สองวันหลังจากนั้น ซูหยางก็ออกจากศาลาหยินหยางขณะที่โหลวหลานจีหลับสนิทจากอาการหมดแรง
แต่ก่อนที่จะจากไป เขาได้ทิ้งวิชาฝึกปราณที่อยู่ในระดับเซียนโดยไม่เปิดเผยถึงระดับของวิชาให้กับเธอ ไม่ว่าเธอจะมีพรสวรรค์เพียงใด หากปราศจากวิชาระดับเซียน ก็เกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุเขตอัมพรวิญญาณในโลกนี้เนื่องมาจากขาดปราณไร้ลักษณ์
ครั้นเมื่อเขาออกไปจากศาลาหยินหยางแล้ว ซูหยางก็ไปยังนิกายดอกบัวเพลิงหนึ่งวันเพื่อฝึกอบรมหวังชูเหรินอีกครั้ง
“ข้าต้องกล่าวว่า… ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าตกใจมาก” หวังชูเหรินกล่าว “นั่นยังไม่ถึงเดือนแต่ฝีมือของข้าก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด”
“เจ้ายังคงมีหนทางอีกยาวไกล ชูเหริน แม้ว่าฝีมือของเจ้านั้นจะได้พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบกับตอนที่เมื่อเจ้าเริ่มฝึก นั่นก็ยังไม่ได้ใกล้เคียงกับระดับที่ข้าต้องการให้เจ้าเป็น” ซูหยางกล่าวกับเธอ
“แต่อย่างไรก็ตามนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจักเริ่มรับศิษย์ใหม่ภายในอีกสามวันใช่ไหม เกือบทั้งทวีปได้รอด้วยคามคาดหวัง กระทั่งสำนักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถทำให้คนตื่นเต้นกับการเพียงแค่รับศิษย์ใหม่ บางทีข้าควรจะไปนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยและเฝ้าสังเกตการณ์ ข้าได้ฝึกทุกวันไม่ได้หยุดดังนั้นข้าควรจะพักสักหน่อย”
“ทำตามที่เจ้าต้องการ”
หลังจากที่การสอนหวังชูเหรินจบลง ซูหยางก็กลับไปยังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเพื่อเตรียมตัวการทดสอบศิษย์
ขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย เขาก็สังเกตเห็นผู้คนต่างพากันรวมตัวกันหน้าพื้นที่ทดสอบที่เขาจะใช้เป็นพื้นที่ทดสอบศิษย์เรียบร้อยแล้ว และมีคนรวมตัวกันอยู่ตรงนั้นหลายพันคน
มีผู้คนทุกช่วงอายุ มีกระทั่งผู้คนที่เห็นได้ว่าไม่อยู่ในช่วงอายุที่ต้องการ อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่ใช่ผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบ แต่ก็อาจจะเป็นผู้ชมแทนก็ได้
หลังจากที่กลับถึงนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ซูหยางก็ขอให้ซุนจิงจิงและฟางซีหลานช่วยเขาในระหว่างการคัดเลือกศิษย์ และพวกเธอก็ตกลงอย่างรวดเร็ว
สามวันให้หลัง ในวันทดสอบ เหล่าศิษย์ปัจจุบันต่างก็มารวมตัวกันที่หอประชุม
“ซูหยาง เจ้ามั่นใจว่าเจ้าต้องการที่จะจัดการเรื่องนี้ตามลำพัง เมื่อตอนที่ข้าแอบมองไปด้านนอกวานนี้ มีคนนับหมื่นคนที่รอคอยอยู่ด้านนอกแล้ว ใครจะรู้ว่าจะมีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนอีกเท่าไหร่ในตอนนี้” โหลวหลานจีกล่าวกับเขา
“อย่ากังวล ข้ามีซุนจิงจิงและฟางซีหลานช่วยอยู่” เขากล่าวด้วยท่าทางผ่อนคลาย
“อย่างไรก็ตามถ้าเจ้ากังวลเช่นนั้น เจ้าสามารถมาดูการทดสอบได้ด้วยตนเอง”
จากนั้นเขาก็หันไปมองดูศิษย์คนอื่นและกล่าวว่า “ขอบคุณที่อยู่กับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยตลอดมานี้ แม้ว่าสิ่งต่างๆในนิกายจะเปลี่ยนแปลงไปนับตั้งแต่วันนี้ พวกเจ้าสามารถมั่นใจได้ว่าข้าจักมิเปลี่ยนแปลงวิธีที่ข้าได้ดูแลพวกเจ้า”
“ดังนั้นนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจักให้พวกเจ้าทั้งหมดได้ตำแหน่งเป็น ศิษย์ดั้งเดิม”
“ศิษย์ดั้งเดิมรึ นั่นคืออะไร”
ลืมพวกศิษย์ไปได้เลย ในเมื่อกระทั่งผู้อาวุโสนิกายและโหลวหลานจีก็ไม่เคยได้ยินศัพท์นี้มาก่อน
“นี่เป็นตำแหน่งที่ปกติแล้วจะมอบให้กับเหล่าศิษย์ที่มีอยู่ก่อนที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ภายในนิกายหรือก่อนที่จะถึงยุคใหม่ ในกรณีของพวกเรา นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ดังนั้นใครก็ตามที่อยู่ที่นี่ก่อนที่จะเป็นยุคใหม่นี้ก็จะรู้จักกันในนาม ศิษย์ดั้งเดิม”
“แน่นอนว่า ศิษย์ดั้งเดิมนั้น จะมีขึ้นหรือไม่ ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับผู้นำนิกาย และข้าต้องการที่จะทำให้มันมีขึ้นภายในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย เจ้าเห็นด้วยกับสิ่งนี้หรือไม่” ซูหยางหันไปมองดูโหลวหลานจี
โหลวหลานจีพยักหน้าหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา และเธอพูดขึ้นบ้างว่า “ข้ามิถือ แต่ว่ามีความแตกต่างอย่างไรกันระหว่างศิษย์ดั้งเดิมกับศิษย์อื่นๆ”
“การเป็นศิษย์ดั้งเดิมนั้นเป็นมากกว่าแค่ตำแหน่ง มันเป็นฐานะที่คล้ายกับชนชั้นสูง ยกตัวอย่างเช่น แม้ว่าคนผู้หนึ่งอาจจะเป็นเพียงแค่ศิษย์นอก แต่เขาก็สามารถเป็นศิษย์ดั้งเดิมได้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นผลประโยชน์ของการเป็นศิษย์ดั้งเดิมนั้นขึ้นกับผู้นำนิกาย และในเวลานี้ข้าจักให้ศิษย์ดั้งเดิมทุกคนมีสิทธิพิเศษเท่ากับศิษย์หลัก ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาเป็นเพียงศิษย์รุ่นเยาว์ พวกเขาก็ยังสามารถได้รับผลประโยชน์ทั้งหมดเช่นเดียวกับที่ศิษย์หลักจะพึงได้รับ”
“แน่นอนว่า ยังมีผลประโยชน์อื่นในฐานะศิษย์ดั้งเดิมมากกว่าเพียงแค่มีสิทธิคล้ายกับศิษย์หลัก แต่ข้าจักอธิบายให้ฟังเพิ่มในภายหลัง”
จากนั้นซูหยางก็โบกชายเสื้อ ส่งตราจำนวนมากที่จัดสร้างจากหยกไปให้ทุกคนที่อยู่ภายในห้อง
ตรานี้เปล่งพลังงานที่ลึกลับลึกล้ำออกมา จนทำให้เหล่าศิษย์ต่างพากันสะท้านเมื่อได้สัมผัสมัน
“นั่นจักเป็นหลักฐานประจำตัวระบุว่าพวกเจ้าเป็นศิษย์ดั้งเดิม แม้ว่าจริงแล้วพวกมันไม่มีประโยชน์ในตอนนี้ แต่พวกเจ้าจักต้องการใช้มันในอนาคต”
หลังจากที่พูดกับเหล่าศิษย์ต่ออีกสองสามนาที ซูหยางก็ออกไปจากหอประชุมมุ่งหน้าไปยังโถงทดสอบพร้อมกับซุนจิงจิงและฟางซีหลาน
แน่นอนว่าศิษย์ที่เหลือต่างก็พากันสนใจในการทดสอบเช่นเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงติดตามด้านหลังเขาไปด้วย
เวลาหลังจากนั้น พวกเขาก็ไปถึงที่โถงทดสอบ
“โอพระเจ้า… มีคนมากมายอยู่ที่นี่…” เหล่าศิษย์ต่างพากันงงงันไปกับทะเลมนุษย์ที่มารวมตัวกันหน้าโถงทดสอบ
“ต้องขอบคุณที่เราได้เพิ่มความจุสำหรับโถงทดสอบล่วงหน้า แต่ถึงจะมีความจุเพิ่มขึ้น มันก็ยังมีผู้คนหนาแน่นอย่างรวดเร็ว” ฟางซีหลานกล่าวด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างงุนงงอยู่เล็กน้อย ในเมื่อเธอไม่คาดคิดว่าจะมีคนมากมายปรากฏตัวขึ้นเพื่อรับการทดสอบ
“ดูสิ นั่นนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย พวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว”
“ข้าเห็นนางฟ้าซุนกับนางฟ้าฟางด้วย”
“อัจฉริยะอันดับหนึ่ง ซูหยาง ก็อยู่กับพวกเขาด้วยเช่นกัน”
เมื่อผู้คนที่พากันรวมตัวด้านนอกสังเกตเห็นศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยตรงมาหาพวกเขา ที่ซึ่งเสียงดังอยู่แล้วก็ยิ่งดังเซ็งแซ่มากกว่าเดิม
“อะแฮ่ม” ซูหยางพลันกระแอม จนทำให้เกิดคลื่นอันลึกล้ำแผ่กระจายไปทั่วทั้งพื้นที่และส่งความหนาวยะเยือกไปยังทุกผู้คน
ที่แห่งนั้นพลันเงียบสงัดภายในไม่กี่วินาที
“ขอบคุณทุกท่านที่มาที่นี่ในวันนี้ การทดสอบศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยสำหรับศิษย์ใหม่จะเริ่มในเวลาอันสั้นหลังจากที่ข้าได้กล่าวถ้อยคำสองสามคำ”