บทที่ 513 ภายในและภายนอกบ้าน

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 513 ภายในและภายนอกบ้าน
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง ลูเซียนก็ถามขึ้น “เมื่อความเร็วและพลังงานของอนุภาคพัฒนาขึ้น รัศมีของพื้นที่ก็จะใหญ่ขึ้นตามๆ กัน อย่างไรก็ตาม ศักยภาพของเครื่องไซโคลตรอนมีจำกัด และเพื่อทำลายกรอบนี้ เจ้าจะต้องพัฒนาความสามารถด้านเวทมนตร์เกี่ยวกับอวกาศ หรือสร้างเครื่องไซโคลตรอนขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ซึ่งเกินรัศมีสิบกิโลเมตร”

หากพวกเขายังไม่เข้าใจปัญหาชัดเจน ลูเซียนก็ตั้งใจจะหลอกพวกเขาด้วยข้ออ้างนี้ไปก่อน

“อาจารย์ขอรับ เราไม่ได้หมายความแบบนี้” สปรินต์รีบพูดแทรกขึ้น “ตามข้อมูลจำเพาะของเครื่องไซโคลตรอนในสถาบัน เราได้คำนวณพลังงานอนุภาคปที่เราเข้าถึงเชิงทฤษฎี แต่ค่อนข้างแตกต่างจากความเป็นจริง อนุภาคเบี่ยงเบนจากสนามความเร่งเร็วกว่าที่จะถูกเร่งจนถึงระดับนั้นมาก เห็นได้ชัดว่าวงโคจรและความถี่ของการเปลี่ยนแปลงสนามไฟฟ้าไม่สอดคล้องกัน ซึ่งมันแปลกมาก เหมือนที่แอนนิคบอกขอรับ วงโคจรไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับประจุไฟฟ้า มวล และความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กเท่านั้น?”

แอนนิคอธิบายเสริม “เราตั้งใจจะปรับความถี่ของการเปลี่ยนแปลงสนามไฟฟ้าเพื่อปรับความเปลี่ยนแปลงของวงโคจร เพื่อให้พลังงานของอนุภาคพัฒนาได้ดียิ่งขึ้น แต่ว่า เรายังขาดความรู้เรื่องการคำนวณวงโคจรใหม่ เราจึงหวังว่าท่านอาจารย์จะบอกเราได้ว่าท่านได้ค้นพบปรากฏการณ์นี้ตอนประดิษฐ์เครื่องไซโคลตรอนหรือไม่ และท่านช่วยชี้ให้เราเห็นต้นตอปัญหาของเราได้ไหมขอรับ”

ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะพบปัญหาที่แท้จริงแล้ว ลูเซียนพยักหน้าเบาๆ “แอนนิค เจ้าเป็นคนรอบคอบมาก ตอนนี้ที่เจ้ากล้ายกประเด็นนี้ขึ้นมา ย่อมหมายความว่านี้เป็นปรากฏการณ์จริงที่ถูกทดสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ว่าข้าจำใจต้องเข้าไปในมิติดินแดนใหม่หลังจากประดิษฐ์เครื่องไซโคลตรอน และข้าก็ยังไม่ได้ทำการทดลองอะไรเลย ข้ายังไม่สามารถอธิบายอะไรได้ เราคงต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้ไปพร้อมกัน”

“สูตรเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของอนุภาคในสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้าดูเหมือนจะถูกต้องแล้ว สูตรพวกนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วก่อนหน้านี้ เราต้องหาปัจจัยอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดปัญหานี้”

“อัตราเคลื่อนที่เร็ว” ไฮดี้แทรก นางได้ฟังปัญหานี้มาบ่อยครั้งจากปากแอนนิคและสปรินต์

สปรินต์คิดใคร่ครวญและพูดว่า “พลังงานก็พัฒนาขึ้น และรัศมีของพื้นที่กว้างขึ้น”

ลูเซียนโบกมือ “แก่นสำคัญของอย่างหลังก็คือการเพิ่มความเร็ว ลองพัฒนาปัจจัยที่แตกต่างกันของการทดลองทั้งสองช่วง นี่บอกได้หรือไม่ว่าสูตรนี้ใช้ไม่ได้อีกต่อไป หรือว่ามีลักษณะจำเพาะอื่นของอนุภาค เช่น ประจุไฟฟ้าและมวลจะเปลี่ยนแปลงเมื่อมีความเร็วสูงหรือพลังงานสูง?”

ลูเซียนระงับอาการตกตะลึงไว้ เขาตั้งใจจะยกประเด็นให้เหล่าจอมเวทได้พิจารณา เพื่อให้พวกเขาได้เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษในภายหลัง

“ฮ่าๆ ไม่น่าเป็นไปได้? ยิ่งเร็ว และยิ่งใหญ่ มวลประจุไฟฟ้าจะยิ่งมากกว่าได้อย่างไร?” ไฮดี้ทำหน้าบูดบึ้ง “การเพิ่มความเร็วจะเปลี่ยนมวล ลักษณะภายในวัตถุได้อย่างไร?”

สปรินต์กับแอนนิคก็คิดเห็นเหมือนกัน พวกเขาเชื่อว่าส่วนของพลังงานถูกแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าที่มีพลังงานสูง สำหรับทั้งสองคนแล้ว แม้ว่าจะไม่สามารถใช้สูตรได้ในสภาพความเร็วสูง สูตรพวกนี้ก็ยังมีคุ้มค่าที่จะศึกษาเสียยิ่งกว่ามุกตลกที่ว่ามวลจะมีขนาดใหญ่ขึ้นได้

“ยังมีเวลาพอจนกว่าจะถึงสิ้นเดือน เจ้าต้องศึกษาคำถามนี้และเขียนบทความ ข้าจะขอให้ท่านดรัมมอนด์ตีพิมพ์บทความของเจ้าในวารสารอาร์คานา” ลูเซียนจบการสนทนาหัวข้อนี้และสอบถามเรื่องการศึกษาของเจอโรมและคนอื่นๆ ต่อ

อย่างไรก็ตาม ภายในเวลาเพียงสองเดือนนี้ ผลงานของสถาบันอะตอมน่าประทับใจมากทั้งการค้นพบ ‘สภาพตัวนำยิ่งยวด’ และ ‘สัมพัทธภาพ’ โดยธรรมชาติแล้ว ไม่พบผลการศึกษาสำคัญๆ ในการทดลองอื่น แม้ว่าเจอโรมจะสนใจเรื่องธรรมชาติและการใช้รังสีเอกซ์ แต่การค้นพบอาจกลายเป็นคำสาปเรื้อรังเมื่อมีพลังงานปลดปล่อยออกมา

หลังจากการตรวจสอบสถาบันอะตอมแล้ว ลูเซียนก็เดินทางกลับไปยังนครเรนทาโตด้วยรถไฟไอน้ำเวทมนตร์ เพื่อรองานราตรี

จอห์น ชายหนุ่มร่างสูง ผมสีทอง หน้าตาหล่อเหลา ถูกเหล่าข้ารับใช้สาวๆ จับตามอง ขณะที่เขาลาดตระเวนในปราสาทเนคโซ

“จอห์น หมดกะของเจ้าแล้ว ถึงเวรข้าออกตรวจแล้ว” เฟนจ์เข้ามาเปลี่ยนเวรกับจอห์นเมื่อถึงเวลาวิกาล นาตาชาสั่งประจำการอัศวินที่ติดตามนางมายังราชอาณาจักรโฮล์มไปยังจุดสำคัญๆ ในปราสาทเนคโซ “เวรเจ้ากลับไปควบคุมห้องสอบสวนของปราสาทเนคโซ อย่าไปหลงเสน่ห์สาวๆ ชาวโฮล์มล่ะ ลืมไปได้เลย”

จอห์นตบบ่าเฟนจ์พร้อมกับรอยยิ้ม “ข้าไม่ทำตัวเหมือนเจ้าหรอกน่า? เอาล่ะ ข้าจะพาครอบครัวไปที่คฤหาสน์ จัดที่จัดทางให้เรียบร้อยก่อน”

จอห์นเข้าไปหาโจเอล อะลิซ่า และไอเวินในห้องๆ หนึ่งของปราสาทเนคโซ ทั้งสี่คนเดินตามข้ารับใช้นางหนึ่งไปยังคฤหาสน์ที่นาตาชามอบให้กับพวกเขา

“สถาปัตยกรรมแนวย้อนยุคและสง่างาม แตกต่างจากศิลปะของอัลโต้อย่างสิ้นเชิง” โจเอลสำรวจคฤหาสน์ของครอบครัวอย่างอารมณ์ดี และไม่เสียใจเลยที่ต้องห่างจากบ้านเกิดเมืองนอน เขามัวแต่ชื่นชมภูมิทัศน์อันแปลกตาของดินแดนต่างประเทศ

ไม่เพียงศิลปินอย่างโจเอลเท่านั้น อะลิซ่าก็สังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบและก็พูดขึ้นด้วยความพึงพอใจ “ว่าแล้วเชียวคฤหาสน์ที่ราชวงศ์ประทานให้ ใหญ่โตหรูหรากว่าบ้านของเรามาก”

ขณะเดินทางส่วนที่ดอกไม้บานสะพรั่งไปจนถึงประตูทางเข้า ข้ารับใช้ก็คว้ากุญแจทองแดงออกมาด้วยท่าทีขวยเขิน แล้วนางก็ดันผนังออกอย่างชำนาญ หลังจากเสียงไขกุญแจ ห้องโถงก็สว่างไปด้วยแสง คริสตัลก็ส่องแสงสว่างระยิบระยับ ขับไล่ความมืดออกไป

ภาพที่เห็นตรงหน้าจับใจโจเอล อะลิซ่า และทุกคน ห้องโถงของพวกเขาเองสว่างไสวราวกับเป็นกลางวัน สง่างามและสุกสว่างรากกับหุบเขาวิมานที่ไร้ราตรีกาลในพระคัมภีร์

เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังตกตะลึง ข้ารับใช้สาวก็กล่าวบรรยายอย่างภูมิใจ “ท่านบารอน ที่ท่านเห็นคือหลอดไฟคริสตัลที่มีเฉพาะในโฮล์มเท่านั้นนะคะ หลอดไฟรับพลังงานมาจากกระแสไฟฟ้าที่ส่งมาจากแม่น้ำที่อยู่ไกลออกไป การใช้งานก็ง่ายมากค่ะ ท่านเพียงแค่ต้องกดปุ่มเท่านั้น”

ในฐานะข้ารับใช้ของราชวงศ์ นางเป็นเสมือนตัวแทนของราชินี นางไม่อาจเรียกหลอดไฟพวกนี้ว่าหลอดไฟเวทมนตร์อย่างที่คนทั่วไปเรียกกันได้ แต่ต้องเรียกด้วยชื่ออย่างเป็นทางการ

ขณะชี้ไปยังปุ่มที่เรียงรายตรงข้างประตู ข้ารับใช้นางนี้ก็สาธิตวิธีการใช้งานให้เจ้าของบ้านคนใหม่ดู

ขณะที่หลอดไฟคริสตัลค่อยๆ ติดขึ้นทีละดวง ดูเหมือนดวงดาวกำลังส่องแสงเป็นประกายอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้อย่างสง่างาม จอห์น โจเอล อะลิซ่า และไอเวินต่างกำลังงงงวย คิดว่าตัวเองอยู่ในความฝัน

“ไม่น่าเชื่อ ข้าตกหลุมรักที่นี่แล้วเสียแล้ว” ไอเวินซึ่งโตเป็นผู้ใหญ่มาสักระยะหนึ่งแล้วก็ยังมีความอยากรู้อยากเห็นตามแบบคนวัยหนุ่มสาว เขากำลังคิดว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้โอ้อวดเพื่อนๆ หลังจากกลับไปยังอัลลิน

ข้ารับใช้เดินนำทั้งหมดเข้าไปยังห้องโถงแล้วชี้ไปตรงบาร์ใกล้กับห้องอาหาร แล้วนางก็บอกว่า “ผนังสีส้มตรงนั้นเปิดออกได้นะคะ ด้านล่างเอาไว้เก็บไวน์และอาหาร ขณะที่ด้านบนจะคอยทำน้ำแข็งค่ะ ถ้าท่านใส่น้ำแข็งลงในไวน์ ท่านจะได้ดื่มด่ำกับรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์และลืมความร้อนของฤดูร้อนไปเลย”

ขณะกำลังพูด นางก็เปิดตู้เย็นเวทมนตร์ที่สร้างฝังไว้ในกำแพง “แล้วก็มีห้องเก็บไวน์ที่ชั้นใต้ดินของคฤหาสน์ ใช้พลังงานจากกระแสไฟฟ้าเหมือนกันค่ะ คนทั่วไปก็สามารถมีอุปกรณ์แบบนี้ได้ด้วยค่ะ”

นางกำลังพูดกับโจเอลและอะลิซ่า

“ว้าว สุดยอดเลย! ห้องน้ำแข็งใต้ดินดูบ้านนอกไปเลยถ้าเจอกับพวกนี้!” ไอเวินชื่นชมและทั้งหยิบไวน์ออกมาขวดหนึ่งพร้อมกับน้ำแข็ง จนรู้สึกว่าความร้อนของฤดูร้อนสลายไป

“นี่คืออะไรกัน?” จอห์นสงบสติลงและถามอย่างครุ่นคิด

ข้ารับใช้สาวยิ้ม “ผู้ประดิษฐ์ตั้งชื่อไว้ว่า ‘ตู้เย็น’ ตู้เย็นมีราคาสูงและยังไม่ได้ผลิตจำหน่าย แต่ตอนนี้ พวกท่านเป็นเพียงไม่กี่คนที่ได้ใช้นอกจากองค์ราชินีและขุนนางระดับสูงไม่กี่คน”

“ที่ว่า ‘ท่าน’ เจ้าหมายถึงอัศวินทุกนายที่ติดตามองค์ราชินีมาใช่ไหม?” จอห์นถาม แสร้งทำเป็นไม่สนใจ

ข้ารับใช้ยิ้มแต่ไม่ตอบออกมา นางยังคงพาชมคฤหาสน์ต่อไปและแนะนำสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมใหม่ๆ ในบ้าน พร้อมทั้งชี้ให้เห็นกล่องสีเงินที่แขวนไว้อยู่ทุกมุมในบ้าน

สิ่งที่ทำให้โจเอลและอะลิซ่าประหลาดใจก็คือกล่องพวกนี้จะเป่าลมที่มีอุณหภูมิต่างๆ กันออกมา และสร้างความเย็นสบายตราบเท่าที่ปุ่มบนผนังถูกกดลง

ก่อนที่เดินชมทั่วทั้งคฤหาสน์ ก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้น

“อะไรกัน?” จอห์นและไอเวินถามแม่บ้าน ขณะกำลังมองไปยัง ‘สัตว์ประหลาด’ เหล็กบนโต๊ะที่มีตัวเลขต่างๆ กำกับไว้

ข้ารับใช้ทำท่าให้เขาหยิบวัตถุรูปร่างเหมือนเป็นแท่งขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม “น่าจะเป็นสายของท่าน ท่านบารอน”

จอห์นหยิบวัตถุชิ้นนั้นขึ้นมาด้วยความสับสนและก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเฟนจ์ดังก้องในหู “จอห์น เจ้าหรือเปล่า?”

“ใช่ ข้าเอง เฟนจ์ นี่มันอะไรกัน?” จอห์นถามด้วยความไม่รู้

เฟนจ์ตอบด้วยความถูกอกถูกใจ “นี่เป็นโทรศัพท์วิเศษของโฮล์มที่ช่วยให้สามารถสื่อสารโดยตรงกันได้ระยะไกล สุดยอดสิ่งประดิษฐ์เลย! ถ้ามีอะไรผิดปกติ ข้าจะสามารถบอกเจ้าได้ในทันที”

เขาดูเหมือนกำลังได้รับคำแนะนำเดียวกันอยู่ที่ปลายสาย

“ขุนนางและพ่อค้าส่วนใหญ่ในเรนทาโตมีโทรศัพท์แบบนี้กันทั้งนั้นค่ะ รายชื่อผู้ติดต่อดูจากตรงนั้น ท่านสามารถโทรติดต่อพวกเขาได้เลย ถ้าต้องการอะไร” ข้ารับใช้ชี้ไปยังสมุดบันทุกที่วางอยู่ข้างๆ ‘โทรศัพท์’ พร้อมกับรอยยิ้ม

“เอาล่ะ” จอห์นอยากจะจัดระเบียบความคิด หลังจากได้เห็นสิ่งประดิษฐ์มากมายพร้อมๆ กัน

หลังจากแนะนำเหล่าข้ารับใช้ ข้ารับใช้ของราชวงศ์ก็กลับออกไป บ้านทั้งหลังก็กลับมาเงียบอีกครั้ง

อุปกรณ์พวกนี้น่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์แบบง่ายๆ เขาเป็นคนสร้างหรือ? จอห์นกำลังพิจารณา พอเข้าเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นความสงสัยอยู่ในแววตาของโจเอลเหมือนกัน

ทันใดนั้น อะลิซ่าก็พูดขึ้นเสียงเบาๆ “ที่นี่คือโฮล์ม เจ้าคิดว่าอีวานส์อยู่แถวนี้ไหม?”

“ถึงอยู่แล้วจะทำอะไรได้? เราจะเจอเขาได้หรือ? ราชานีเพิ่งผ่านการราชาภิเษกจากศาสนจักร นอกจากนี้ เราทรยศเขาไปแล้วก่อนที่…” โจเอลพูดออกมาอย่างขมขื่น

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ดวงตาของอะลิซ่าก็แดงระเรื่อ นางพูดอะไรไม่ออก

อีกทางหนึ่ง จอห์นก็เงียบและถอนหายใจออกมา

ไอเวินที่ยังไม่สามารถปลุกพลังโลหิตได้กลับไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร “เราก็แค่ทำตามที่พี่อีวานส์บอกให้เราทำ แล้วสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ก็อยู่ทุกหนทุกแห่งในโฮล์ม นักเวทคงใกล้ชิดกับพวกขุนนางมากๆ”

ขณะที่พูด เขาก็ปรับคลื่นความถี่ของวิทยุที่เขาพบ

“ไม่ต้องสนใจว่าขุนนางคนอื่นทำอะไร เราเป็นคนนอก เราไม่มีใครหนุนหลัง เราต้องคิดถึงเกียรติยศขององค์ราชินีเป็นสำคัญ” จอห์นอธิบายอย่างครุ่นคิด

ทันใดนั้น เสียงที่สดใสราวกับเสียงนกร้องเพลงก็ดังก้องออกมาจากวิทยุ “… ท่านลูเซียน อีวานส์ สมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา ได้กลับมาจากมิติดินแดนใหม่โดยสวัสดิภาพ เขาประณามพวกหัวรุนแรงของกลุ่มหัตถ์ไร้ชีวาถึงความดื้อด้าน และข่าวลือว่ากลุ่มหัตถ์ไร้ชีวาปั่นหัวนักเวทศาสตร์มืดที่ไม่รู้ความจริงให้กระจายออกไป ข่าวลือดังกล่าว ความจริงที่ถูกบิดเบือน เป็นคำกล่าวให้ร้ายต่อท่านอีวานส์และสภาเวทมนตร์ เขาเรียกร้องให้ทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับสภาสูงสุด ซึ่งมีท่านประธานดักลาสเป็นศูนย์กลาง”

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เราจะเล่าให้พวกท่านฟังกัน…”

“สมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา…” จอห์นพูดทวนตำแหน่ง

โจเอลและอะลิซ่าก็พูดพึมพำ “ลูเซียน อีวานส์…”

ภายนอกคฤหาสน์ ดวงไฟดับลงทีละดวงๆ ท่ามกลางเงามืด ลูเซียนจ้องมองหน้าต่างที่สว่างไสว ขณะมือกำลังล้วงอยู่ในกระเป๋า คิดทบทวนว่าเขาควรเข้าไปหาลุงโจเอลในสถานการณ์เช่นนี้หรือไม่

“เฮ้อ” หลังจากถอนหายใจเบาๆ ลูเซียนหันหลังกลับและค่อยๆ เดินมุ่งหน้าไปยังหอคอยเวทมนตร์ราชสำนักโฮล์ม