ตอนที่ 433 ปัญหาด้านการเงิน

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 433

ปัญหาด้านการเงิน

“ท่าทางเมืองนี้ก็ยังไม่ใช่นะ”จูล่งว่าพลางมองเมืองข้างหน้าด้วยท่าทีเสียดาย แม้อากาศจะเย็นขึ้นบ้างเพราะจูล่งมุ่งหน้ามาทางเหนืออย่างเดียว แต่เมืองข้างหน้าก็ยังไม่ใช่เมืองที่ปกคลุมด้วยหิมะตลอดปีแต่อย่างไร

ตุบ..ขณะที่จูล่งกำลังจะออกเดินทางไปที่เมืองต่อไป อยู่ๆผิงกั่วก็ทิ้งตัวลงมานอนบนแขนของมันเสียอย่างนั้น

“…..”จูล่งมองไปที่ผิงกั่วตัวน้อยด้วยท่าทีประหลาดใจ ผิงกั่วเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ลำพังนางยังมีบาดแผลจากการโดนจับอยู่ก่อนแล้ว ยามนี้ยังเดินทางตลอดทั้งวันย่อมทำให้นางเหนื่อยอ่อนเป็นธรรมดา แม้จะยังเป็นช่วงเย็นอยู่นางก็ง่วงนอนขึ้นมาเสียแล้ว

“กิ้ว….”ตงฟางส่งเสียงออกมาเหมือนจะบอกว่าผิงกั่วเหนื่อยแล้ว

“น้องผิง เจ้าจะเข้าไปพักในเมืองหรือไม่”จูล่งถามพลางมองผิงกั่วที่กำลังจะเคลิ้มหลับ ยามนี้แก้มกลมๆที่มีสีแดงฝาดของนางดูแล้วน่าจิ้มเล่นพิลึก

“กิ้ว….”

“นั่นสิขอรับ เราเข้าไปพักกันก่อนเถอะ”จูล่งยิ้มพลางมองผิงกั่วที่หลับไปเสียแล้ว ตงฟางเองก็เป็นห่วงผิงกั่วที่เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่น้อยเลย สุดท้ายทั้งจูล่งและตงฟางก็พากันเข้าไปในเมืองเพื่อหาที่พักให้ผิงกั่วเสียหน่อย

“น้องชาย ช้าก่อน”ทันทีที่จูล่งเข้าไปใกล้ประตูเมือง ทหารยามก็เข้ามาขวางจูล่งเอาไว้ทันที

“ขอรับ?”จูล่งกะพริบตาปริบๆพลางมองไปทางทหารตรงหน้า มันทำอะไรผิดงั้นหรือทหารถึงได้มาขวางเอาไว้

“เจ้ามาจากต่างเมืองสินะ มีใบผ่านทางหรือไม่”ทหารยามถามพลางมองมาทางจูล่ง

“ไม่มีขอรับ”ใบผ่านทางอะไรมันไม่รู้จักเสียหน่อย แล้วมันจะไปมีได้อย่างไร

“งั้นเจ้าก็ต้องจ่ายค่าผ่านทาง ผู้ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง กับม้าอีกหนึ่งตัว รวมเป็น 13 เหรียญเงินพอดี”ทหารยามคนนั้นยิ้มพลางยื่นมือมาข้างหน้าเพื่อจะรับเงิน

“13….”จูล่งกะพริบตาปริบๆพลางเอาถุงเงินออกมา เพราะก่อนหน้านี้มันเอาออกมาจ่ายเงินให้พี่ชายใจดีที่ขายเสบียงให้มันถูกๆ ก็เลยยังไม่ได้เก็บเข้าไปในมิติของตนเอง เมื่อนำออกมานับดูก็พบว่าตอนนี้จูล่งเหลือเงินเพียง 29 เหรียญเงินเท่านั้น หากจ่ายตรงนี้ 13 เหรียญเงินก็เท่ากับว่าจูล่งจะเหลือเพียง 16 เหรียญเงินเท่านั้น ก่อนหน้านี้มันซื้อเสบียงอาหารมาด้วย 1 เหรียญเงินไม่นึกเลยว่าเพียงค่าผ่านประตูจะแพงขนาดนี้

“ขะ ขอรับ”จูล่งนำเงิน 13 เหรียญเงินออกมาจ่ายพลางนึกย้อนไปตอนตนเองเดินทางเข้าเมืองของพวกพี่หลิงจง ตอนนั้นหลิงจงพาจูล่งผ่านมาก็จริง แต่คนอื่นๆที่กำลังเข้าเมืองก็เหมือนจะจ่ายเงินเช่นกัน ท่าทางการจ่ายค่าผ่านทางเช่นนี้จะเป็นเรื่องปกติสินะ

“ห้องพักงั้นหรือ ห้องถูกสุดราคา 10 เหรียญเงินนะ”ทันทีที่เข้าไปในโรงเตี๊ยม ค่าพักในโรงเตี๊ยมก็แพงเอาเรื่องเลยทีเดียว แถมยังทราบจากเสี่ยวเอ้ออีกว่าโรงเตี๊ยมที่อยู่กลางเมืองแพงกว่านี้อีกหลายสิบเท่าเลยทีเดียว แม้จะเสียดายเงินไม่น้อย แต่เพราะในอ้อมแขนของตนมีผิงกั่วตัวน้อยนอนหลับอยู่ จะให้นางไปนอนข้างถนนจูล่งก็ทำไม่ได้

“…….”นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่จูล่งใช้เงิน และมันก็ทำให้จูล่งได้ทราบว่าการใช้ชีวิตในเมืองนั้นหากไม่มีเงินละก็จะลำบากมากทีเดียว ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าผ่านทาง แม้แต่น้ำอาบยังต้องจ่ายเงิน ตัวจูล่งที่มีพกติดตัวมาแค่ 30 เหรียญเงินนั้นนับว่ายากจนไม่น้อย

“พี่ตงฟาง พี่รู้วิธีหาเงินหรือเปล่า”จูล่งถามพลางถามตงฟางที่เกาะอยู่บนไหล่ของตนเอง เพราะที่โรงเตี๊ยมไม่มีที่พักสำหรับม้า ตงฟางเลยแปลงกายเป็นรูปลักษณ์เหมือนงูที่มีขนสีขาวก่อนหน้านี้แทน

“กิ้ว…”ตงฟางส่ายหัวช้าๆ มันอยู่กับไป๋จูเหวิน เรื่องเงินทองไม่เคยเดือดร้อน มันจะไปทราบวิธีหาเงินได้อย่างไร แม้ในมิติของจูล่งจะมีของให้ขายได้มากมาย แต่น่าเสียดายในมุมมองของจูล่งมันไม่ทราบราคาของพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย

“ข้าคงต้องหาเงินเสียแล้ว ไม่อย่างนั้นคงพาผิงกั่วตามหาแม่ของนางไม่ได้”จูล่งพูดพลางนั่งลงบนเตียงข้างๆร่างของผิงกั่วที่กำลังหลับอยู่ด้วยท่าทีสบายใจ

หมับ…มือเล็กๆของผิงกั่วจับมาที่มือของจูล่งเข้าพอดี ทำให้จูล่งยิ้มออกมาพลางกุมมือของผิงกั่วเบาๆ

“ไม่ต้องห่วงเจ้าจะได้เจอแม่เจ้าแน่นอน”จูล่งรับปากกับผิงกั่วและตัวเอง พลางยิ้มบางๆออกมา แต่ในความเป็นจริงแล้วมันจะต้องหาเงินมาเพิ่ม ไม่อย่างนั้นเงิน 6 เหรียญเงินของมันยังไม่พอจะพาผิงกั่วไปเมืองถัดไปเสียด้วยซ้ำ และเสบียงที่มันมีก็ไม่น่าจะมากพอให้ใช้ได้นานขนาดนั้น

.

.

หลังจากผิงกั่วหลับไปแล้ว ไป๋จูล่งก็ฝากผิงกั่วเอาไว้กับตงฟาง ด้วยพลังของตงฟางยามนี้ไม่น่าจะมีใครเข้ามาทำอะไรผิงกั่วได้แน่ๆ ต่อให้คนของเถ้าแก่อู้ต๋งตามมาก็ตาม

“ยอดเลย ทุกคนใช้ชีวิตกันอย่างนี้นี่เอง”จูล่งว่าพลางมองสภาพตลาดยามค่ำที่มีผู้คนกำลังเดินไปเดินมากันแน่นขนัด ก่อนหน้านี้จูล่งยังไม่ทราบ แต่เมื่อรู้ว่าพวกเขากำลังค้าขายเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้ว จูล่งก็อดนับถือพวกพ่อค้าแม่ค้าในตลาดไม่ได้ ตัวจูล่งนั้นโตมาจนอายุ 15 ปีแล้วยังไม่เคยหาเงินด้วยตนเองเลยสักครั้ง น่าละอายใจจริงๆ

“แค่ลงแข่งก็ได้ 5 เหรียญเงินแล้วงั้นหรือ”ขณะจูล่งกำลังเดินในตลาด อยู่ๆก็ได้ยินเสียงชายคนหนึ่งกำลังพูดคุยกับสหายของมันที่ด้านหน้ากระดานขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง

“ไม่ไหวมั้ง การแข่งขันต้องมีแต่พวกผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณแน่ๆ ได้ 5 เหรียญเงินแล้วโดนพวกนั้นอัดเอาข้าขอผ่าน”ชายอีกคนว่าพลางมองไปบนป้ายขนาดใหญ่ที่ติดเอาไว้กลางตลาดเลยทีเดียว

“……”จูล่งได้ยินว่าสามารถหาเงินได้ก็พลันเดินเข้าไปดูทันที เนื้อหาบนกระดานนั้นบอกว่าในเช้าวันพรุ่งนี้จะมีการประลองที่จัดขึ้นโดยสำนักเก้าศิลา โดยผู้เข้าร่วมทุกคนจะได้รับเงิน 5 เหรียญเงินเป็นค่าตอบแทน นอกจากนี้ผู้ชนะอันดับ 1 ยังได้รับ 10 เหรียญทองเป็นเงินรางวัล อันดับ 2 ได้รับ 5 เหรียญทอง และอันดับ 3 ได้รับ 1 เหรียญทอง โดยการประลองคราวนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างสีสันกับงานฉลองครบรอบ 100 ปีสำนักเก้าศิลาเท่านั้น ไม่มีศิษย์ของสำนักลงแข่งแต่อย่างไร

“แค่เข้าร่วมก็ได้เงินแล้วงั้นหรือ”จูล่งกะพริบตาพลางมองป้ายประกาศตรงหน้าด้วยท่าทีสนใจ แม้จะไม่มั่นใจว่าพลังของตนเองจะสามารถสู้คนอื่นได้หรือไม่ แต่ได้ 5 เหรียญเงินมาฟรีๆเพียงแค่เข้าร่วมก็ทำให้จูล่งสนใจไม่น้อย หลังจากเข้าร่วมแล้วแพ้รอบแรกจูล่งค่อยเดินทางต่อก็ไม่เสียหาย ทำให้จูล่งยื่นมือไปหยิบใบประกาศมาแผ่นหนึ่งทันทีเพื่อจะเข้าร่วมการแข่งขัน

ฟุบ…อยู่ๆมือของจูล่งก็แตะโดนมือของผู้อื่นเข้าพอดี เพียงแต่คนผู้นั้นไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าเสียเท่าไหร่

“เจ้า…”หญิงสาวที่ขวางทางถนนก่อนหน้านี้พูดพลางมองมาทางจูล่งด้วยท่าทีประหลาดใจ

“พี่สาว ได้พบกันอีกแล้วนะขอรับ”จูล่งยิ้มพลางเลื่อนมือไปดึงใบประกาศมาใบหนึ่งตามที่ตั้งใจเอาไว้

“เจ้า…จะลงประลองด้วยงั้นหรือ”หญิงสาวถามพลางมองมาทางจูล่งนิ่ง

“ขอรับ ข้ากำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน ก็เลยอยากจะหาเงินนิดหน่อย”จูล่งยิ้มด้วยท่าทีเป็นมิตร การหาเงินนิดหน่อยของจูล่งนั้นคือการเข้าประลองแล้วรับเอา 5 เหรียญเงินมาเท่านั้น แต่สำหรับฝั่งตรงข้ามนางกลับไม่ได้คิดเห็นเป็นเช่นนั้นเลย

“งั้นหรือ”หญิงสาวว่าพลางมองจูล่งด้วยท่าทีเกรงๆ ตัวนางมีพลังระดับเทียนเซียนขั้นที่ 5 สมควรไม่มีคู่แข่งในการประลองนี้เสียด้วยซ้ำ นางพึ่งเดินทางออกจากสำนักไม่มีเงินติดตัวมาเลยแม้แต่น้อย นางจึงอยากจะใช้ช่องทางนี้หาเงินเสียหน่อย ไม่นึกว่าจะเจอไป๋จูล่งเข้า ระดับพลังเช่นมันยังเดือดร้อนเรื่องเงินได้อีกงั้นหรือ แต่จะว่ามันก็ว่าได้ไม่เต็มปากเพราะนางเองก็กำลังเดือดร้อนเรื่องเงินจนต้องมาประลองในงานที่จัดโดยสำนักอื่นเสียอย่างนั้น

“พี่สาว ท่านเองก็ลำบากเรื่องเงินเหมือนกันงั้นหรือ”จูล่งถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่คำถามของมันกลับทำให้หญิงสาวตรงหน้าลำบากใจไม่น้อย สำนักของนางคือสำนักร้อยบุปผา เป็นสำนักที่รับแต่ศิษย์สตรีเท่านั้นและยังเก็บตัวเงียบไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกอีกต่างหาก แต่เดิมพวกนางเก็บตัวเพียงเพื่อฝึกฝนวิชาอย่างเดียวเท่านั้น ไม่นึกเลยว่าต้องมาลำบากกับโลกภายนอกเช่นนี้

“ใช่ ข้าต้องใช้เงินจำนวนนี้เพื่อเดินทางตามหาอาจารย์ของข้า”หญิงสาวตอบพลางถอนหายใจออกมา สาเหตุที่นางต้องออกจากสำนักนั้นช่างน่าหัวเราะ เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะอาจารย์ของนาง หรือ เจ้าสำนักคนปัจจุบันนั่นเอง อยู่ๆนางก็เดินทางออกจากหุบเขาไปไม่บอกกล่าวเหล่าศิษย์เลยสักคำว่าไปไหน

“อาจารย์ของท่าน? ท่านหายไปไหนงั้นหรือ อยากให้ข้าช่วยตามหาหรือไม่”ไป๋จูล่งถามด้วยท่าทีประหลาดใจ อาจารย์หายตัวไปงั้นหรือ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

“ถ้าเจ้าเจอนางก็บอกนางด้วยแล้วกันว่าข้าหลานฮวากำลังตามหาอยู่”หลานฮวาว่าพลางถอนหายใจออกมา ความจริงเพียงนางหายตัวไปไม่ได้ทำให้เกิดเรื่องอะไรหรอก แต่เพราะหลังจากนางหายตัวไปแล้วสำนักผลาญสุริยันที่อยู่ในเขตแดนใกล้เคียงกันกับสำนักของพวกนางเกิดนึกอะไรไม่ทราบพยายามบุกเข้ามาโจมตีสำนักของพวกนางอยู่หลายรอบ แม้ตอนนี้จะยังต้านคนของสำนักผลาญสุริยันไว้ได้ แต่หากเจ้าสำนักของอีกฝ่ายลงมือพวกนางคงจะต้านกันไม่ไหว นางจึงอาสาออกตามหาอาจารย์เพื่อพาท่านกลับไปปกป้องสำนักให้ทันเวลา

“แล้วอาจารย์ของท่านมีรูปร่างเช่นไรหรือขอรับ”จูล่งถามพลางกะพริบตาปริบๆด้วยท่าทีจนใจ มันไม่รู้เสียหน่อยว่าอาจารย์ของหลานฮวาหน้าตาเป็นอย่างไร

“นางเป็นหญิงสาวที่งดงามมาก หากเจ้าได้พบก็จะทราบทันที”หลานฮวาตอบพลางนึกภาพของอาจารย์ นางเป็นหญิงสาวที่งดงาม และโดดเด่นอย่างมาก ต่อให้รวมความงามของศิษย์ทั้งสำนักก็คงยังเทียบนางไม่ได้

“งดงาม……”จูล่งทำหน้างุนงงออกมาทันทีจะใช้คำว่า งดงาม มาเป็นตัวระบุคนๆหนึ่งได้งั้นหรือ แล้วจูล่งจะทราบได้อย่างไรว่าใครงดงามกว่าใคร ตลอดเวลาที่ผ่านมาตัวมันเจอผู้หญิงมาไม่มาก ที่จำได้เด่นชัดก็มีเพียงท่านแม่ น้าจิ้งจอก พี่สาวซู และ ผิงกั่วเท่านั้น ส่วนคนต่อมาก็มีเพียงพี่สาวหลานฮวาตรงหน้านี่เอง

“ต้องงดงามกว่าพี่สาวอีกหรือขอรับ”จูล่งว่าพลางมองมาทางหลานฮวา แต่คำถามของมันกลับทำให้หลานฮวาหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย

“ชะ ใช่ นางงดงามกว่าข้ามาก และแข็งแกร่งกว่าข้ามากด้วย”หลานฮวาตอบพลางเบือนหน้าหนี นางอาศัยในสำนักมาตั้งแต่เด็กไม่เคยเจอผู้ชายชมซึ่งๆหน้าแบบนี้มาก่อน

“เอาเป็นว่านางชื่อ ซีหยวน หากเจ้าพบนางบอกนางว่าข้ากำลังตามหานางอยู่”หลานฮวาว่าพลางเดินหยิบใบประกาศเดินหายออกไปจากสายตาของจูล่งช้าๆ

ส่วนจูล่งนั้นก็ได้เพียงจดจำเอาไว้ เพราะถึงอย่างไรมันก็กำลังตามหามารดาของผิงกั่วอยู่แล้ว หากระหว่างทางได้เจออาจารย์ของหลานฮวาเข้าก็เพียงแวะบอกธุระกับนางเท่านั้นเอง