขารู้สึกแย่
ฟางหลิงซู่ลอบตำหนิตัวเองในใจและยิ่งมิควรเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก หากเขาไม่เอ่ยขึ้นมา บางทีตอนนี้อันหลิงเกออาจจะไม่เศร้าหมองและตำหนิตนเองก็ได้
“ฟางหลิงซู่ ข้าขอโทษ” ฟางหลิงซู่คิดไว้แล้ว อันหลิงเกอต้องโทษว่าทั้งหมดเป็นเพราะนาง
ไม่ว่าเป็นเพราะเหตุใด นางมิอยากให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างฟางหลิงซู่และมู่จวินฮาน ไม่อยากให้พวกเขาเคียดแค้นต่อกันเช่นนี้
“เกอเอ๋อ…อันหลิงเกอ นี่มิใช่ความผิดของเจ้า” ฟางหลิงซู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขามิควรเรียกนางอย่างสนิทสนมเช่นนั้นเพราะตอนนี้นางเป็นสตรีที่แต่งงานแล้ว สำหรับนางเห็นเขาเป็นเพียงคนนอกเท่านั้น
“ฟางหลิงซู่ เจ้าอย่าโกรธจวินฮานได้หรือไม่ เขาก็แค่…เขาก็แค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น”อันหลิงเกอแก้ต่างแทนมู่จวินฮาน นางโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของตนแต่เพียงผู้เดียวและหวังว่าฟางหลิงซู่จะไม่ตำหนิมู่จวินฮาน การมีภรรยาเช่นนี้สามียังปรารถนาสิ่งใดอีก
แต่จะทำเช่นไรเล่า ฟางหลิงซู่ได้แต่โกรธตนเองที่มิได้พบนางให้เร็วกว่านี้ ตอนนี้หัวใจของนางมอบให้มู่จวินฮานหมดแล้ว มิว่ามู่จวินฮานดีต่อนางหรือไม่ นางก็ยังมีเพียงมู่จวินฮานโดยไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
เพราะอันหลิงเกอดื้อดึงเหมือนกับตนไม่มีผิด ทุกสิ่งที่นางทำก็เพื่อมู่จวินฮาน ส่วนทุกอย่างที่เขาทำก็เพื่อนางเช่นกัน
อันหลิงเกอเห็นฟางหลิงซู่มิได้เอ่ยสิ่งใดก็คิดว่าเขารับรู้แล้วจึงได้เบาใจ
เนื่องจากตอนนี้ตำแหน่งของฟางหลิงซู่มิธรรมดาอีกต่อไป หากเขาต้องการกลั่นแกล้งมู่จวินฮาน การต่อสู้นี้ย่อมต้องบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย นี่คือสิ่งที่อันหลิงเกอมิอยากเห็น
ฟางหลิงซู่มองท่าทางโล่งอกของอันหลิงเกอก็รู้ว่าเมื่อครู่นางกังวลแทนมู่จวินฮานจริง ๆ ฟางหลิงซู่จึงยิ้มอย่างขมขื่นและมิได้เอ่ยสิ่งใดออกมาอีก
…
…
วันเวลาที่อันหลิงเกอมิอยู่ในจวนอ๋องมู่ หัวใจของมู่จวินฮานก็เจ็บปวดมิแพ้กัน