ตอนที่ 586 เจ้าคนบ้าวิปริต

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีกวาดตามองโม่ซางคงและฉินปา นางเปิดปากกล่าวขึ้น “พวกเราตั้งกลุ่มมาก็ระยะเวลาหนึ่งแล้ว เมื่อมีประสบการณ์ก็ถือว่าพวกเจ้าสามารถปฏิบัติการเดี่ยวได้ เพราะฉะนั้น เวลาที่เหลือต่อจากนี้เริ่มปฏิบัติการเดี่ยวเถอะ”

“เจ้าจะทอดทิ้งข้างั้นรึ ?” สายตาของลูกผู้ชายอย่างฉินปาเปลี่ยนกลายเป็นไม่พอใจ

สีหน้ามู่เฉียนซีหม่นคล้ำลง นางกล่าว “หากพวกเจ้ายังติดตามข้า ข้าจะไม่ให้พวกเจ้าแย่งสัตว์ที่จะล่าได้แม้แต่ตัวเดียว ไม่เชื่อก็ลองดูได้”

โม่ซางคงกล่าวขึ้น “ร่วมปฏิบัติการกับพวกเจ้าก็ถูกโจมตีเสียยับเยินทุกคราไป ตอนนี้ควรปฏิบัติการเดี่ยวเพื่อหาความมั่นใจกลับมาให้ตัวเองก่อน”

ฉินปาเองก็คิดได้เช่นกัน “ก็จริง อย่างไรเสียเหลือเวลาไม่มากเท่าไรแล้ว ให้ข้าได้ปฏิบัติการเดี่ยวเพื่อแสดงฝีมือหน่อยเถอะ!” มู่เฉียนซีชี้ไปทางซ้ายก่อนจะกล่าว “อืม งั้นข้าเลือกไปทางนั้น ข้าไปก่อนล่ะนะ”

ในตอนนี้ เคล็ดวิชาย่างก้าวพันเงาของมู่เฉียนซีฝึกฝนมาจนถึงขีดสูงสุดแล้ว พวกเขาทั้งสองคนยังไม่ทันตั้งตัว มู่เฉียนซีก็หายวับไป

ถึงแม้ตอนนี้พวกเขาอยากจะวิ่งตามมู่เฉียนซีไปมากเพียงใด ก็คงทำได้เพียงแค่คิด

ฉินปากล่าว “ทำไมพี่ใหญ่มู่ถึงได้หนีไปไวเช่นนั้น พวกเราพูดกันแล้วนี่ว่าจะปฏิบัติการเดี่ยว แล้วนางยังจะหนีไปอย่างรวดเร็วเช่นนั้นอีกทำไม ?”

แน่นอนว่าโม่ซางคงคิดมากกว่าฉินปาที่มีสมองซีกเดียว เขาขมวดคิ้วมุ่น มองไปทางที่มู่เฉียนซีเพิ่งวิ่งไปก็รู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเป็นอย่างมาก

ทว่าเมื่อนึกถึงเหล่าอาจารย์ที่มาคุมสอบอยู่ในมุมมืด นางคงจะไม่มีอันตรายอันใดกระมัง

โม่ซางคงกล่าวขึ้น “ข้าก็ขอตัวไปก่อน เจ้าเองก็ระวังตัวด้วยล่ะ”

และแล้ว กลุ่มย่อยของพวกเขาในตอนนี้ก็แยกย้ายกันเป็นที่เรียบร้อย เงาร่างสีม่วงพุ่งผ่านส่วนกลางของป่าทมิฬไป สีของต้นไม้โดยรอบเข้มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ยิ่งเข้าใกล้ส่วนกลางของป่าทมิฬเข้าไปแล้วทุกที

ตรงจุดที่ห่างจากเขตอันตรายไม่มากนัก อาจารย์ที่คอยซุ่มคุมสอบอยู่นั้นล้วนอยากจะกระโจนออกไปดึงตัวมู่เฉียนซีเอาไว้มิให้นางเข้าไป

พวกเขากล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “สาวน้อยคนนี้ประมาทเสียจริง ตัวเองเป็นเพียงราชาแห่งภูตระดับแปดเท่านั้น ยังจะไปยังสถานที่เช่นนั้นอีก นั่นมันเสี่ยงชีวิตเกินไปแล้ว” “ก็ใช่น่ะสิ ถ้าหากว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นมา ข้าเกรงว่าพวกเราคงจะปกป้องนางไม่ได้”

จู่ ๆ มู่เฉียนซีรู้สึกว่ามีสายตากระหายเลือดจับจ้องนางอยู่ นางรู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นที่กำลังแผ่อันตรายออกมามากขึ้นทุกที

— ฟิ้ว! —

เสียงแหวกอากาศดังขึ้น มู่เฉียนซีเตรียมตัวที่จะหลบหลีกอยู่แล้ว แต่กลับพบว่าเป้าหมายของฝ่ายตรงข้ามนั้นไม่ใช่นาง กลับเป็นอาจารย์ผู้คุมสอบ เงาร่างสีแดงร่างหนึ่งที่ดูราวกับพยัคฆ์กระโจนไปทางอาจารย์ผู้คุมสอบสองคนนั้น “เจ้าเป็นใคร ?!”

พวกเขาเห็นดวงตาดุร้ายและยังไม่ทันที่จะได้ตอบโต้ก็เกิดการโจมตีก่อน

— ปัง! ปัง! —

พวกเขาทั้งสองกระเด็นลอยออกไปพลันสลบเหมือดคาที่ทันที

หากว่าเป็นนักเรียนธรรมดาทั่วไปก็คงไม่สามารถรับรู้ได้ถึงการที่เจ้านั่นเริ่มลงมือในความมืด แต่มู่เฉียนซีสามารถสัมผัสความผันผวนของพลังนั้นได้อย่างชัดเจน อาจารย์ผู้คุมสอบสองคนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน และต่อไปนี้ เป้าหมายของมันคือนาง

แย่แล้ว!

‘กลยุทธ์ทั้งสามสิบหกบท (ตำราพิชัยสงครามซุนวู) เรื่องการหนี ถือเป็นกลยุทธ์ที่ดี’ นางคิดในใจ

หลังจากที่มันผู้นั้นทำให้อาจารย์คุมสอบทั้งสองสลบแล้ว ไม่นานนักมันก็มาขวางทางนางอย่างรวดเร็วราวกับเสือลายดาวในทวีปแอฟริกาแห่งโลกปัจจุบัน

— กึก! —

มู่เฉียนซีหยุดฝีเท้าลง สายตาจ้องไปยังคนผู้นั้นเขม็ง

ร่างของมันทั้งสูงใหญ่ทั้งผิวดำ ดวงตาทั้งสองข้างของมันถูกผ้าสีดำคาดปิดเอาไว้ แต่ดวงตาทั้งสองข้างนั้นยังคงอยู่ในสภาพที่ดี และบัดนี้ มันเปล่งประกายฉายแววของสัตว์ดุร้ายออกมา ในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังมองมันอย่างพิจารณา มันเองก็มองมู่เฉียนซีอย่างพิจารณาด้วยเช่นกัน ด้วยรูปลักษณ์อันงดงามของนางที่หาชมได้ยากในโลกนี้ มันจึงแสยะยิ้มก่อนจะกล่าวขึ้น “สาวน้อย ความไวต่อความรู้สึกของเจ้ามีมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป เจ้าสามารถตรวจจับข้าได้”

“แต่เหยื่อที่ข้า เนตรดำอำมหิต หมายตาเอาไว้แล้ว ยังไงก็หนีไม่รอด!”

มู่เฉียนซีถอยร่นไปหลายก้าว นางถามขึ้น “เป็นใครกันที่ส่งเจ้ามา ค่าตอบแทนที่ฝ่ายตรงข้ามเสนอให้เจ้า ข้ายินดีให้มากกว่าสิบเท่า”

เนตรอำมหิตเลียปากก่อนจะกล่าวขึ้น “แต่ข้ารู้สึกว่าราคาที่มากกว่าถึงสิบเท่านั้น ไม่อาจสู้กับรสชาติอันโอชะของเจ้าได้ เช่นนั้น…”

สำนักศึกษาหนานเฟิงเตรียมการไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เหล่าอาจารย์รู้ว่ามีนักล่าเงินรางวัลอยู่ในป่าแห่งนี้ และพวกนั้นจะไม่ฆ่าคน แต่เนตรดำอำมหิตผู้นี้กลับไม่เหมือนกัน ตามหลักแล้ว สำนักศึกษาหนานเฟิงไม่ควรปล่อยให้เหตุผิดพลาดเช่นนี้เกิดขึ้น

มู่เฉียนซีกล่าว “ดูแล้วเจ้าตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะฆ่าข้าอย่างไม่มีทางกลับใจเลยนี่”

“ไม่… ไม่… ไม่!” เนตรอำมหิตส่ายหน้า

“สาวน้อยแสนสวยเช่นเจ้า ข้าจะไปฆ่าลงได้ยังไงกันเล่า ทะนุถนอมเจ้าอย่างดียังจะดีกว่า หวังว่าเจ้านั้นจะได้เรื่องอยู่บ้าง จงทนมีชีวิตอยู่ให้ได้สักเจ็ดแปดวัน อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ”

— ฟึ่บ! —

ปลายนิ้วของมู่เฉียนซีดีดเข็มยาเข็มหนึ่งออกไป

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพวกวิปริตมักในกาม แม้จะพูดมากกว่านี้อีกสักประโยคก็ยังเป็นการเปลืองน้ำลาย มีเพียงแต่ต้องต่อสู้เท่านั้น — ชิ้ง! —

เนตรอำมหิตชักดาบรูปทรงแปลกประหลาดออกมาหมายจะป้องกันเข็มยาของมู่เฉียนซีเอาไว้ และเขาทำได้เสียด้วย

สีหน้ามู่เฉียนซีหม่นคล้ำ ดาบนั่นคือดาบเกี่ยวกระดูก มันเป็นเครื่องมือเอาไว้ทรมานมนุษย์

เนตรอำมหิตแค่นเสียง “สาวน้อยเจ้าซุกซนนักนะ! ใช้อาวุธลับได้แบบนี้ ข้อกระดูกมือขวาของเจ้าจะต้องงดงามอย่างมากเป็นแน่ เอามันออกมาให้ข้าดูซะ”

เงาร่างสีดำพุ่งตรงไปทางมู่เฉียนซี

“เสี่ยวหงอู๋ตี้ พวกเจ้าทั้งสองออกมาเดี๋ยวนี้!” เมื่อต้องเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่ง มู่เฉียนซีต้องเรียกสัตว์พันธสัญญาของนางออกมา

— ตูม! —

คราวนี้อู๋ตี้ไม่ได้กล่าวคำพูดที่ใช้เปิดตัวเป็นประจำในแบบของมัน มันกลายร่างเป็นแมวขาวร่างยักษ์และฝ่ามือแมวก็ตบไปทางเนตรอำมหิตอย่างแรง

“เพลิงเผาสวรรค์!”

ฉับพลันทันใด เพลิงไฟบรรลัยกัลป์สีแดงฉานของเสี่ยวหงก็ลุกลามมา เนตรอำมหิตตีหลังกากลับหลังถอยไปหลายตลบกว่าจะสามารถหลบเพื่อไม่ให้โดนไฟคลอกได้ เขาหรี่ตาเล็กลงอย่างอันตราย “สาวน้อย ดูเหมือนว่าข้าจะดูถูกเจ้าเกินไป เจ้ามีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามถึงสองตัว อืม… การจะจับตัวเจ้ามิได้ง่ายดาย”

อู๋ตี้ “พูดมาก! เจ้ากล้าที่จะมาขัดโอกาสนายท่านของข้า เจ้ารอกระดูกแตกละเอียดวิญญาณแหลกสลายเลยแล้วกัน” เสี่ยวหง “เจ้าแมวบ้า อย่าได้ใจไปนัก ถึงแม้เจ้าหมอนี่จะดูเหมือนเป็นจักรพรรดิยอดยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับเก้า แต่กลิ่นอายที่อันตรายของมันไม่เหมือนระดับนั้นแม้แต่น้อย”

— กรึบ! —

เมื่อมู่เฉียนซีได้ยินเสียงเหมือนกระดูกหลุด ร่างของเนตรอำมหิตที่อยู่ตรงหน้าสูงขึ้นมาในทันใด

อู๋ตี้รีบกล่าวอย่างไม่ชอบใจ “เจ้าหมอนี่กลายร่างเป็นตัวใหญ่ตามข้า มันลอกข้า น่าเกลียด น่ารังเกียจจริง ๆ!”

“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว ในตอนนี้ มันคือมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับสาม เจ้าคุ้มกันนายท่านหนีไปเร็ว ข้าจะถ่วงเวลามันเอาไว้ให้เอง” — ตูม! —

กลางป่าทมิฬ พลันเกิดพลังแกร่งกล้าของระดับมหาจักรพรรดิขึ้นมา ทำให้อาจารย์ใหญ่ที่อยู่ในที่ลับตะลึงงัน

“เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมถึงได้มีพลังแข็งแกร่งของระดับมหาจักรพรรดิอยู่ในนั้นได้ ?”

แม้เขาจะเป็นอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาที่เป็นสำนักนิกายระดับหนึ่ง แต่พลังความสามารถของเขา อย่างมากก็เป็นเพียงมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งเท่านั้น ในป่าทมิฬแห่งนี้ ปรากฏมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับสามขึ้นมาหนึ่งคนถือว่าแย่มาก นั่นมิใช่อะไรที่เขาจะสามารถต่อกรด้วยได้

พลังนี้กระหายเลือดอย่างบ้าคลั่ง อีกฝ่ายต้องไม่ใช่คนดีเป็นแน่

เขาตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “รีบกระจายข่าวออกไปเร็วเข้า บอกว่าการสอบจำลองในครั้งนี้สิ้นสุดลงก่อนกำหนด ให้นักเรียนทุกคนรีบออกมาโดยไว ไป! ไปเร็ว!”

“ส่วนเจ้า เจ้าจงไปตรวจสอบอย่างละเอียดว่าทำไมในป่าทมิฬแห่งนี้ถึงได้มีมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับสามปรากฏตัวขึ้นมาได้”

เมื่อข่าวถูกปล่อยออกไป นักเรียนทั้งหมดล้วนแต่อยู่ในความตื่นตระหนกฮือฮา ทว่าชิงฮุ้ยในเวลานี้ที่ถูกคุ้มกันออกมาโดยยอดฝีมือนั้น ใบหน้าของนางกลับแฝงรอยยิ้มเยาะเย้ย

“เหอะ ๆ มู่เฉียนซี ต่อให้เจ้ามีความสามารถล้นฟ้า แต่เมื่อเจอกับคนบ้าวิปริตเช่นนั้น คราวนี้เจ้าไม่รอดแน่”