บทที่ 497: แน่นอนว่าต้องตั้งท้อง

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

หลังจากที่พวกเขาร่วมฝึกวิชาแล้ว โหลวหลานจีก็ถามซูหยางด้วยเสียงจริงจังว่า “ซูหยาง…ข้ามีคำถามสุดท้ายสำหรับเจ้า แน่นอนว่าถ้าเจ้ามิต้องการที่จะตอบคำถามนี้ ข้าก็มิบ่นแต่อย่างใด”

 

ซูหยางมองสบสายตาจริงจังและเป็นกังวลของเธอ เขาสามารถเดาได้ว่าเธอกำลังจะถามอะไรเขา

 

“ว่าไปสิ” เขากล่าว

 

“เจ้า… จริงแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่” สุดท้ายโหลวหลานจีก็ถามคำถามนี้ต่อเขาซึ่งได้อยู่ในใจของเธอมาเป็นเวลาหลายเดือนจนมาถึงตอนนี้

 

“ข้ารู้ว่าเจ้ามาจากตระกูลซู แต่กระทั่งตระกูลซูก็มิสามารถที่จะผลิตอัจฉริยะเช่นเจ้าได้ ความรู้และประสบการณ์ของเจ้านั้นโดยหลักแล้วกว้างมากเกินไป ไม่มีคำกล่าวใดดีไปกว่า มันเหนือเกินกว่าโลกนี้ และเป็นความจริงไหมที่เจ้ามีอาจารย์จากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง”

 

ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “ข้าสามารถให้คำตอบที่เจ้าแสวงหาได้ แต่เจ้าควรจะทำความสะอาดตัวเจ้าก่อน ในเมื่อมันอาจจะเป็นการสนทนาที่ค่อนข้างยาว”

 

เขาชี้ไปยังร่างของเธอที่ตอนนี้เคลือบเต็มไปด้วยปราณหยางของเขา

 

โหลวหลานจีพยักหน้าและรีบไปทำความสะอาดร่างกายของเธอและเปลี่ยนผ้าปูที่นอน

 

หลังจากที่เธอรู้สึกว่าสดชื่นดีแล้ว พวกเขาทั้งคู่ก็นั่งลงพร้อมกับถ้วยชาในมือคนละถ้วย

 

“เริ่มจากคำถามที่สองของเจ้าก่อนว่าข้ามีอาจารย์จากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางหรือไม่” ซูหยางพูดหลังจากที่จิบชา “ไม่ ข้ามิมี ข้ามิเคยได้ยอมรับใครเป็นอาจารย์ในโลกนี้ ความรู้และประสบการณ์ส่วนใหญ่ของข้ามาจากประสบการณ์ของตัวข้าเอง”

 

“อะไรนะ… เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้ามิมีอาจารย์ เช่นนั้นทำไมความรู้ของเจ้าจึงลึกล้ำนัก และประสบการณ์ของเจ้า… นั่นก็มิใช่อะไรที่เจ้าจะเรียนรู้ได้ในชั่วเพียงแค่ไม่กี่ปี”

 

ซูหยางส่ายหน้าและกล่าวว่า “อย่าเพิ่งใจร้อน ข้ายังมิได้ตอบคำถามแรกของเจ้า ซึ่งควรจะคลายความสงสัยของเจ้าได้”

 

“จริงๆแล้วข้าเป็นใครกัน…”

 

ซูหยางจ้องตรงเข้าไปในดวงตาของเธอและกล่าวด้วยเสียงเรียบสงบแต่ลึกล้ำว่า “ข้าเป็นคนที่มีความทรงจำจากชาติก่อน”

 

“…”

 

ดวงตาของโหลวหลานจีเบิกกว้างด้วยความตกใจหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา คำถามนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในใจเธอในเวลานี้ แต่เธอยังคงพูดไม่ออกราวกับว่าเธอสูญเสียความสามารถในการพูด

 

“ในชีวิตก่อนของข้า ข้าเป็นเซียนซึ่งมีชีวิตอยู่นับพันหมื่นปี คนที่มีประสบการณ์และความรู้นับไม่ถ้วน ยิ่งไปกว่านั้นข้าอาศัยอยู่ในโลกที่ไกลออกไปจากที่แห่งนี้สุดประมาณ”

 

“แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่เกิดเหตุการณ์อย่างหนึ่ง ข้าได้ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ในโลกแห่งนี้พร้อมกับความทรงจำในชีวิตก่อนที่ครบถ้วนสมบูรณ์ แน่นอนว่าข้ามิได้มีความทรงจำนี้ในทันทีที่ข้าถือกำเนิดมา เป็นเพียงเพราะหลังจากที่ได้รับประสบการณ์เร้าใจที่เกือบคร่าชีวิตของข้านั่นจึงทำให้ข้าได้จดจำอดีตของข้าได้”

 

ซูหยางมองดูสีหน้างงงันของโหลวหลานจีแล้วยิ้ม “ข้ารู้ว่ามันต้องใช้เวลามากในการทำความเข้าใจ ดังนั้นข้าจักให้เวลาเจ้าสักหน่อยในการรวบรวมความคิด”

 

จากนั้นเขาก็นั่งจิบชาต่อไปด้วยท่าทางผ่อนคลาย

 

เมื่อเวลาผ่านไปชั่วระยะหนึ่ง โหลวหลานจีก็พูดขึ้นว่า “ดังนั้นการกลับชาติมาเกิดใหม่นั้นเป็นความจริงสินะ บางทีข้าก็อาจจะมีชีวิตอยู่เป็นครั้งที่สอง…หรือครั้งที่สามแต่ข้าเพียงแค่มิสามารถที่จะจดจำชีวิตก่อนแบบเจ้าได้”

 

“เจ้าอาศัยอยู่ในสถานที่แบบไหนกัน มันต่างจากที่แห่งนี้อย่างไร” จากนั้นเธอก็ถามเขา ดูเหมือนว่าจะสนใจในความเป็นมาดั้งเดิมของเขา

 

“นอกจากจะมีขนาดใหญ่กว่าโลกนี้หลายหลายเท่าตัวและเก่ากว่าโลกนี้มากแล้ว เกือบทุกสิ่งล้วนเหมือนๆกัน ยิ่งไปกว่านั้นระดับพลังการฝึกปรือโดยเฉลี่ยในโลกนั้นสูงกว่าโลกนี้มาก ถ้าเจ้าคิดว่าการเข้าถึงเขตอัมพรวิญญาณเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ เช่นนั้นเจ้าจะอยู่ในโลกนั้นด้วยความประหลาดใจในเมื่อพวกเขาล้วนถือว่าไม่มีอะไรไปกว่ามดที่ไร้ความสลักสำคัญในโลกนั้น จำนวนของผู้ฝึกวิชาในเขตอัมพรวิญญาณที่นั่นก็เหมือนกับผู้ฝึกวิชาในเขตปฐมวิญญาณในโลกนี้”

 

“ความแตกต่างมีมากขนาดนั้นเลยรึ” โหลวหลานจีปิดปากของตัวเธอเองด้วยความตกใจ เธอไม่สามารถจินตนาการได้ว่านั่นเป็นโลกอะไรกันที่มีจอมยุทธในเขตอัมพรวิญญาณเกลื่อนกลาดเหมือนกับเป็นผู้ฝึกยุทธในเขตปฐมวิญญาณ

 

“เจ้า… คิดถึงโลกนั้นไหม” เธอถามเขา

 

“แน่นอน ข้าคิดถึง นั่นจึงเป็นเหตุที่ข้าจักกลับไปในเร็วๆนี้”

 

“ด-เดี๋ยวก่อน…” โหลวหลานจีดวงตาเบิกกว้าง เธอพูดด้วยเสียงสั่นสะท้าน จ-เจ้าจะกลับไปรึ อย่างไรรึ”

 

“ก่อนหน้านี้ข้าได้พบประตูมิติที่อาจจะนำข้ากลับไป” เขากล่าว

 

“อาจจะรึ เช่นนั้นเจ้าก็ยังมิได้มั่นใจว่ามันจะทำได้”

 

“ถูกต้องแล้ว”

 

โหลวหลานจีเงียบไป ถึงกับยอมเสี่ยงเช่นนั้น นั่นหมายความว่ามีบางสิ่งหรือใครสักคนที่สำคัญในโลกนั้นที่เขาไม่อาจจะยอมสูญเสียไปได้แม้ว่าจะต้องใช้ชีวิตเป็นเดิมพันก็ตาม

 

“เมื่อไหร่กัน เมื่อไหร่ที่เจ้าจะจากไป” จากนั้นเธอก็ถามเขา

 

“สำหรับตอนนี้แล้ว ข้าวางแผนที่จะจากไปภายในเวลาสองปี”

 

“สองปีรึ… ในอนาคตเจัาจักกลับมาหรือไม่”

 

“ข้ามิรู้เช่นกัน”

 

“ข้าเข้าใจ…”

 

หลังจากที่เงียบไปอีกชั่วขณะ โหลวหลายจีก็ถอนใจ “แม้ว่าข้ารักที่จะไปกับเจ้าเพื่อดูโลกแห่งนั้น ข้าก็มิอาจจะละทิ้งนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยไปได้ ครั้นเมื่อเจ้าจากไปแล้ว ข้าก็จักต้องทำงานเป็นสองเท่า… ยากกว่าเดิมหลายเท่า”

 

ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “อย่ากังวลไป ข้าจักทำให้มันง่ายขึ้นสำหรับเจ้าในอนาคตในขณะที่ข้ายังอยู่ที่นี่”

 

“อย่างไรก็ตาม ใครกันบ้างที่รู้เรื่องนี้ ซูหยาง”

 

“ซุนจิงจิงกับหลานลี่ชิง” เขากล่าว

 

“และข้าก็อยากให้เจ้าได้รู้ล่วงหน้าว่า พวกเธอจักไปกับข้าด้วย”

 

“เจ้าสามารถวางใจได้ ข้าย่อมมิสร้างความลำบากให้กับพวกเธอ ถึงแม้ว่าศิษย์ทั้งหมดในเวลานี้ตัดสินใจที่จะไปกับเจ้าด้วย ข้าก็จักมิปริปากบ่นแม้แต่เพียงสักคำ”

 

“แต่ว่าเจ้าวางแผนที่จะบอกศิษย์คนอื่นเรื่องที่จะจากไปหรือยัง หรือว่าเจ้าเพียงแค่กระโดดหายไปโดยมิกล่าวอะไรแม้สักคำ…”

 

“เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนที่ใจดำเช่นนั้นรึ แน่นอนว่าข้าจักยอมให้พวกเธอรู้ความจริงในภายหลัง แต่สำหรับตอนนี้แล้ว ข้าต้องให้ความสนใจกับการทดสอบศิษย์ใหม่” เขากล่าว

 

“ข้าก็ยังต้องไปรับแขกเช่นกัน…” โหลวหลานจีถอนใจ

 

อย่างไรก็ตาม ซูหยางพลันกล่าวด้วยรอยแสยะยิ้มบนใบหน้าว่า “แขกรึ หรือว่าเจ้าลืมเรื่องเกมเล็กๆของพวกเราไปแล้ว ในเมื่อข้าชนะ ข้าก็จักทำทุกอย่างที่ข้าต้องการกับตัวเจ้าในเวลาถัดไปสองวันนี้”

 

“เจ้า…” โหลวหลานจีพูดไม่ออก แต่เธอได้วางแผนที่จะอยู่ในห้องนี้เป็นเวลาสามวันตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอ

 

“ภายในเวลาสองปี ก่อนที่ข้าจากไป ข้าก็จะทำให้เจ้าเป็นจอมยุทธระดับสูงสุด ข้าจะช่วยเจ้าให้เข้าสู่เขตอัมพรวิญญาณ”

 

“เขตอัมพรวิญญาณภายในสองปีรึ สิ่งนั้นเป็นไปได้แม้กระทั่งคนอย่างข้าด้วยรึ แม้ว่าหน้าตาของข้าจะยังสาว แต่ว่าข้าได้ผ่านช่วงสูงสุดไปเรียบร้อยแล้ว” โหลวหลานจีกล่าวด้วยสายตาคาดหวัง

 

“เจ้าคิดว่าข้ากลายเป็นเซียนในชีวิตก่อนเพราะว่าโชคดีหรืออย่างไรกัน ถ้าข้าพูดว่าเจ้าสามารถไปถึง เช่นนั้นเจ้าก็จักไปถึงอย่างแน่นอน”

 

“อย่างไรก็ตามแน่นอนว่านั่นอาจจะมิได้เป็นงานง่ายนัก ในเมื่อปราณไร้ลักษณ์ในโลกนี้ค่อนข้างขาดแคลน ดังนั้นข้าจักต้องทำให้มั่นใจว่าร่างของเจ้ามีปราณหยางของข้าทุกวินาทีของแต่ละวันโดยมิมีข้อยกเว้นใดๆ”

 

“ข้าจะต้องมีปราณหยางของเจ้าในร่างตลอดเวลางั้นรึ” โหลวหลานจีกรามร่วง หลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ “แน่นอนว่าข้าจักต้องตั้งท้องกับสิ่งนั้นแน่”

 

“ถ้านั่นเป็นสิ่งที่เจ้ากังวล เช่นนั้นข้าก็มีวิธีที่จักยอมให้ข้าเติมเต็มท้องของเจ้าด้วยปราณหยางโดยมิต้องตั้งท้อง”

 

“จ-จริงรึ มีวิธีเช่นนั้นอยู่ด้วยเช่นนั้นรึ” เธอดูเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง

 

“บางทีอาจจะมิใช่ในโลกนี้ แต่แน่นอนว่ามีอยู่ในโลกของข้า”

 

“ช-เช่นนั้นข้าก็จักปล่อยให้เป็นภาระของเจ้า ซูหยาง…” โหลวหลานจีพยักหน้าด้วยใบหน้าที่แดงเล็กน้อย

 

แม้ว่าเธอจะมีประสบการณ์ในการเก็บปราณหยางไว้ในร่าง แต่ทั้งหมดนั่นก็เพียงแค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆ นี่จะเป็นครั้งแรกของเธอที่จะเก็บมันไว้เป็นเวลานานชั่วระยะเวลาสองปี ไม่น้อยไปกว่านั้น

 

และในขณะที่ฟังดูเหมือนกับว่าเธอกังวลเกี่ยวกับการตั้งท้อง จริงแล้วโหลวหลานจีไม่ได้ใส่ใจมากหากจะต้องตั้งท้อง ตามความเป็นจริงเธอกลับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในการตั้งท้องลูกของซูหยางขึ้นมาจริงๆ

 

ไม่ว่าจะเป็นโลกนี้หรือว่าสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ฝึกยุทธหญิงส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นความรับผิดชอบของพวกเธอในการให้กับเนิดเด็กที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจะมีแม่ประเภทไหนกันที่ไม่ต้องการให้ลูกของตนเองเติบโตมาเป็นอัจฉริยะและประสบความสำเร็จในชีวิต

 

หลังจากที่การสนทนาของพวกเขาจบสิ้นไม่นานนัก ทั้งคู่ก็กลับคืนไปบนเตียง และซูหยางก็ทำการยิงปราณหยางเข้าไปในครรภ์ของโหลวหลานจีอีกเป็นเวลาสองวันถัดไปจากนั้น