ตอนที่ 587 แสดงตัวอย่าง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

— ปัง! —

เสี่ยวหงถูกเนตรอำมหิตตบกระเด็น

“นายท่านรีบไป!” อู๋ตี้พามู่เฉียนซีวิ่งตัดเข้าไปที่ส่วนกลางของป่าทมิฬอย่างรวดเร็ว

ระหว่างทาง นางโปรยผงพิษเอาไว้ไม่น้อย ทว่าพิษเหล่านี้มีผลกระทบต่อคนระดับอย่างเจ้าบ้านั่นน้อยมากจริง ๆ

ให้ตายสิ!

“หึ ๆ แม่สาวน้อย เจ้าจะเล่นซ่อนแอบกับข้าอย่างนั้นรึ ? ไม่เป็นไรข้ามีความอดทนพอและจะค่อย ๆ เล่นเป็นเพื่อนเจ้าเอง” เนตรอำมหิตยิ้มร้าย พลันเงาร่างของเขากะพริบวูบวาบตามมู่เฉียนซีไปอย่างรวดเร็วไม่ลดละ ดวงตาก็จับจ้องนางอย่างไม่ละสายตา

สีหน้ามู่เฉียนซีหม่นหมองลง “เจ้าหมอนี่เป็นไอ้โรคจิตแท้ ๆ เขาใช้เคล็ดวิชาลับเช่นนี้เพื่อเพิ่มพลังให้แก่ตนเอง และมิต้องสงสัยเลยว่ามันจะต้องได้รับความทรมานจากเคล็ดวิชานั้น แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใส่ใจในเรื่องนี้เลยสักนิด” — ฟึ่บ! —

เสี่ยวหงไม่สามารถหยุดเขาเอาไว้ได้ เนตรอำมหิตไล่ตามมาอย่างรวดเร็วขณะที่มือหยิบฉวยเอามีดหลากชนิดออกมา ไม่นานนักเสี่ยวหงก็ถูกล้อม

— ซึ่บ! —

เพียงเวลาไม่นาน ทั้งตัวของเสี่ยวหงเต็มไปด้วยบาดแผล ความเจ็บปวดของการโดนดึงเอ็นถลกหนังมันก็แค่เท่านี้เอง

เสี่ยวหงไม่ร้องออกมาสักคำ มันกลับกล่าวขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว “ลองแตะต้องนายท่านข้าดูสิเจ้าบ้า!” อู๋ตี้เองก็หงุดหงิดอย่างที่สุด “เจ้ามันไอ้ตัวน่ารังเกียจ!”

“นายท่านไปก่อน ไม่ต้องเป็นห่วงพวกข้า พวกข้ามีเนื้อหนังหนาหยาบด้าน เราไม่ตายง่าย ๆ แน่”

แมวสีขาวตัวใหญ่ราวกับภูเขามหึมาตัวหนึ่งยืนกันท่าเอาไว้

มู่เฉียนซีมองเนตรอำมหิตด้วยใบหน้าเย็นยะเยือก มันจ้องตอบ ปากก็กล่าวกับนางว่า “ฮ่า! ข้านั้นชอบสายตาอย่างนี้นักแลแม่สาวน้อยเอ๋ย มันช่างได้ใจจริงเชียว!”

“แต่เจ้าอยากฆ่าข้า นับว่ายังห่างไกลอีกมาก!” “ทักษะซวนตี้!”

แม้แต่ทักษะซวนตี้ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้น สำหรับยอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิ มันไม่ได้เจ็บหรือคันแม้แต่น้อย

ทันใดนั้น ลมพายุพัดมา พาเอาร่างมู่เฉียนซีปลิวลอยไป

— ปัง! —

มู่เฉียนซีตกกระแทกลงบนยอดไม้พร้อมกับที่นางได้ยินเสียง ‘กร๊อบ!’ ซึ่งเป็นเสียงที่แสดงว่ากระดูกซี่โครงของนางหักไปแล้วเรียบร้อย ที่เลวร้ายไปกว่านั้น ส่วนอื่นของร่างกายนางยังได้รับบาดเจ็บด้วย

แม้บนหน้าผากของนางจะเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่มู่เฉียนซีก็กัดฟันทนเอาไว้ “อ๊าก! เจ้าบ้า เจ้ากล้าทำร้ายนายท่าน รนหาที่ตายนักนะ!”

อู๋ตี้พุ่งกระโจนเข้าไปอย่างคลุ้มคลั่ง มีดโค้งรูปทรงประหลาดหลากชนิดตอบโต้โดยบินเข้ามาล้อมมันไว้ มันถูกมัดเอาไว้ด้วยพลังชีวิต ในทันใดนั้น ร่างอ้วนใหญ่ของมันเต็มไปด้วยแผลถลอกปอกเปิกแทบจะเรียกได้ว่าเลือดอาบ

ขนสีขาวดั่งหิมะของมัน บัดนี้ถูกย้อมเสียจนเป็นสีแดงฉาน

การต่อสู้ในวันนี้เป็นการต่อสู้อันตรายที่สุดนับตั้งแต่พวกเขาเดินทางออกจากทวีปเซี่ยโจวมาอย่างแน่แท้

“อาถิง!” “เจ้าสุกรนอนตาย รีบทำอะไรเข้าเร็ว!”

อาถิงไม่มีการตอบสนองแต่อย่างใด มู่เฉียนซีเริ่มเครียด พลังวิญญาณทั้งหมดของนางในวันนี้ สามารถทำได้เพียงกระบวนท่าสุดท้ายท่าเดียวเท่านั้น นางเอากระบี่มังกรเพลิงที่หลอมขึ้นมาใหม่ออกมา เนตรอำมหิตยิ้มและกล่าวขึ้น “สาวน้อย เจ้านี่มีความอดทนไม่เลวเลยนะ ยังสามารถที่จะจับกระบี่ขึ้นมาได้อีก”

“มาสิ! ฟันข้าสักแผล ข้าจะไม่หลบเลย” เนตรอำมหิตมองมู่เฉียนซีราวกับหนูที่ดิ้นรนหนีตาย

มือของมู่เฉียนซีกำกระบี่เอาไว้แน่น นางเลือดไหลเยอะมากจนมันย้อยไปชโลมที่ตัวกระบี่ กลิ่นคาวเลือดกระตุ้นกระบี่มังกรเพลิงเข้าให้ บัดนี้ทั้งตัวของมันส่งเสียงร่ำร้องต้องการสังหารเจ้าคนบ้าที่ต้องการสังหารผู้เป็นนายของมัน มันจะดูดกินวิญญาณของเจ้านั่นจนหมดสิ้นไม่ให้เหลือซาก มู่เฉียนซีใช้พลังวิญญาณที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด กวัดแกว่งกระบี่มังกรเพลิง นางพยายามรวบรวมกำลังส่งเสียงอันเย็นชาออกไป “มังกรเพลิงสังหาร!”

มังกรเพลิงสีแดงเข้มพุ่งตรงไป จิตสังหารอันเย็นยะเยือกนั้น ทำให้เนตรอำมหิตตะลึงอยู่บ้างเล็กน้อย “โอ้ว! เป็นกระบี่ที่ไม่เลวเลย! เจ้าอ่อนแออยู่แท้ ๆ แต่กลับสามารถใช้พลังที่มีอยู่ใช้กระบวนท่าเช่นนี้ได้”

แม้ว่ามู่เฉียนซีจะประสบความสำเร็จในการใช้ท่ามังกรเพลิงสังหาร แต่เจ้าเนตรอำมหิตนั่นเพียงแค่ใช้มือปัดก็สามารถป้องกันท่ามังกรเพลิงสังหารได้แล้ว

ร่องรอยของประกายไฟแผดเผาเสื้อผ้าของมัน ทว่ามันไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด สายตาของเนตรอำมหิตตกไปที่กระบี่มังกรเพลิง มันยิ้มพลางกล่าวขึ้นว่า “สาวน้อย เอากระบี่เล่มนั้นมาให้ข้าดีไหมล่ะ ?”

ทันทีที่มันกล่าวจบ พลันเกิดเสียง ‘แกรก!’ ขึ้นตรงกระบี่มังกรเพลิง

เนตรอำมหิตเลิกคิ้ว “อ้าว กระบี่หักไปแล้ว น่าเสียดายจริง ๆ”

สายตาของมันมองต่ำลงไป ได้เห็นปลายกระบี่บนตัวกระบี่ที่ดูประหลาด ทว่ามันกลับยิ้มออกมา “หากว่าข้าเดาไม่ผิด สิ่งที่ร้ายกาจที่สุดของกระบี่เล่มนี้คือปลายของมันกระมัง! ส่วนอื่นที่เหลือล้วนแต่ธรรมดาทั่วไป”

เขาก้มหน้าลงคิดจะเก็บปลายกระบี่ มู่เฉียนซีรีบห้าม “หยุด!”

ทว่าไม่ทัน กระบี่มังกรเพลิงตกไปอยู่ในมือของเนตรอำมหิตเสียแล้ว มันยิ้มพลางกล่าวขึ้น “สาวน้อย ทีนี้เจ้าก็ไม่มีสิ่งของใดที่สามารถหยุดยั้งข้าได้ เจ้าต้องกลายเป็นของข้า เนตรอำมหิต และแน่นอนว่าของของเจ้าก็ต้องเป็นของของข้า”

เมื่อตกอยู่ในมือของคนบ้า กระบี่มังกรเพลิงดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง

ณ ตอนนี้ราวกับเนตรอำมหิตสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณของกระบี่มังกรเพลิง นั่นยิ่งทำให้เขาเพิ่มความสนใจมากขึ้นไปอีก

“หืม น่าสนใจยิ่งนัก!” เขาสะบัดมือ โยนกระบี่มังกรเพลิงเข้าไปในแหวนมิติของตัวเองแล้วเลื่อนสายตามองไปทางมู่เฉียนซี “สาวน้อย ตอนนี้เจ้าไม่มีเรี่ยวแรงเหลือให้ดิ้นรนอีก เช่นนั้นก็ให้ข้าแสดงความรักกับเจ้าดี ๆ เถอะ”

ขณะที่มือของเขากำลังคว้าเข้ามาใกล้ มู่เฉียนซีรวบรวมแรงที่เหลืออยู่ดันร่างให้ถอยไปด้านหลัง นางเห็นแล้วว่าที่ด้านหลังนั้นเป็นเนินเขาไม่สูงมากนักลูกหนึ่ง

— กุก! กุก! กุก! —

— แควก! — เศษหินเศษอิฐบนเนินเขาฉีกเสื้อผ้าและผิวของนางขาดให้ทิ้งรอยเลือดไว้ระหว่างทาง นางสามารถหนีได้เพียงระยะสั้น ๆ เท่านี้เอง เนตรอำมหิตไม่วาย เดินตามมาอย่างช้า ๆ ยิ้มยียวนกวนใจก่อนจะกล่าวขึ้น “สาวน้อย เจ้าอย่าดิ้นรนหนีตายเลย ทำเช่นนี้จะทำให้ตัวเจ้าเองนั้นเหมือนตุ๊กตาแหลกสลาย ความงดงามเจ้าพลันหายหมดนะ”

มู่เฉียนซีทำเหมือนกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด นางเก็บข่มไว้ จ้องมองใบหน้าเนตรอำมหิตด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “อย่างไรเสียข้าก็หนีไม่พ้น ต้องตกอยู่ในมือของเจ้าแล้ว เจ้าเองก็ให้ข้าได้ตายอย่างหายข้องใจ บอกข้ามาเถอะว่าใครกันที่ส่งเจ้ามาฆ่าข้า ?”

เนตรอำมหิต “จะยังมีใครอีกหากมิใช่คุณหนูชิงฮุ้ยแห่งหอชิงลั่ว นางได้ยินถึงความชอบของข้าจึงบอกข้าว่าที่ป่าทมิฬแห่งนี้มีสตรีผู้ที่เหมาะกับความชอบของข้าอยู่ ข้าก็เลยมาที่นี่ แต่ไม่คิดว่าเรื่องที่นางให้มานั้นจะตรงเผง สาวน้อย เจ้าเป็นเหยื่อที่ข้าชอบมาก” ชิงฮุ้ย… เป็นนางอย่างที่คิดเอาไว้

มู่เฉียนซีถามขึ้น “เหยื่อรึ ? สิ่งที่เจ้าเรียกว่าเหยื่อนั้นคืออะไรกันแน่ ?”

“แน่นอนว่าคือเด็กสาวที่ทั้งหน้าตาสะสวยมากพรสวรรค์อย่างเช่นเจ้า ตั้งแต่ก่อนจนถึงวันนี้ เจ้านั้นเป็นเหยื่อที่งดงามที่สุดเท่าที่ข้าเคยพานพบ ข้าจะนำความรู้ที่สูญหายไปทั้งหมดที่ข้ามีออกมาแสดงความรักต่อเจ้า เจ้ารู้สึกซาบซึ้งมากเลยใช่หรือไม่เล่า ?!”

“อ่า! ใช่แล้ว ข้าว่าเจ้าคงยังไม่เข้าใจว่าความรู้ที่สูญหายไปคืออะไร ข้าจะแสดงตัวอย่างให้แก่เจ้าเอง อืม… เอาไอ้ตัวเล็กนั่นเป็นตัวอย่างก็แล้วกัน”

พูดจบคำ เขาพุ่งเข้าไปจับสิงโตตัวเล็กมาตัวหนึ่ง

มู่เฉียนซีมองไปยังสถานที่ที่เขาจับสิงโตน้อยไป ที่แห่งนั้นมีสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีอีกหนึ่งต้น และมันเป็นสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีที่ไว้ใช้สกัดยาหยินหยางไร้ขั้นเสียด้วย หามาตั้งนาน ในที่สุดก็หามันพบเสียที

ทว่าตอนนี้ ตัวนางตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย สภาพก็ย่ำแย่ไม่สามารถที่จะเก็บสมุนไพรนั้นหอบวิ่งไปได้

แต่…

ดวงตาของมู่เฉียนซีฉายแววความหวังอันริบหรี่ บางทีในตอนสิ้นหวังอย่างที่สุด สวรรค์อาจช่วยชี้ทางให้ แต่ก็ไม่รู้ว่านางมีโชคเช่นนั้นหรือไม่