ตอนที่ 638 สนิทสนม
“พี่สะใภ้”
มู่หรงเซียงหนานเรียกหลิงอวี้จื้อเสียงหวาน เมื่อได้ยินเขาเรียกตัวเองว่าพี่สะใภ้ หลิงอวี้จื้อก็อยากจะแก้ให้ถูกต้อง แต่เห็นสีหน้าข่มขู่ของเฉินม่อฉือแล้วเธอก็ล้มเลิกความคิดไป ไม่ใช่เพราะกลัวแต่เพราะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ ยากนักที่จะได้พบมู่หรงเซียงหนาน
หลิงอวี้จื้อย่อตัวลงลูกแก้มมู่หรงเซียงหนาน “เจ้ากับบิดาเจ้าเหมือนกันมากเลย”
“พี่สะใภ้รู้จักบิดาข้าหรือ”
“รู้จักสิ ข้ากับบิดาเจ้าเป็นสหายกัน”
หลิงอวี้จื้อเอ่ยน้ำเสียงอบอุ่นยิ่ง เมื่อเห็นมู่หรงเซียงหนาน ใจเธอก็ยังรู้สึกผิดไม่เสื่อมคลาย
หากมใช่เพราะช่วยเธอ มู่หรงนี่อวิ๋นคงไม่ตาย โชคดีที่เขายังทิ้งมู่หรงเซียงหนานเอาไว้
เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยน่ารักเพียงนี้ ใจของหลิงอวี้จื้อก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ไม่รู้ว่าตอนนี้จูจิ่นเป็นอย่างไร เธอรู้ว่าจูจิ่นอยู่ที่จวนมู่หรงคอยดูแลบุตรชาย คนในจวนมู่หรงก็ดีต่อนางไม่น้อย
เมื่อเห็นหลิงอวี้จื้อยิ้ม เฉินม่อฉือก็โล่งอก เขารู้ว่าหลิงอวี้จื้อเห็นมู่หรงเซียงหนานแล้วต้องดีใจแน่ ความสัมพันธ์ของหลิงอวี้จื้อกับมู่หรงนี่อวิ๋นในตอนนั้น แม้แต่เขาเองก็ยังอิจฉา
“เซียงหนาน เจ้าอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้ แล้วตอนบ่ายเราจะให้คนพาเจ้ากลับจวนดีหรือไม่”
เห็นชัดว่ามู่หรงเซียงหนานก็ชอบหลิงอวี้จื้อมากเช่นกัน เขาจึงพยักหน้ารับ “อืม”
“อวี้จื้อ คงต้องฝากเจียงหนานไว้กับเจ้าแล้ว บ่ายๆ เราค่อยส่งคนมารับเขา”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่พาเซียงหนานมาพบหม่อมฉัน” หลิงอวี้จื้อยิ้มให้เฉินม่อฉืออย่างยากจะมีสักครั้ง เฉินม่อฉืออึ้งไปเล็กน้อย แล้วเอ่ยอย่างประหม่าว่า “เราแค่อยากให้เจ้าอารมณ์ดีขึ้นบ้างเท่านั้น”
พูดจบเฉินม่อฉือก็หมุนกายเดินจากไป หลิงอวี้จื้อรู้สึกสับสนขึ้นมา เฉินม่อฉือดีกับเธอมาก หลายวันมานี่เธอก็เห็นกับตา แต่เธอไม่ได้หวั่นไหว ใจของเธอไม่อาจมีคนอื่นได้อีกแล้ว จุดนี้เธอจำเป็นต้องทำให้เฉินม่อฉือได้เข้าใจอย่างชัดเจน
หลิงอวี้จื้อให้เสี่ยวเตี๋ยเอาขนมมาให้ แล้วลงมือป้อนมู่หรงเซียงหนานด้วยตนเอง เขาเป็นเด็กที่ร่าเริงมาก หลิงอวี้จื้อใช้ขนมมาเป็นตัวเชื่อม ทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว
หลังกินขนมเสร็จแล้ว หลิงอวี้จื้อก็มองออกไปด้านนอก อากาศดียิ่ง เหมาะกับการเล่นว่าวมาก เธอคุกเข่าลงตรงหน้ามู่หรงเซียหนานแล้วลูกศีรษะเขาพลางถามว่า “เซียงหนาน อยากเล่นว่าวหรือไม่”
“อืม อยาก”
ทั้งสองเล่นกันอย่างสนุกสนาน แค่ไม่กี่ชั่วโมง หลิงอวี้จื้อกับมู่หรงเซียงหนานก็สนิทสนมกันแล้วมูหรงเซียงหนานชอบพี่สะใภ้คนนี้มาก หลิงอวี้จื้อเองก็มีแผนการในใจ คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายคนที่ช่วยเธอได้กลับเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ
เมื่อเห็นว่าทั้งสองเล่นกันสนุกสนาน เฉินม่อฉือก็รับปากว่าจะพามู่หรงเซียงหนานเข้าวังมาหาหลิงอวี้จื้อทุกวัน หลิงอวี้จื้อจึงฉวยโอกาสนี้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งใส่ไว้ในเสื้อของมู่หรงเซียงหนานให้เขาเอาไปให้จูจิ่น
เธอเฝ้ารอข่าวจากจูจิ่นด้วยความกระสับกระส่าย ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงคนที่สามารถช่วยเธอได้ก็มีแค่จูจิ่นเท่านั้น
วันต่อมามู่หรงเซียงหนานก็มาอีก เธอค้นตัวมู่หรงเซียงหนานจนทั่วแต่ก็ไม่พบจดหมายใดๆ เลย เธอรู้สึกผิดหวังมาก แม้ตอนพามู่หรงเซียงหนานไปเล่นในอุทยานก็ยังเหม่อลอย
“พี่สะใภ้ ข้างหน้ามีคนมาขอรับ”
เมื่อเห็นหลิงอวี้จื้อเอาแต่เหม่อลอย มู่หรงเซียงหนานจึงเขย่าแขนเธอ เธอจึงมีสติคืนมา แล้วเงยหน้าขึ้นมอง ผู้ที่มาไม่ใช่ใคร คือเฉินปี้นั้นเอง
ด้านหลังของนางมีนางกำนัลเจ็ดแปดคน คล้ายต้องการทำอะไรสักอย่าง เมื่อเห็นหลิงอวี้จื้อ เฉินปี้ก็ได้แต่กดข่มความไม่พอใจไว้แล้วย่อกายทำความเคารพหลิงอวี้จื้อตามกฎวังหลวง
ตอนที่ 639 ทำโทษเฉินปี้
ยากนักที่เธอจะได้พบกับเฉินปี้ หลินอวี้จื้อไม่มีทางปล่อยโอกาสอันดีนี้แน่นอน ตอนนี้เธอเป็นหยวนเฟย เฉินปี้เป็นขุนนางหญิงในวัง หากนับตามฐานะแล้ว เธอเป็นนาย เฉินปี้เป็นบ่าว เธอต้องใช้ประโยชน์จากการเป็นหยวนเฟยสักหน่อย วันนี้เฉินปี้ต้องตาย
เรื่องในโลกยากคาดเดา ใครจะไปคิดว่าเธอกับเฉินปี้จะมีวันนี้ได้เล่า
หลิงอวี้จื้อไม่บอกให้เฉินปี้ลุกขึ้น เฉินปี้ก็ได้แต่คุกเข่าอยู่บนพื้นต่อไป รอให้หลิงอวี้จื้อสั่ง
“นี่มิใช่ใต้เท้าเฉินหรอกหรือ ใต้เท้าเฉินรีบร้อนจะไปไหนหรือ”
หลิงอวี้จื้อให้นางกำนัลพามู่หรงเซียงหนานไปเล่นก่อน แล้วค่อยถามเฉินปี้อย่างเนิบนาบ
“หม่อมฉันจะกลับฝ่ายภูษาเพคะ ระยะนี้มีคนเข้ามาใหม่ หม่อมฉันจึงกำลังจัดการกับเรื่องรับคนใหม่เข้ามาทำงาน”
เฉินปี้ก้มหน้าลงเอ่ยรายงาน นางพยายามข่มใจไว้สุดกำลัง ต่อให้ไม่ยินยอมเพียงใด นางก็ไม่กล้าเป็นปฏิปักษ์ต่อหลิงอวี้จื้อ เพราะตอนนี้หลิงอวี้จื้อเป็นคนโปรดของเฉินม่อฉือ การทำเช่นนั้นไม่เป็นผลดีอะไรกับนางเลย
“ใต้เท้าเฉินช่างยุ่งจริงๆ โอ๊ะ ดูข้าสิ ข้าถึงกับลืมบอกให้ใต้เท้าเฉินลุกขึ้น คุกเข่านานเพียงนี้คงเจ็บแย่ รีบลุกขึ้นเถิด”
หลิงอวี้จื้อตีหน้าผากตัวเอง แสร้งเป็นว่าลืมบอกให้เฉินปี้ลุกขึ้น
ทั่วทั้งอุทยานหลวงมีก้อนหินแข็งเต็มไปหมด เมื่อครู่นางคุกเข่าถูกก้อนหินบนพื้น ความเจ็บปวดกระจายไปทั่วหัวเข่า เฉินปี้ลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ “หากหยวนเฟยไม่มีสิ่งใดแล้ว หม่อมฉันขอตัวก่อนเพคะ”
“ผู้ใดบอกว่าข้าไม่มี พวกเจ้าไปก่อนเถิด ข้ามีเรื่องจะพูดกับใต้เท้าเฉินสักหน่อย” หลิงอวี้จื้อโบกมือให้บ่าวไพร่ที่เดินตามหลังเฉินปี้หลบไป พวกนางไม่รู้ว่าหลิงอวี้จื้อจะทำอะไร จึงทยอยถอยไปยืนอยู่ห่างๆ
เฉินปี้รู้ว่าหลิงอวี้จื้อต้องการหาเรื่อง แต่นางทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ทนรับ ทำให้นางโกรธแค้นหลิงอวี้จื้อมากขึ้นกว่าเดิม ตายไปแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายยังกลับมาเหยียบหัวนางได้ สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ
หลิงอวี้จื้
อเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าเฉินปี้ มองเฉินปี้ด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยเสียงแผ่วต่ำว่า “เฉินปี้ เจ้ายังอายุยืนจริงๆ จวนอู่อ๋องต่างตายกันหมด มีเพียงเจ้าที่หนีรอดมาได้ เพื่อปกป้องตนเอง เจ้าถึงกับใส่ร้ายอาเหยี่ยน เจ้าว่าแค้นนี้ข้าจะชำระอย่างไรดี”
“เรื่องนี้ข้าเห็นเองกับตา เหตุใดจึงว่าใส่ร้าย ตอนนี้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พาคนเข้ามาค้นจวนอู่อ๋อง สังหารฟางไท่เฟยและท่านอ๋อง ทั้งยังสังหารคนทั้งจวน หากไม่ใช่เพราะข้าดวงแข็งหนีออกมาได้ คงได้ตายด้วยดาบของเขาไปแล้ว”
หากบอกว่าเซียวเหยี่ยนสังหารฟางฮุ่ยหรูและเฉินเสี้ยวหรู เธอเชื่อ
แต่หากบอกว่าเซียวเหยี่ยนสังหารคนทั้งจวน เธอไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
เซียวเหยี่ยนไม่ใช่คนที่ชอบสังหารไปทั่วแม้แต่ผู้บริสุทธิ์ ต่อให้เธอตาย เซียวเหยี่ยนก็ไม่มีทางโกรธจนสังหารคนทั้งจวนอู่อ๋องได้ เขาไม่ใช่คนเช่นนั้น
เพราะฉะนั้นต้องมีคนอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน เฉินปี้ยืนยันเช่นนี้เห็นชัดว่าเจตนาใส่ร้ายเซียวเหยี่ยน ให้คนทั่วหล้าสงสัยว่าเซียวเหยี่ยนทำเรื่องไร้คุณธรรมนี้ ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาย่ำแย่อย่างที่สุดจนกลายเป็นกบฏของแผ่นดิน
ที่เขากบฏเร็วเพียงนี้คงเป็นเพราะถูกบีบคั้น หากเดาไม่ผิด เรื่องนี้คงเป็นฝีมือของมู่หรงกวานเยว่ นางคงคิดจะใช้โอกาสนี้กำจัดเซียวเหยี่ยน เห็นได้จากที่ตอนนี้เฉินปี้มาพึ่งพิงมู่หรงกวานเยว่
“เจ้าไม่มีวรยุทธ์ แต่สามารถหลบหนีออกมาได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย ช่างอัศจรรย์นัก เฉินปี หากอาเหยี่ยนจะฆ่าเจ้า เจ้าไม่มีทางหนีพ้นแน่ ข้าไม่อยากจะพูดจาไร้สาระกับเจ้าอีกแล้ว เสี่ยวเตี๋ยว ตบปากนาง”