ตอนที่ 434 แขกของเจ้าสำนัก

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 434

แขกของเจ้าสำนัก

“…….”ในเช้าวันต่อมาหลังจากจูล่งลืมตาตื่น ตัวจูล่งก็พบว่าบนร่างของมันมีบางอย่างทับเอาไว้ หนึ่งคือร่างกายเหมือนงูของพี่ตงฟางที่ควรจะอยู่ดูแลผิงกั่ว ส่วนอีกร่างก็คือเจ้าตัวผิงกั่วเองที่แอบขึ้นมานอนกับจูล่งตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ แต่พอเห็นใบหน้าน่ารักน่าชังที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ตรงหน้าจูล่งก็ไม่คิดจะต่อว่าอีกฝ่ายแต่อย่างไร สมัยเด็กตัวจูล่งเองก็ชอบไปนอนกับท่านพ่ออยู่บ่อยๆนี่นะ

“น้องผิง ตื่นได้แล้ว”จูล่งว่าพลางเขย่าร่างของผิงกั่วเบาๆ ไม่นานนางก็ตื่นจากนิทรา ก่อนจะขยี้ตาของนางเบาๆด้วยท่าทีง่วงๆ

“อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะพี่จูล่ง”ผิงกั่วพูดด้วยท่าทียังไม่หายง่วง ท่าทีเช่นมนุษย์ธรรมดาเช่นนี้นับว่าแปลกตากับจูล่งไม่น้อยเลย แม้จูล่งจะโดนเลี้ยงดูมาให้กินและนอนตามเวลาปกติ แต่ก็ไม่เคยเห็นใครมีท่าทีง่วงๆแบบนี้มาก่อน

“น้องผิง ข้าจะไปร่วมประลองที่สำนักเก้าศิลาจัดขึ้น เจ้าจะรอข้าอยู่ที่นี่หรือจะไปกับข้าด้วย”จูล่งถามพลางมองผิงกั่วนิ่ง

“หนูจะไปด้วย”ผิงกั่วตอบแทบจะทันทีพร้อมกอดแขนของจูล่งแน่น เมื่อวานตอนจูล่งลงไปในตลาด นางเผลอตื่นขึ้นมาเสียก่อน ทันทีที่ทราบว่าจูล่งไม่ได้อยู่กับนาง ตัวผิงกั่วถึงกับร้องไห้ออกมาเสียงดังจนตงฟางต้องเข้ามาปลอบแล้วปลอบอีก แต่น่าเสียดายผิงกั่วฟังตงฟางไม่เข้าใจ นางร้องไห้จนกระทั่งจูล่งกลับมาเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าจะอย่างไรจูล่งก็เป็นคนเดียวที่นางสามารถพูดคุยได้ และเป็นเพียงคนเดียวที่นางไว้ใจอีกต่างหาก ขืนจูล่งทิ้งนางไปนางต้องร้องไห้จนตายแน่ๆ

“เข้าใจแล้ว งั้นเราไปกันเถอะ”จูล่งว่าพลางพาผิงกั่วออกไปจากโรงเตี๊ยม แน่นอนว่าทันทีที่จูล่งออกไป ห้องก็ถูกคืนให้กับโรงเตี๊ยมทันที นั่นเท่ากับว่าวันนี้จูล่งจะไม่มีเงินค่าที่พักจนกว่าจะเข้าร่วมการประลองนั่นเอง แน่นอนว่าจูล่งเพียงจะเข้าร่วมแล้วรับเงิน 5 เหรียญเงินมาเท่านั้น และได้แต่หวังว่าที่พักในเมืองถักไปจะราคาไม่แพงเท่าไหร่

.

.

.

“ยินดีต้อนรับทุกท่านที่เข้าร่วมสมัครในวันนี้”ทันทีที่จูล่งมาถึงสำนักเก้าศิลา จูล่งก็พบว่าจำนวนคนที่มาสมัครประลองนั้นมีจำนวนมากทีเดียว หากคาดเดาด้วยสายตาก็คงราวๆ 200 คนเข้าไปแล้ว

“เนื่องจากมีผู้เข้ามาร่วมประลองโดยหวังแต่เงินค่าเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ทางสำนักจึงต้องจัดแข่งขันรอบคัดเลือกเสียก่อน”อยู่ๆชายที่เอ่ยต้อนรับก็พูดเช่นนี้ออกมา คำพูดของมันทำเอาเหล่าผู้สมัครประลองหลายคนสะดุ้งกันเป็นแถวๆ แน่นอนว่าจูล่งก็เช่นกัน

“เราจะมีการประลองรอบคัดเลือก 2 รอบ โดยผู้แพ้ใน 2 รอบนี้จะไม่ได้เงินแม้แต่เหรียญเดียว”ชายหนุ่มว่าพลางมองลงมาเบื้องล่าง ตัวมันเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณ สามารถสัมผัสได้ว่าใครในที่นี้มีพลังวิญญาณบ้าง และคนส่วนใหญ่ในนี้ก็ไม่มีพลังวิญญาณกันทั้งสิ้น พวกมันส่วนใหญ่มาเพียงเพื่อแพ้การประลองและรับเงินเท่านั้น สำนักเก้าศิลาจึงต้องออกมาตรการเพื่อรับมือคนเหล่านี้เสียก่อน

“อะไรกัน”เหล่าผู้เข้าร่วมต่างมีสีหน้าตกใจและผิดหวังทันที คนส่วนใหญ่ที่ไม่มีพลังวิญญาณต่างมาเพื่อเอาเงินอย่างเดียวเท่านั้น แต่หากต้องเอาชนะก่อน 2 รอบถึงจะได้เงินพวกมันก็เท่ากับมาเสียเที่ยวนะสิ

“พี่ชาย เช่นนั้นข้าขอถอนตัวได้หรือไม่”ชายคนหนึ่งถามพลางยกมือขึ้น มันกะจะประกาศขอยอมแพ้ทันทีที่เริ่มประลอง และรับเงินกลับบ้าน เพราะตัวมันไม่มีพลังวิญญาณและต่อสู้ไม่เป็นเสียด้วยซ้ำ ต่อให้อีกฝ่ายเป็นคนธรรมดามันก็สู้ไม่ได้อยู่ดี

“แน่นอนว่าได้ ใครที่รับเงื่อนไขนี้ไม่ได้ก็สามารถถอนตัวได้ทันที”ชายหนุ่มที่เป็นคนของสำนักเก้าศิลาตอบ

“อะไรกัน แบบนี้ข้ากลับไปทำมาหากินดีกว่า”ชายคนหนึ่งพูดก่อนจะเดินออกไปจากลานหน้าสำนักทันที ทำให้คนเข้าร่วมเกือบ 200 คนหายไปกว่าครึ่งในพริบตา

“เหลืออยู่กี่คน”คนของสำนักเก้าศิลาพูดพลางหันไปถามสหายของมันที่อยู่ข้างๆ

“ราวๆ 60 คน”ชายคนนั้นตอบ จากจำนวนเกือบ 200 เหลือเพียง 60 คนเท่านั้น นับว่าผู้หวังเงินค่าเข้าร่วมเพียงอย่างเดียววนั้นมีมากมายจริงๆ

“เอาล่ะ จำนวนคนน้อยลงแล้ว ให้เหลือการประลองรอบทดสอบเพียงรอบเดียวก็พอ”คนของสำนักเก้าศิลาว่าพลางยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ในกลุ่ม 60 คนที่เหลืออยู่นั้นมีแต่เหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณทั้งสิ้น จะเหลือเพียงคนธรรมดาอยู่ไม่กี่คน แต่มันก็ไม่คิดว่าคนพวกนั้นจะผ่านรอบทดสอบมาได้หรอก

“แม่นาง แม่นางมาทำอะไรที่นี่งั้นหรือ”ขณะจูล่งกำลังรอเข้าร่วมการประลองอยู่ๆชายคนหนึ่งก็เดินเข้าไปหาหญิงสาวคนหนึ่งที่จูล่งค่อนข้างคุ้นตาทีเดียว นางคือคนที่จูล่งเจอที่ตลาดเมื่อวาน หลานฮวา นั่นเอง

“ข้าก็มาเข้าร่วมประลองกับคนอื่นๆยังไงล่ะ”หลานฮวาตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย ตัวจูล่งเห็นนางหยิบใบสมัครไปเช่นกันจึงไม่แปลกใจที่นางมาโผล่ที่นี่ด้วย

“ระดับพลังของแม่นางสูงส่งเช่นนี้ เกรงว่าแม่นางจะมารังแกพวกเรากระมัง”เป็นอย่างที่ชายหนุ่มว่า ระดับพลังของหลานฮวาอยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 5 เมื่อเทียบกับคนรอบๆแล้วนางพลังสูงกว่าลิบลับชนิดที่ว่าต่อให้คนของสำนักเก้าศิลาออกมาสู้เองก็ไม่ทราบจะชนะหรือไม่

“ข้ามีเหตุผลของข้าอยู่”หลานฮวาตอบพลางถอนหายใจออกมา นางไม่ค่อยออกมาเจอโลกภายนอก เห็นประกาศรับสมัครผู้เข้าร่วมประลองก็สมัครเข้าร่วม แม้จะคิดว่าคนที่มาสมัครไม่น่าจะมีคนระดับพลังสูงส่งอะไรมาก แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีแต่คนระดับต่ำๆเช่นนี้ ในเหล่าผู้สมัครทั้งหลายคนที่มีระดับพลังสูงสุดหากไม่นับจูล่งกับนางก็มีเพียงระดับชำระกระดูกเท่านั้น

“เหตุผลอะไรงั้นหรือ ทำไมแม่นางไม่ลองบอกพวกเราเสียหน่อยเล่า”ชายคนนั้นถามด้วยท่าทีสงสัย พวกมันไม่คิดหรอกว่าคนระดับหลานฮวาจะลำบากเรื่องเงินจนต้องมาประลองกับคนระดับต่ำๆเช่นนี้

“ข้าได้ข่าวว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเจ้าสำนักเก้าศิลาได้ต้อนรับแขกคนหนึ่งให้มาร่วมพิธีฉลอง ดูเหมือนนางจะเป็นหญิงสาวที่งดงามหาใครเปรียบและแข็งแกร่งจนน่าขนลุก ข้าเลยอยากจะพบนางให้ได้สักครั้ง”หลานฮวาตอบ แน่นอนว่าหากจำที่นางบอกลักษณะของอาจารย์ให้กับจูล่งเมื่อวานได้ แขกคนพิเศษท่านนี้ก็เหมือนจะมีโอกาสเป็นอาจารย์ของนางเช่นกัน นั่นคือเหตุผลที่ทำให้หลานฮวายังยืนอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่เพียงเรื่องเงินอย่างเดียวเท่านั้น แต่แน่นอนนางก็ยังอยากได้เงินสำหรับเป็นค่าเดินทางอยู่ดี

“เช่นนี้เอง”เหล่าชายหนุ่มรอบๆพยักหน้าเข้าใจ พวกมันคิดเอาว่าหลานฮวาเพียงต้องการเข้าไปในรอบการประลองจริงเพื่อพบแขกของเจ้าสำนักเท่านั้น ไม่ได้เคิดจะชนะเลิศแต่อย่างไร

.

.

การประลองในรอบทดสอบนั้นจัดขึ้นอย่างง่ายๆเพื่อประหยัดเวลา พวกมันทั้ง 60 คนจับหมายเลข ใครได้หมายเลขเหมือนกันก็จับคู่ประลองได้เลย คนที่ชนะจะได้เข้ารอบไปในรอบการประลองจริงทันที

“พี่จูล่ง พยายามเข้านะเจ้าคะ”ผิงกั่วที่นั่งอยู่บนหลังของตงฟางยกมือช่วยให้กำลังใจจูล่ง ทำให้จูล่งได้แต่ยิ้มบางๆออกมา ตัวมันไม่ทราบเหมือนกันว่าจะสามารถผ่านเข้ารอบได้หรือไม่ แต่ที่มันยังอยู่ไม่สละสิทธิ์เพราะมันยังเชื่อว่าตนเองพอจะมีความสามรถอยู่บ้าง

“เป็นพี่น้องที่น่ารักดีนี่”ชายตรงหน้าจูล่งว่าพลางกำหมัดแน่น มันเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับแรกเริ่มชั้นที่ 6 อ่อนแอเกือบจะที่สุดในกลุ่มผู้เข้าสมัคร เหตุผลที่มันยังไม่กลับไปเพราะยังมีคนไม่มีพลังวิญญาณฝืนอยู่หลายคน หากมันโชคดีเจอคนไม่มีพลังวิญญาณเข้าก็เป็นเรื่องง่ายใช่หรือไม่

“ขอบคุณขอรับ”จูล่งเห็นอีกฝ่ายชมก็ยิ้มรับอย่างดีอกดีใจ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ชมอย่างจริงใจเท่าไหร่ ทันทีที่เริ่มการประลองอีกฝ่ายก็ปล่อยพลังวิญญาณที่มีอยู่น้อยนิดออกมาก่อนจะพุ่งวาบเข้าไปหาจูล่งทันที

ผลัก….จูล่งขัดขาชายคนนั้นทันที ก่อนจะหวดฝ่ามือลงไปซ้ำอีกครั้งเพียงแต่….

“ยะ ยอมแล้ว”ชายคนนั้นว่าพลางหลับตาแน่น แม้มันจะมีพลังวิญญาณแต่ก็เป็นเพียงพ่อค้าในตลาดเท่านั้น ไม่เคยฝึกต่อสู้มาก่อน ทำให้จูล่งสามารถเอาชนะมาได้อย่างง่ายดายด้วยสีหน้างงๆ ส่วนทางด้านหลานฮวานั้นนางไม่จำเป็นต้องต่อสู้เสียด้วยซ้ำ คู่ต่อสู้ของนางเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับหลอมรวม ทันทีที่ทราบว่าตนต้องสู้กับหลานฮวาก็เหมือนรู้ชะตาตนเองเดินไปถอนตัวทันที ทำให้ทั้งจูล่งทั้งหลานฮวาผ่านเข้ารอบไปได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าจูล่งดีใจไม่น้อยเพราะเท่านี้ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะจูล่งก็จะได้เงินสำหรับเดินทางแล้วนั่นเอง

“พวกเจ้ารออยู่ที่ห้องนี้ก่อน หลังจากพิธีเปิดงานฉลองจบ ข้าจะเรียกพวกเจ้าออกไป”คนของสำนักเก้าศิลาว่าพลางพาเหล่าผู้ชนะการประลองกว่า 30 คนเข้ามารอในห้องรับรองที่อยู่ห่างจากลานพิธีไม่มาก อย่างที่ติดบนป้ายประกาศการประลองครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการแสดงในการเฉลิมฉลองของสำนักเก้าศิลาเท่านั้น

ตึงๆๆๆๆๆ หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน อยู่ๆเสียงกรองก็ดังขึ้นพร้อมกับเหล่าผู้คนที่เริ่มเดินทางเข้ามานั่งบนเก้าอี้ที่จัดเอาไว้ให้ล่วงหน้าแล้ว โดยแขกที่มาในวันนี้ต่างเป็นคนใหญ่คนโตของเมืองรวมทั้งเจ้าสำนักและศิษย์ของสำนักต่างๆอีกด้วย ทำให้งานฉลองครึกครื้นไม่น้อย

“…..”หลานฮวาที่อยู่ในห้องมีท่าทีกังวลไม่น้อย นางพึ่งได้ทราบข่าวเรื่องแขกของท่านเจ้าสำนักได้ไม่นานมานี้เอง ทำเอานางลุ้นไม่น้อยว่าจะเป็นอาจารย์ของนางหรือไม่ ทำเอานางทนรอให้คนของสำนักเก้าศิลามาเรียกตัวไม่ไหวแล้ว

“เชิญออกมาได้”คนของสำนักเก้าศิลาพูดพลางเปิดประตูออกเพื่อให้คนที่มาร่วมงานประลองออกมายืนที่ลานประลองตรงกลางงานพิธีพอดี

“ไม่ใช่..”หลานฮวาแสดงท่าทีผิดหวังออกมาทันที เพราะเมื่อออกมาที่ลานประลองนางก็มองหาเจ้าสำนักเก้าศิลาทันที ด้วยพลังที่โดดเด่นกว่าคนอื่นทำให้นางมองเห็นเจ้าสำนักได้ไม่ยาก เพียงแต่แขกที่อยู่กับท่านนั้นไม่ใช่อาจารย์ของนาง แน่นอนว่านางงดงามตามข่าวลือจริงๆ บางทีอาจจะงดงามกว่าอาจารย์เสียด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นหลานฮวาก็เป็นสตรีไม่ได้ตื่นเต้นกับความงามของนางเท่าไหร่ นางเพียงแสดงท่าทีเสียดายเท่านั้นที่นางไม่ใช่อาจารย์ของตน

“…….”ตรงกันข้าม คนที่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้แต่แรกอย่างไป๋จูล่งเมื่อได้สบตากับแขกของท่านเจ้าสำนักก็แสดงท่าทีตกตะลึงออกมาทันที ท่าทีของมันนั้นไม่ต่างจากชายหนุ่มคนอื่นๆที่มองแขกของท่านเจ้าสำนักด้วยใบหน้าตกใจกันถ้วนหน้า เพียงแต่สิ่งที่ทำให้จูล่งตกใจไม่ใช่ความงามของนางเหมือนที่คนอื่นๆรู้สึก

วูบ…จูล่งกระโดดวาบเข้าไปหาแขกของท่านเจ้าสำนักอย่างรวดเร็วท่ามกลางท่าทีตกใจของเหล่าศิษย์ในสำนัก แขกของท่านเจ้าสำนักนั้นได้รับความเคารพนับถือจากตัวเจ้าสำนักอย่างมาก ถึงขั้นเจ้าสำนักบอกว่าห้ามทำให้นางไม่พอใจโดยเด็ดขาดเลยทีเดียว แต่ยามนี้เจ้าเด็กจากไหนก็ไม่ทราบดันกระโดดเข้าไปหานางท่ามกลางสายตาของเหล่าศิษย์ในสำนักและแขกเหลือมากมาย

ตุบ…. ร่างของจูล่งลงมายืนอยู่ตรงหน้าแขกของท่านเจ้าสำนักทันทีด้วยใบหน้าตกใจ

“ท่าน….”จูล่งพูดพลางมองใบหน้างามของอีกฝ่าย นางงามดุจนางฟ้าลงมาเดินบนพื้นดินไม่มีผิด หากไม่ใช่เพราะมีเจ้าสำนักเก้าศิลาและผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณอีกหลายคนคอยยืมคุ้มกันชายหนุ่มคนอื่นๆก็คงอยากจะเข้าไปหานางทั้งนั้นไม่ใช่เพียงไป๋จูล่งแน่ๆ

“ท่านแม่…”อยู่ๆจูล่งก็พูดคำๆหนึ่งออกมาทำเอาคนรอบๆตกตะลึงยิ่งกว่าการกระทำของมันเสียอีก ท่านแม่? หรือว่าแขกของท่านเจ้าสำนักจะเป็นมารดาของเจ้าหนุ่มนี่กัน

“……..”แขกของเจ้าสำนักอึ้งไปทันทีเมื่อโดนอีกฝ่ายพูดเช่นนั้น นางไม่เคยโดนชายหนุ่มคนไหนพูดใส่เช่นนี้มาก่อนเลย

“ท่านแม่ ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ขอรับ”จูล่งว่าพลางโน้มตัวเข้าไปกอดหญิงสาวตรงหน้า ทำเอาหญิงสาวตรงหน้าสะดุ้งวาบ

เพี๊ย! ฝ่ามือของหญิงสาวตรงหน้าฟาดเข้าที่หน้าของจูล่งเข้าอย่างจังด้วยความโมโห ฝ่ามือประกายอัสนีที่ปล่อยออกมาด้วยพลังระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 5 ของไป๋หลินนั้นไวจนแม้แต่จูล่งยังหลบไม่ทัน เพียงแต่เกราะแมงมุมของทั้งคู่ต่างแข็งแกร่งไม่ต่างกัน ทำให้ฝ่ามือนี้ไม่ได้ทำให้จูล่งเจ็บเลยแม้แต่น้อย

“แม่พี่สาวเจ้าสิ ข้าไม่เคยมีลูกเสียหน่อย”ไป๋หลินต่อว่าจูล่งด้วยใบหน้าแดงก่ำ อยู่ๆอีกฝ่ายก็มาเรียกนางว่าแม่ ทำเอานางโกรธมากทีเดียว