ห้องส่วนตัวชั้นหนึ่งก็ตกแต่งอย่างหรูหรามากเช่นกัน โดยพื้นฐานแล้วแทบจะเหมือนกับชั้นสอง เว้นแต่กระจกด้านหน้าจะโปร่งใส นั่งอยู่ตรงนั้นจะสามารถเห็นทุกมุมของผับได้
หัสดินนั่งอยู่ตรงนั้น ตรงหน้ามีเหล้าวางอยู่ เรนนี่ย่อมสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ทันใดนั้นเรนนี่ดูเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ กระบอกเช็คเกอร์ตกลงไปที่พื้น แขนเรียวพยุงบนบาร์ไว้ ใบหน้าแดงก่ำ
ผู้ชายที่อยู่รอบตัวเธอแทบจะมองตากันเป็นตาเดียว ต่างต้องการไปข้างหน้า ยิ่งไปกว่านั้นบางคนก็ลวนลามเธอ เธอไม่เพียงไม่ขัดขืนแต่เธอยังเอาตัวไปแทบติดกับคนนั้น
หัสดินรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดวงตาหรี่ลง สั่งให้ผู้จัดการพาเธอกลับไปที่ห้องส่วนตัว
ดวงตาของเรนนี่พร่ามัว
“เธอเป็นอะไรไป?”
ผู้จัดการไอเบาๆแล้วพูดว่า “น่าจะถูกคนวางยาในเหล้าครับ”
“มียาอะไรที่สามารถระงับผลของยานี้ได้บ้าง?”
ผู้จัดการส่ายหน้า “ยาตัวนี้ทำขึ้นเป็นพิเศษโดยเฉพาะ มีโอกาสน้อยมากที่สามารถระงับได้ ไม่มีทางอื่นแล้วครับ”
“คุณออกไปเถอะ…” หัสดินโบกมือให้เขา
เรนนี่เดินเข้าไปเอาตัวแนบกับหัสดิน
เขาผลักเธอออกไปเล็กน้อยแล้วโทรหาเพื่อนคนหนึ่ง เขาเป็นหมอที่ย่อมรู้เรื่องนี้ไม่น้อย
เพื่อนหยอกล้อ “สรรพคุณยาชนิดนั้นใช้ทำอะไร ไม่มียาระงับได้ แล้วอีกอย่างสาวงามก็เป็นแบบนี้แล้ว ยังไม่รีบไปดับไฟอีก”
หัสดินวางสาย วางเธอลงในอ่างอาบน้ำซึ่งเต็มไปด้วยน้ำเย็น เรนนี่นอนอยู่ในนั้น
อีกด้านหนึ่ง
ในล็อบบี้ของผับโซ่สวาท ยู่ยี่และเชอร์รีนนั่งอยู่ตรงมุมห้องดื่มน้ำผลไม้ กินผลไม้อย่างว่างๆ
นาโนบิดตัวเต้นบนฟลอร์อย่างบ้าคลั่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวันนี้เธอคงโกรธแม่สามีเธออีกแน่ๆ ตอนนี้กำลังระบายอารมณ์
ยู่ยี่มองไปรอบๆ เสียงเพลงดังก้อง กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยมา ชายหญิงที่บ้าคลั่ง “ตอนนี้ฉันยิ่งไม่ชอบที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆแล้ว”
“เห็นด้วย หนวกหูเกินไป ตอนนี้ฉันเริ่มทนไม่ไหวแล้ว” เชอร์รีนจิบน้ำผลไม้ “นิสัยของเธอน่าจะคงที่แล้ว”
“ใช่ เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ไหว ความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้เป็นปัญหาที่ยากจะจัดการ แต่ตราบใดที่เงื่อนไขของแม่สามีไม่มากเกินไปก็ไม่มีอะไรที่จะต่อต้าน” ยู่ยี่พูด นาโนมีนิสัยทนโดนเอาเปรียบไม่ได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำว่า’ประนีประนอม’เขียนอย่างไร อย่างคำกล่าวที่ว่า เธออ่อน ฉันอ่อน เธอแข็ง ฉันยิ่งแข็งยิ่งกว่า
“ช่วยไม่ได้ นิสัยใจคอคนเรามันไม่เหมือนกัน สิ่งที่เธอกับพวกเราคิดย่อมไม่เหมือนกันแน่นอน”
ห้องส่วนตัว
หัสดินสูดหายใจเข้าลึกๆ หันตัว ขณะกำลังจะไป
เรนนี่กลับกอดคอเขา
เขาคำรามเสียงต่ำ เอื้อมมือไปโอบเอวบางของเธอ
…
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ความอดทนของยู่ยี่และเชอร์รีนถึงจุดสูงสุด ไม่สามารถนั่งนิ่งๆได้อีกต่อไป เสียงหนวกหูเกินไป และบางคนก็ยังสูบบุหรี่
ทั้งสองเดินตรงไปบีบแขนนาโนคนละข้าง ดึงเธอออกจากฟลอร์เต้นรำ เดินตรงออกไปนอกผับ
แต่สิ่งที่ทั้งสามไม่ได้สังเกตก็คือหลังจากที่พวกเขาเดินออกจากผับ หัสดินก็ออกมาตามหลัง ในอ้อมแขนอุ้มผู้หญิงคนหนึ่ง บนตัวเธอมีสวมเสื้อคลุมของเขาห่ออยู่
ทั้งสามไม่ได้ขับรถมา ดังนั้นจึงทำได้เพียงโบกแท็กซี่ เชอร์รีนและนาโนเข้าไปนั่งก่อน ยู่ยี่ท้องใหญ่ นั่งยาก
เธอโค้งตัวก้มหน้ากำลังจะเข้าไปนั่งด้านใน จังหวะที่เธอหันหน้าไปด้านข้างก็เห็นรถของหัสดินโดยบังเอิญ ที่นั่งข้างคนขับมีผู้หญิงนั่งอยู่
ยู่ยี่ขมวดคิ้ว ขณะจะหรี่ตามองอีกครั้งให้ชัด รถก็หายไปจากสายตา ไม่เห็นเงาอีก
หรือว่าเธอจะมองผิดไปเอง? ยังไงซะเธอก็ไม่เห็นเลขทะเบียนรถ เห็นเพียงรูปร่างภายนอกของรถ
“ยู่ยี่ แบกท้องโตขนาดนี้มองอะไรอยู่ ยืนอยู่ตรงนั้นอันตรายนะ รีบเข้ามานั่งข้างใน” เชอร์รีนมองรถที่วิ่งผ่านด้านข้างเธอด้วยความเป็นห่วง
“อ๋อ” หลังจากที่ได้สติ ยู่ยี่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากอีก แล้วเดินก้าวเข้าไปในรถ
ในทั้งเมืองSมีรถหลายคันที่มีลักษณะภายนอกเหมือนกัน ไม่สามารถมองเพียงภายนอกแล้วยืนยันว่าเป็นรถเขา เธอส่ายหน้า ไม่ได้คิดมากอีกต่อไป
หลังจากส่งเธอถึงประตูคอนโด เชอร์รีนก็ส่งนาโนที่ค่อนข้างเมากลับบ้าน เธอโบกมือส่งสัญญาณให้เธอเดินทางปลอดภัย
วันนี้แม่บ้านขอลาหยุดจึงไม่ได้เข้ามา พอเปิดประตูห้อง สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือความมืดสนิทและความเงียบ
พอเดินเข้ามา ยู่ยี่รู้สึกหิวบ้างแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่แค่เธอที่กินข้าวคนเดียว เธออุ้มท้องที่ใหญ่มาก เท่ากับกินกันสองคน จึงย่อมหิวเร็วกว่าปกติ
เธอต้มโจ๊กลูกเดือยง่ายๆ นั่งลงบนโซฟาพลางดูทีวีไปด้วยขณะกินโจ๊ก สายตาเหลือบไปด้านข้าง แสดงให้เห็นว่าตอนนี้เป็นเวลา 5 ทุ่มตรงแล้ว เธอขมวดคิ้ว กดโทรหาหัสดิน
แต่ทว่าเสียงที่ตอบกลับมาคือเสียงแจ้งเตือนว่า สายที่คุณโทรออกนั้นไม่สามารถรับสายได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่ในภายหลัง…
เธอวางโทรศัพท์ลง กะว่าอีกสักพักจะโทรอีกครั้ง ตอนนี้เธออยากไปอาบน้ำ บนตัวอบอวลไปด้วยกลิ่นควันบุหรี่ซึ่งทำให้รู้สึกไม่สบายตัว
…
ในวิลล่าแถบชานเมือง
จิตใจและอารมณ์กำลังอยู่ในความลุ่มหลง
สถานการณ์นี้ดำเนินไปชั่วขณะหนึ่ง ในที่สุดฤทธิ์ยาของเรนนี่ก็หมดลง เธอก็กลับมามีสติอีกครั้ง
ในตอนนี้ทั้ง 2 คนเงียบลง ไม่มีใครพูดอะไรเลย ทั้งห้องเงียบมาก จนได้ยินเสียงหายใจของกันและกันอย่างชัดเจน
หัสดินกำลังสูบบุหรี่ ควันบุหรี่ลอยขึ้นปกคลุมใบหน้าของเขา ไม่สามารถเห็นสีหน้าอย่างชัดเจนได้
หลังจากผ่านไปนาน เรนนี่ถึงจะเอ่ยปากพูด เสียงที่นุ่มนวลของเธอแฝงไปด้วยความเศร้า “อันที่จริง ฉันอยากจะอยู่กับคุณจริงๆ แม้ว่าจะไม่มีชื่อไม่มีสถานะทางกฎหมาย ก็จะไม่มีวันให้ใครรู้จักสัมพันธ์ของพวกเรา ฉันก็เต็มใจ แต่ฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้…”
“เอาอย่างที่คุณพูดเถอะ…” ทันใดนั้น หัสดินก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“อะไรนะ?” เรนนี่ตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร
“เอาตามที่คุณพูดเมื่อกี้นี้ ต่อไปนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเราจะเป็นแบบนั้น…” เขาดูดบุหรี่เข้าลึกๆ แล้วพ่นออกมาอีกครั้ง ตอนนี้ในใจรู้สึกร้อนใจไม่เป็นสุขอย่างผิดปกติ แต่กลับมีความรู้สึกเคลิบเคลิ้มและตื่นเต้นอย่างสุดที่จะพรรณนา
ถึงที่สุดก็ไม่สามารถกดความตื่นเต้นไว้ได้…
การควบคุมตนเองของผู้ชายบางคนนั้นเปราะบางมาก
เรนนี่ดีใจเอามือปิดริมฝีปาก น้ำตาไหลจากดวงตาออกมา “ฉันรู้ว่าต้องทำอย่างไร ไม่มีทางให้เธอรู้แน่นอน”
ดึกมากแล้ว แต่หัสดินไม่มีแผนที่จะค้างคืน จึงไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ
ว่ากันว่าประสาทสัมผัสด้านการดมกลิ่นของผู้หญิงนั้นละเอียดอ่อนมาก โดยเฉพาะผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ถ้าเสื้อผ้ามีกลิ่นผู้หญิงคนอื่นแม้เพียงนิดก็จะได้กลิ่นเลย เขาเป็นนักธุรกิจ นิสัยโดยธรรมชาติของเขาย่อมมีความรอบคอบและระมัดระวังตัว
เขาไม่ได้สวมชุดสูทตัวนั้นกลับมา ก่อนหน้านี้เขาเคยทิ้งเสื้อผ้าไว้ที่นี่ จึงหยิบชุดมาชุดหนึ่งมาเปลี่ยน
ตอนนี้มันดึกมากแล้ว ยังจะกลับไปอีก เรนนี่ย่อมรู้สึกไม่ชอบใจนัก แต่ใบหน้าของเธอไม่มีความไม่พอใจเลย กลับประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ กำชับให้เขาขับรถอย่างระมัดระวัง
ตอนนี้มันไม่ง่ายกว่าที่หัวใจเขาจะเอนเอียงมาข้างเธอ ในเวลานี้เธอยิ่งต้องแสดงออกอย่างใจกว้างและสงบ อะไรที่ควรปล่อยก็ปล่อย
ในแง่ของวิธีที่ทำให้ผู้ชายมาชอบ จุดแข็งในด้านนี้เธอดีกว่ายู่ยี่หลายร้อยเท่า ยู่ยี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอเลยด้วยซ้ำ
เช้าวันรุ่งขึ้น
ขณะที่ยู่ยี่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ หัสดินก็โอบเอวของเธอจากด้านหลัง เอาคางเกยบนไหล่ของเธอ “อยากได้คนใช้เพิ่มอีกสองคนไหม?”
“ตอนนี้ฉันไม่ค่อยเหนื่อยแล้ว รออีกสักพักท้องใหญ่กว่านี้ค่อยพามา” เธอให้เขายกอาหารไป
เขาลูบท้องเธอ หัสดินหรี่ตา มือใหญ่กำเป็นหมัด “เจ้าหนู ถ้ากล้าทำให้ภรรยาของฉันลำบาก คอยดูนะว่าถ้าคลอดออกมาฉันจะตีแกให้ดู!”
“นี่ลูกชายคุณนะ คุณจะตีเขาได้ลงเหรอ?” ยู่ยี่ลงใจแซว
“ตีลงสิ ภรรยาผมลำบากมาตั้งนาน ตีเขาสักหน่อยจะเป็นอะไร” แม้ว่าใบหน้าของหัสดินกำลังยิ้ม แต่ใจเขาก็ไม่มีใครเห็น
ความตื่นเต้นเคลิบเคลิ้มและความรู้สึกผิดอันปะปนกัน ราวกับตาข่ายหนาทึบคลุมเขาเอาไว้
“จริงสิ ช่วงนี้ผมต้องไปทำงานต่างเมือง คุณอยู่ที่นี่คนเดียวผมเป็นห่วง ไม่อย่างนั้นกลับบ้านไปอยู่กับแม่ที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ไหม?”
“ไปทำงานต่างเมือง…” ได้ยินเช่นนั้นยู่ยี่ก็รู้สึกผิดหวัง แต่การเดินทางก็เป็นเพราะเรื่องงานทางธุรกิจ เธอจะเห็นแก่ตัวไม่ได้ “ได้ ฉันรู้แล้ว จะไปทำงานที่ไหน?”
“เฮทเค…” เขาก้มหน้ากิน แต่ตากลับขยับเล็กน้อย
“กี่วันล่ะ?” เธอไม่ชินกับการอยู่ในบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์คนเดียว บ้านของตัวเองก็ไม่อยากกลับ ที่นี่ก็เงียบเหงาเกินไป
“ไม่นานมาก ผมจะรีบกลับมา จะปล่อยให้ภรรยาอยู่ที่นี่คนเดียวลงคอได้อย่างไร?”