บทที่ 349 แค่เตือนอย่างหวังดีเท่านั้น

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ออกัสขยับริมฝีปากบาง มุมปากมีรอยยิ้มที่แสนขี้เกียจ ดนัยเลิกคิ้วมองเขา “ดูเหมือนว่าชีวิตมึงจะมีสีสันดี สีหน้าดูแจ่มใสดี”

“แน่นอน” ออกัสตอบตามจริง ระหว่างทางซารางโทรมาด้วยน้ำเสียงอ่อนวัย ชวนให้หลงรัก

ดนัยทำเสียงจุ๊ๆพลางส่ายหน้า ขณะที่หัสดินกำลังเอนหลังบนโซฟาอย่างเกียจคร้านข้างหลัง ในมือถือแก้วไวน์ สีหน้ายากจะคาดเดา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

หลังจากนั้นออกัสและดนัยก็ไปเล่นสนุ๊ก หัสดินไม่ขยับ เอนตัวบนโซฟามองดูทั้งสองคน

หลังจากที่ดนัยเล่นไปหลายรอบ ก็ถึงจะเปลี่ยนให้หัสดินเล่น เขาเล่นได้นานกว่าครึ่งชั่วโมง

ความแข็งแกร่งและความอดทนของออกัสนั้นดีมาก สามารถสู้กันแบบหนึ่งต่อสองได้ หลังจากผ่านไปเกือบ 40 นาที หัสดินก็โยนไม้ลงบนโต๊ะพูลโดยใช้ข้ออ้างว่าจะไปฉี่ แถมยังลากดนัยที่ยังคงหอบไป

ชั้น 2 กับชั้น 1 เชื่อมถึงกัน หากยืนอยู่สุดทางเดินบนชั้น 2 ก็จะเห็นพื้นที่ทั้งหมดของชั้น 1 เข้าสู่สายตา

ขณะยืนอยู่ตรงนั้น นิ้วของออกัสคีบบุหรี่ สายตามองลงไปที่บาร์ชั้นล่างโดยไม่ได้ตั้งใจ

หน้าอกของเรนนี่แทบจะโผล่ออกมาน้อยๆ รอบๆมีผู้ชายที่ใจกล้า ชายหื่นอาศัยจังหวะนี้แต๊ะอั๋ง

จับมือเธอ อีกมือหนึ่งกลับจับที่เอวบางของเธอ สายตาจ้องมองตรงส่วนนั้นของเธอ

เห็นได้ชัดว่าเรนนี่ไม่เคยเห็นท่าทางแบบนี้มาก่อน แก้มขาวสะอาดของเธอแดงก่ำ ทำอะไรไม่ถูก รู้สึกโกรธ ไม่รู้ว่าต้องจัดการกับมันอย่างไร

ทันใดนั้นชายคนนั้นเริ่มจะเหิมเกริมขึ้นเรื่อยๆ มือค่อยๆลูบไล้สองเต้านุ่มนวลที่นูนออกมาของเธอ เรนนี่เริ่มทำอะไรไม่ถูก ท่าทางเธอดูบอบบางมากขึ้นซึ่งทำให้คนอดรู้สึกสงสารไม่ได้

ขณะที่ชายคนนั้นกำลังจะขยับเคลื่อนไหวต่ออีกขั้น ข้อมือที่ยกขึ้นก็ถูกคนคว้าจากด้านหลังอย่างกะทันหัน จากนั้นก็ถูกเหวี่ยงไปด้านข้าง

ปากเขาสบถออกมา แต่หัสดินกลับหมดความอดทน ดวงตาเขาขยับขึ้น ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบาร์พาเขาออกไป

จากนั้นก็มองเรนนี่ แล้วพูดสองคำว่า “ออกมา”

พูดจบหัสดินเดินไปข้างหน้า เรนนี่ยังไม่ได้จัดเสื้อผ้า รอยยิ้มที่มุมปากผุดขึ้นมาอย่างคาดเดาไม่ได้ แล้วเดินตามหลังเขาไป

เมื่อเดินไปถึงที่มุมเงียบ หัสดินก็หยุดฝีเท้าหันหน้ากลับมา สิ่งแรกที่เห็นคือหน้าอกนุ่มของเธอ ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย ขมวดคิ้วแล้วเลื่อนสายตาออก “คุณมาทำอะไรที่นี่?”

“ตามที่ประธานหัสดินเห็นค่ะ ฉันเป็นบาร์เทนเดอร์” ในชั่วพริบตาสีหน้าของเธอกลับมาอ่อนแออีกครั้ง แต่น้ำเสียงกลับไม่สุภาพ

“ผสมเหล้าแบบนี้เหรอ? เธอรู้มั้ยว่าผู้ชายคนนั้นจะทำอะไรเธอต่อไป?” เขาชี้ไปสภาพของเธอในตอนนี้

เรนนี่รีบสวมเสื้อผ้าให้ดีอย่างเขินอายและตระหนก แล้วจึงเงยหน้าขึ้น “ฉันต้องการเงิน โครงการไม่มีค่าคอมมิชชั่นแล้ว ฉันก็ย่อมต้องหาวิธีอื่น แม่ฉันเข้าโรงพยาบาล ฉันต้องการค่ารักษาพยาบาล”

คิ้วของหัสดินขมวดขึ้นสูงอย่างห้ามไม่อยู่ เขาไม่รู้ว่าเหตุผลที่เธอถึงพยายามดิ้นรนเพื่อให้ได้โปรเจกต์ก็เพราะเหตุผลนี้”

“ผมสามารถให้คุณได้ ลาออกจากที่นี่ซะ” เขากล่าว

เรนนี่ปฏิเสธ “ฉันไม่ต้องการเงินของคุณ พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉันจะหามันด้วยสองมือของฉันเอง”

“ทิปชดเชยที่เมาเหล้าครั้งนั้น จากนี้ระหว่างเราจะไม่ติดค้างกันอีก” หัสดินสูบบุหรี่ ยังไงซะก็เป็นคนที่เคยมีความสัมพันธ์กัน เขาไม่คิดว่าเธอที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาจะเดินเข้าห้อง

“ประธานหัสดิน ฉันไม่ได้ขายตัว ฉันยังมีงานต้องทำ ขอตัวนะคะ!” คำพูดของเธอสะอื้นเล็กน้อย ก้มหัวแล้ววิ่งผ่านเขาไปอย่างรวดเร็ว

หัสดินดูดบุหรี่เข้าลึกๆอีกครั้ง จากนั้นก็โยนก้นบุหรี่ทิ้งลงพื้น เหยียบมันให้ดับ แล้วกลับไปที่ห้องส่วนตัว

ทั้งสองดื่มเหล้ากันไปไม่น้อย ออกัสกำลังนวดคลึงหน้าผากเบาๆ ดนัยพูดด้วยน้ำเสียงบูดบึ้งว่า “นึกว่ามึงตกส้วมไปละ กำลังจะขี่ม้าขาวไปช่วยพอดี”

“มึงไม่ใช่เจ้าชาย กูก็ไม่ใช่สาวงาม จะลวนลามใคร โถส้วมเหรอ มึงคิดว่าเท้ากูสามารถยัดเข้าไปได้รึไง?”

หัสดินยิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีก พูดก็ไม่ดูความเป็นจริง เต็มไปด้วยเรื่องไร้สาระอย่างยิ่ง

ออกัสมองดูเวลา ตอนนี้สี่ทุ่มสี่สิบแล้ว จึงลุกขึ้น “กลับบ้าน”

ดนัยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เขาลุกตาม แต่หัสดินกลับนั่งลงบนโซฟา “พึ่งมาได้ไม่นานก็จะรีบไปแล้วเหรอ ดื่มอีก 2 ขวด”

“ยู่ยี่กำลังท้อง มึงดื่มให้น้อยๆหน่อย จากนี้ยังมีเวลาดื่มเหล้าอีกเยอะแยะ” ออกัสสวมเสื้อคลุม จัดคอเสื้อให้เรียบร้อย

เมื่อลงไปข้างล่าง เสียงเพลงดังจนแทบทะลุแก้วหูอยู่

ทันทีที่ผู้หญิงรอบๆเห็นผู้ชายที่โดดเด่นเช่นนี้ค่อยๆทยอยเดินมาก็ปรี่เข้าไปหาทั้งสามคน

คิ้วที่หล่อเหลาของออกัสขมวดขึ้น เขารำคาญและรังเกียจ สีหน้าก็เย็นชาราวกับฤดูหนาวอันหนาวเหน็บในเดือนสิบสอง ไม่มีแม้แต่ความอบอุ่นแม้เพียงนิด “ไปให้พ้น”

เขาแผ่พลังออกมา หญิงสาวเหล่านั้นต่างก็กลัว ไม่กล้าที่จะก้าวไปหาอีก

ดนัยเดินตามหลังเขามาติดๆ ถ้ากลับบ้านแล้วยัยปีศาจนาโนได้กลิ่นน้ำหอมบนตัวเขาแล้ว ต่อให้เขากระโดดลงไปในแม่น้ำเหลืองก็ไม่สามารถชำระความผิดได้

ทันใดนั้นสายตาของออกัสก็มองไปยังที่แห่งหนึ่ง ร่างสูงหยุดนิ่งอยู่กับที่ ดวงตาลึกก็หรี่ลงเล็กน้อย

ทิศที่เขามองอยู่คือเรนนี่…

เรนนี่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ก็เงยหน้าขึ้นพบกับสายตาที่ข่มขู่ของออกัส ไม่รู้ทำไม เธอกลับตกใจมากจนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ จึงรีบก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว ผสมเหล้าต่อ

เธอไม่เคยเห็นออกัสตัวเป็นๆมาก่อน แต่เคยเห็นในทีวีหลายครั้ง ไม่คิดเลยว่าดวงตาของเขาจะเฉียบคมราวกับดาบคมเช่นนี้

เธอรู้ว่าเพื่อนสนิทของยู่ยี่แต่งงานกับเขา ยู่ยี่ก็ย่อมรู้จักเขา

ดนัยยังคงไม่รู้ว่าเขากำลังมองอะไรอยู่ สีหน้าเขางงงวย แต่ออกัสก็ก้าวเดินอีกครั้ง

พนักงานดูแลรถได้นำรถของทั้งสามมาจอดไว้แล้ว หลังจากดนัยขึ้นรถ ขายาวของออกัสก็ก้าวไปข้างหน้าเดินไปหาหัสดิน “เรนนี่เลิกงานกี่โมง?”

หัสดินสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นยักไหล่ “กูจะรู้ได้ไง ตอนนี้พวกเราไม่ได้ติดต่อกันแล้ว”

“ไม่ข้องเกี่ยวกันดีที่สุด ความผิดพลาดบางอย่างสามารถเกิดขึ้นได้เพราะยังมีโอกาสที่จะแก้ไข แต่ความผิดพลาดบางอย่างไม่สามารถทำได้เพราะมันอันตรายถึงชีวิต สุดท้ายแล้วคนที่เสียใจก็คือตัวเอง…” เขาพูดอย่างมีความหมาย

“หมายความว่ายังไง?” หัสดินฟังออกอยู่บ้าง

“ไม่ได้หมายความว่าไง ยู่ยี่กับเรนนี่ แค่ให้มึงแยกแยะน้ำหนักความสำคัญก็เท่านั้น ยังไงมันก็เป็นเรื่องของมึง กูแค่เตือนด้วยความหวังดีเท่านั้น…”

ทันทีที่พูดจบออกัสก็รับกุญแจรถจากพนักงานดูแลรถ เข้าไปนั่งแล้วขับออกไป

ชีวิตและความรู้สึกของคนอื่นเขาไม่เข้าไปยุ่งด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่เคยชอบที่จะเข้าไปยุ่ง ขณะเดียวกันเรื่องนี้เขาจะไม่บอกเชอร์รีน

นั่นคือโลกอารมณ์ของผู้อื่น ไม่ว่าพวกเขาจะผ่านเหตุการณ์พลิกผันอะไรก็ตาม นั่นมันคือเรื่องของพวกเขา

ยู่ยี่เข้านอนเร็ว ร่างกายของผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ย่อมไม่สามารถเทียบได้กับร่างกายของคนทั่วไปได้

ตอนที่หัสดินกลับมา ยู่ยี่นอนหลับสนิทไปแล้ว ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เขาดื่มน้ำหนึ่งแก้ว กลับไปที่ห้องนอนและนั่งลง

ชุดนอนที่เธอสวมเป็นชุดนอนธรรมดาที่สวมอย่างมิดชิด อาจเป็นเพราะเธอกลัวหนาว ชุดจึงดูหนาไปหน่อย

ใจของหัสดินร้อนผ่าวขึ้นมา แต่พอเห็นชุดนอนบนตัวเธอ ความคิดนั้นก็จางหายไป

เขาหลับตาลงเล็กน้อย ไม่รู้ทำไมภาพของเรนนี่ตอนอยู่ในผับถึงลอยขึ้นมา

หลังจากนั้นเขาไปที่ห้องหนังสือตรงหน้าปรากฏภาพเรนนี่ใส่ชุดนอน ขาเรียวยาว เอวที่เพรียวบาง

วันถัดมา

ยู่ยี่ตื่นแต่เช้า เรียนการจัดดอกไม้ ลูกในท้องทำให้เธอมีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวมากขึ้น มีหลายสิ่งที่เธอทำไม่ได้

หัสดินก็ลุกขึ้น มองดอกไม้ มุมปากประดับด้วยรอยยิ้ม “สวยจัง”

“แน่สิ” ยู่ยี่มีสีหน้าภาคภูมิใจ “ก็ดูสิว่าใครเป็นคนเสียบ คุณไม่ไปกินข้าวเช้าเหรอ?”

“ผมจะไปกินเดี๋ยวนี้แหละ คุณภรรยา คุณอยากกินอะไร ผมยกมาให้คุณไหม?” หัสดินเอ่ยปากถาม

“ตอนเช้าฉันดื่มนมไปแล้ว ตอนนี้ไม่หิว คุณไปกินเองเถอะ แม่บ้านทำกับข้าวไว้เยอะมาก แล้วยังมีอาหารบำรุงที่แม่เอามาอีก”

หัสดินกอดเธอจากด้านหลัง จากนั้นเดินไปที่โต๊ะอาหารกินอาหารเช้า ดวงตาขยับเล็กน้อย “ภรรยา คืนนี้ผมอาจจะกลับดึกหน่อยนะ”

“ฉันเข้าใจแล้ว” ยู่ยี่พยักหน้า เธอจัดระเบียบเนกไทให้เขาขณะกำลังจะออกจากบ้าน เธอเขย่งปลายเท้าหอมแก้มเขาเบาๆ ส่งเขาออกบ้าน

หัสดินยิ้มจนตาดอกท้อหยี เขาโน้มตัวกอดเธออย่างใกล้ชิดแล้วจากไป

หลังจากตื่นจากการนอนกลางวัน เธอได้รับสายจากนาโนว่าคืนนี้ให้เธอไปผับโซ่สวาทเธออยากจะกลอกตาใส่ “เธอเคยเห็นผู้หญิงท้องคนไหนไปปาร์ตี้ที่ผับบ้างไหม?”

“ผู้หญิงท้องไม่ได้มีเธอคนเดียวเสียหน่อย ยังไงซะเชอร์รีนก็ไปด้วย พวกเธอสองคนนั่งกัน ส่วนฉันจะปาร์ตี้เอง โอเคไหม?”

ได้ยินเช่นนั้นยู่ยี่ก็ตอบตกลง ยังไงซะเชอร์รีนก็ไป บวกกับวันนี้หัสดินก็กลับบ้านค่อนข้างดึก เธออยู่บ้านคนเดียวก็น่าเบื่อ

เธอไปนั่งที่ผับ ดื่มน้ำผลไม้ พูดคุย ผ่อนคลายอารมณ์ตัวเอง

กลางคืน

ค่ำคืนในเมืองถูกลิขิตให้คึกคัก แสงไฟค่อยๆสว่างขึ้น แสงไฟหลากตาสวยงาม รถจอดลงหัสดินเดินเข้าไปในผับ

เรนนี่ยังคงกำหน้าที่เป็นบาร์เทนเดอร์ ชุดกระโปรงบนตัวเธอเป็นชุดกระโปรงสั้นรัดรูปคลุมสะโพกที่ทางผับจัดเตรียมไว้ให้

เธอสวมรองเท้าส้นสูงสูงสิบเซน หน้าอกใหญ่ สะโพกผาย ขายาว ผมยาวพาดบ่า

หัสดินเดินเข้ามาก็เห็นเธอในสภาพนี้ เขาไม่ได้ไปชั้นสองอีก แต่ไปที่ห้องส่วนตัวที่ชั้นหนึ่ง