บทที่ 514 เหตุวิปลาศยามวิกาล

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 514 เหตุวิปลาศยามวิกาล
สภาเวทมนตร์แห่งราชสำนักโฮล์มตั้งอยู่ในเขตที่พำนักของขุนนาง ลูเซียนใช้เวลาไม่นานก็เดินทางมาถึงหน้าประตู เขาถอดหน้ากากออกและเข้าไปยังหอคอยหลังจากผ่านการตรวจสอบ

ยามค่ำคืนเริ่มมืดลงทุกขณะ แต่หอคอยเวทมนตร์กลับดูมีชีวิตชีวาเสียยิ่งกว่าตอนที่ลูเซียนมาเมื่อครั้งก่อน เนื่องจากราชินีเป็นชาวอัลโต้ ‘เมืองแห่งเพลงสวด’ ก็ยังต้องดูกันต่อไปว่าทัศนคติต่อนักเวทจะเปลี่ยนไปหรือไม่ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย นักเวทที่อาศัยอยู่ในนครเรนทาโตก็พาครอบครัวโยกย้ายมายังนครอัลลิน ส่วนบางคนก็ซ่อนตัวอยู่ในหอคอยเวทมนตร์ราชสำนักโฮล์ม

ตอนนี้มื้ออาหารค่ำเพิ่งเสร็จสิ้น นักเวทจับกลุ่มกันกลุ่มละสองสามคนเดินไปเดินมาหรือพูดคุยหารือกันอยู่ในห้องโถง เสียงหัวเราะด้วยความร่าเริงของเด็กๆ ดังให้ได้ยินเป็นครั้งคราว

รีเบคกากำลังสนทนากับนักเวทกลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุอยู่สองสามคนเกี่ยวกับ ‘ระบบการเล่นแร่แปรธาตุสมัยใหม่’ ที่ได้รับนิยมสูงสุด เมื่อนางเห็นชายหนุ่มสวมหมวกทรงสูงคนหนึ่งเดินผ่านประตูเข้ามา สายตาของนางก็จ้องเขม็งในทันที และนางก็อุทานออกมาด้วยตื่นตระหนกและตกใจ “สวัสดีค่ะ ท่านอีวานส์”

เสียงของทั้งห้องโถงเงียบลง ทุกคนหันไปมองลูเซียนและทักทายเขาทีละคนๆ “สวัสดี ท่านอีวานส์”

พวกเขาต่างให้ความแสดงความเคารพอย่างสูง จนดูเหมือนพวกเขาไม่ได้กำลังพบกับนักเวทที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบห้าปี แต่เหมือนกับบุคคลสำคัญชั้นตำนาน

ลูเซียนสัมผัสได้ถึงทัศนคติที่เปลี่ยนไปของนักเวทกลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุและสาขาโฮล์ม พวกนักเวทเคยให้ความเคารพและอิจฉาเขาในอดีต แต่ตอนนี้พวกเขากำลังศรัทธาและบูชาเขา ราวกับว่าเขาเป็นมหาจอมเวทหรือนักเวทชั้นตำนาน

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะระบบการเล่นแร่แปรธาตุสมัยใหม่?

ลูเซียนมองไปยังสุภาพสตรีที่ทักทายเขาเป็นคนแรก พยักหน้าและตอบกลับ “ไม่เจอกันนานเลยนะ รีเบคกา”

‘ความผิดพลาด’ ของนางเคยทำให้ลูเซียนได้เข้าร่วมในประชุมประจำปีว่าด้วยธาตุและการเล่นแร่แปรธาตุ ซึ่งบทความเรื่องตารางธาตุของเขาได้รับอนุมัติจากราเวนติ ฉะนั้น ลูเซียนจึงจำนางได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ นางก็สนิทสนมกับลาซาร์ ซึ่งเอาแต่พูดถึงนางตลอดเวลา และมีโอกาสที่นางจะได้ใช้นามสกุลของลาซาร์ในไม่ช้า

“ท่าน ท่านยังจำข้าได้หรือคะ ท่านอีวานส์?” รีเบคกาถามด้วยความตกใจและดีใจ

ลูเซียนชี้ที่หัวของเขาพร้อมกับรอยยิ้ม “ข้าความจำดีน่ะ แล้วลาซาร์ก็พูดถึงเจ้าไม่หยุดปาก”

“เขาจะกลับมาเมื่อไร พอจะบอกได้ไหมคะ?” รีเบคกาถามด้วยความเป็นกังวล

หลังจากพูดคุยกันเล็กน้อย ลูเซียนก็ร่ำลานางพร้อมกับรอยยิ้ม และเดินขึ้นไปชั้นบน

นักเวทคนอื่นๆ จับกลุ่มคุยกัน หลังจากเขาหายเข้าไปในลิฟต์และไถ่ถามกันเสียงดัง “รีเบคกา เจ้าสนิทกับท่านอีวานส์หรือ?”

“ข้ามีคำถามและข้อสังเกตเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุสมัยใหม่มากมาย เจ้าช่วยให้ข้าได้คุยกับท่านอีวานส์ได้ไหม?”

“เจ้าช่วยถามท่านอีวานส์ให้หน่อยได้ไหมว่าสถาบันอะตอมอยากได้นักเวทเพิ่มไหม?”

รีเบคการู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก นางได้ยินชื่อของลูเซียน อีวานส์ ครั้งแรกก็เพราะนางหลงรักเพลง ‘ซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’ และนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ หลังจากนั้น นางก็ได้รู้จากลาซาร์ว่าเขาก็คือจอมเวทอัจฉริยะที่แค่เพียงบทความชิ้นแรกก็ได้รับการคำชื่นชมมากมาย หลังจากนั้นเพียงแปดปี ชายหนุ่มผู้เงียบขรึมก็สร้างสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า และกำลังจะเดินทางขึ้นสู่จุดยอดเขาแห่งอาร์คานาศาสตร์ เพื่อยืนอยู่บนจุดสูงสุดร่วมกับมหาจอมเวทที่มีเพียงไม่กี่คน

อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้อิจฉาเขาแม้แต่น้อย เพราะช่องว่างระหว่างนางกับจอมเวทผู้น่าเกรงขามที่คิดค้นทฤษฎีที่ปฏิวัติวงการมากมายผู้นี้นั้นกว้างเกินกว่าจะอิจฉาได้ นางเพียงแค่รู้สึกหมดหวังแต่ก็ชื่นชมเท่านั้น

นอกจากนี้ ระบบการเล่นแร่แปรธาตุสมัยใหม่ก็แตกต่างจากความสำเร็จก่อนหน้านี้ของลูเซียน ซึ่งได้รับการยืนยันและการยอมรับหลังจากเกิดข้อสงสัยและข้อพิพาท และถือเป็นประกายแห่งสติปัญญาที่ส่องสว่างโลกใหม่ ตั้งแต่ระบบนี้เกิดขึ้นมา นักเวทส่วนใหญ่ต่างคลั่งไคล้ระบบนี้กันทั้งนั้น

นักเวททุกคนต่างเข้าใจว่า ‘ระบบการเล่นแร่แปรธาตุสมัยใหม่’ แตกต่างจากระบบ ‘การเล่นแร่แปรธาตุ’ เดิมอย่างมีนัยสำคัญ โดยระบบใหม่มีรูปแบบภายในของอะตอมและระบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งสร้างขึ้นบนรูปแบบและพรรณนาถึงการแปรสภาพของธาตุ ‘การเล่นแร่แปรธาตุ’ เป็นเพียงความรู้เพิ่มเติม แต่ปริศนาของโลกจุลภาคยังคงเป็นสาระสำคัญ

เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักเวทผู้สำรวจลงไปในความลึกและความมืดของโลกจุลภาคจนตัวเป็นเกลียว นับจากตอนนี้เป็นต้นไป การสำรวจโลกจุลภาคจะไม่ได้อยู่ท่ามกลางความมืดมดอีกต่อไป มีดวงดาวเปล่งแสงในค่ำคืนอันมืดมิด หรือมีประภาคารที่เรือฝ่าพายุยังมองเห็นได้

แน่นอน เหล่านักเวทต่างรู้ว่าปัญหามากมายเกี่ยวกับ ‘การเล่นแร่แปรธาตุสมัยใหม่’ ยังไม่ถูกไขปริศนา แต่นั่นก็ได้เปิดสู่ประตูแห่งความสร้างสรรค์โดยไร้ข้อกังหา ลูเซียนจะกลายเป็นมหาจอมเวทเพราะระบบนี้ในสักวัน!

“บางทีสักวัน เราจะสามารถเปลี่ยนสสารได้ตามใจชอบ” นักเวทคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยความปลื้มปิติอย่างจริงใจ

นักเวทอีกคนมองไปที่ลิฟต์ที่ลูเซียนขึ้นไปและกล่าวด้วยความชื่นชม “เมื่อวันนั้นมาถึง ท่านอีวานส์จะเป็นหนึ่งในผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์เวทมนตร์”

มิติดินแดนใหม่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา ผู้วิเศษและนักเวทชั้นอาวุโสส่วนใหญ่ซึ่งรวมถึงราเวนติยังไม่เดินทางกลับมา ลูเซียนเข้าไปในห้องทำงานของเขาและมองไปยังปราสาทเนคโซที่ดูเหมือนกาแล็กซีบนพื้นโลกผ่านทางหน้าต่าง แล้วเขาก็เปิด ‘แว่นตาสื่อสาร’

“…สวัสดี ลูเซียน?” เสียงของนาตาชาฟังดูอ่อนแรง

ลูเซียนดัดแปลงต่างหูให้กับนาง ช่วยให้นางได้ยินเสียงที่ผ่านการเข้ารหัส

ลูเซียนพูดขึ้นพร้อมรับรอยยิ้ม “สวัสดี ราชินี เจ้าอ่านเอกสารจากหน่วยข่าวกรองและห้องสมุดลับหรือยัง?”

เหตุผลที่เขาคุยกับนาตาชาจากหอคอยเวทมนตร์แห่งราชสำนักโฮล์มก็เพราะเขาไม่อยากเปิดเผยตัวตน

ขณะเดียวกัน ก็ไม่มีทางที่ซาร์ดหรือคริโทเนียจะสามารถเจาะเข้าระบบเข้ารหัสของเขาได้ พวกเขาอาจจับแหล่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่รับรู้ได้ หากเขาติดต่อนาตาชาจากอัลลิน ก็จะทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับนาง แต่หากเขาอยู่ในหอคอยเวทมนตร์ราชสำนักโฮล์ม ก็อาจทำให้คนเข้าใจว่าเขาคือแฮททาเวย์ เพราะคงเป็นเรื่องปกติมากที่ผู้อาวุโสจะเป็นห่วงเป็นใยลูกหลาน

“อ่านแล้ว ถึงเจ้าจะเล่าเรื่องโฮล์มให้ข้าฟังมากมายช่วงหลายปีมานี้ แต่ก็ยังขาดๆ เกินๆ ไม่เป็นระบบ ข้าต้องเข้าใจให้ลึกซึ้งและรอบด้านกว่านี้” นาตาชาหัวเราะคิกคักและว่าต่อ “ในฐานะราชินีของอัศวินผู้ซื่อสัตย์ เคานต์ลูเซียน อีวานส์ ท่านมีอะไรจะเสนอแนะหรือไม่?”

อัศวินอาภามักได้รับตำแหน่งไวเคานต์หรือเคานต์ ฉะนั้น นักเวทชั้นอาวุโสก็ควรมีอภิสิทธิ์ไม่ต่างกัน

ลูเซียนพูดด้วยรอยยิ้ม “เรียกพบขุนนางใหญ่ๆ ขุนนางที่มีอิทธิพล และขุนนางที่รับผิดชอบตำแหน่งสำคัญทีละคน คุยกับพวกเขาและหาคนที่เจ้าไว้ใจและพึ่งพาได้ ในฐานะราชินี เจ้ามีอำนาจโดยชอบธรรมที่สั่งพวกเขาอยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล เอาล่ะ หลังจากพิธีศพ ก็เริ่มตรวจตรากองอัศวินดาบแห่งสัจธรรม กองอัศวินคำพิพากษา และกองอัศวินกางเขนนักบุญ จัดกลุ่มกรมกองใหม่ แน่นอน และที่สำคัญที่สุด เจ้าต้องพัฒนาตัวเอง ยิ่งเจ้าจะพัฒนาถึงระดับแปดและใช้ดาบแห่งสัจธรรมระดับสามได้เร็วเท่าไร เจ้าก็ยังคุมสถานการณ์ได้ง่ายมากขึ้น”

“แต่ใครที่ข้าจะไว้ใจและพึ่งพาได้?” นาตาชาถามพร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง

ลูเซียนปลอบใจนาง “เจ้าต้องรู้จักหัวใจและความศรัทธาของเจ้าก่อน ถ้าเจ้ายังไม่รู้ว่าต้องการอะไร เจ้าจะแยกศัตรูออกจากมิตรไม่ได้ แม้ว่าเจ้าปั่นความขัดแย้งระหว่างเสรีนิยมกับอนุรักษนิยม และสงวนท่าทีเป็นกลางแล้ว แต่ก็คงไม่นาน ฝ่ายอนุรักษนิยมก็ยังได้รับการหนุนหลังจากศาสนจักร และฝ่ายเสรีนิยมก็มีสภาเวทมนตร์สนับสนุน”

แทนที่จะรอให้นาตาชาตอบ ลูเซียนตัดสินใจกระตุ้นความเชื่อของนาง “ตามแหล่งข่าวของสภาเวทมนตร์ เจ้าชายอาจถูกลอบสังหาร”

“อะไรนะ? ใครทำ?” ขณะที่นาตาชาคิดว่าการเสียชีวิตของตาและลุงของนางเป็นเรื่องสุดวิสัย พวกเขาเฉียดตายตั้งแต่แรกแล้ว และเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่เมื่อได้ยินจากปากลูเซียน นางตะลึงงันและโมโหมาก

“เราสงสัยว่าเป็นฝีมือของคริโทเนีย ‘เจ้าแห่งกาล’ มีเพียงพลังควบคุมเวลาของเขาที่ทำให้เจ้าชายตรอมใจตายได้อย่างไร้ร่องรอย ขณะเดียวกัน ซาร์ดและเร็กซ์ต่างก็อยู่ในปราสาทเนคโซ” ลูเซียนรู้สึกเสียใจแทนนาตาชา แต่ก็ต้องพูดให้จบประโยคอย่างเด็ดขาด

นาตาชาสูดหายใจลึก “เจ้าจะบอกว่าศาสนจักรและอนุรักษนิยมบางคนวางแผนอย่างนั้นหรือ? เจ้ามีอะไรมาพิสูจน์?”

“ไม่มีหลักฐานชัดๆ แต่สิ่งที่เรายืนยันได้ก็คือ ซาร์ด เร็กซ์ และคริโทเนียก็ยังอยู่ในปราสาทเนคโซตอนนั้น ขุนนางและข้ารับใช้หลายคนยืนยันเรื่องนี้ได้ นอกจากนี้ ท่านแฮททาเวย์ได้ตรวจร่างกายเจ้าชายแพทริกก่อนปีใหม่ และเชื่อว่าเขาจะมีชีวิตต่อไปได้อีกห้าหรือหกปี กลุ่มฝ่ายซ้าย ทั้งดยุกเจมส์ ก็พิสูจน์ได้ว่าเจ้าชายและกษัตริย์ไม่ลงรอยกันราวกับเป็นศัตรู แล้วเขาจะตรอมใจตายได้อย่างไร? เจ้าต้องรู้เรื่องพวกเขาอีกเรื่อสองเรื่อง” ลูเซียนบอกข่าวกรองที่เขาสืบหามาในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

หลังจากเงียบไปนาน นาตาชาก็ด้วยเสียงแหบพร่า “ข้าจะร่ำลาศพท่านลุงในพิธีศพ ข้าน่าจะได้ข้อมูลอะไรบ้าง…”

เสียงของนางฟังดูสับสนและยอมรับสภาพ ซึ่งทำให้ลูเซียนรู้สึกเจ็บปวด เมื่อรู้สึกว่าเขาพูดมากเกินไป เขาก็รีบพูดแก้ “แม้จะเป็นฝีมือของศาสนจักร แต่ไม่ได้มีความหมายอะไร พระเจ้าแห่งสัจธรรมยังอยู่ในหัวใจของผู้คน และทุกคนก็สวดภาวนาถึงพระองค์โดยตรง ในทางกลับกัน ศาสนจักรเป็นเพียงองค์กรที่พยายามแยกผู้ศรัทธาออกจากพระผู้เป็นเจ้า อาจดูชอบธรรม แต่ก็อาจเลวร้ายได้เหมือนกัน”

“ลองทบทวนเส้นทางอัศวินและจงใคร่ครวญว่าอะไรคือสิ่งที่เจ้าศรัทธา เจ้าจะปกป้องพระสิริของพระเจ้าแห่งสัจธรรม หรือเกียรติของศาสนจักร?”

“แน่นอนว่าข้ากำลังปกป้องพระเจ้า แต่หากละทิ้งศาสนจักร เราจะจัดการพิธีกรรมและสรรเสริญพระเจ้าได้อย่างไร?” นาตาชาติดกับดักรายละเอียด

ลูเซียนตอบพร้อมกับรอยยิ้ม “ศาสนจักรเป็นเครื่องมือระหว่างผู้ศรัทธากับพระเจ้า หากไม่จำเป็นแล้ว ก็แค่โยนทิ้ง แต่หากยังมีประโยชน์ เจ้าก็ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับเจ้า ไม่เห็นจำเป็นต้องยึดติดกับศาสนจักรฝ่ายใต้”

“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว ข้าต้องพิจารณาศรัทธาของข้าก่อน” ความจริงที่ว่าเจ้าชายแพทริกอาจถูกศาสนจักรสังหารเป็นเรื่องที่ทำให้นาตาชาตกตะลึงมาก

ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี จูเลียนาที่ถูกเรียกตัวมาจากนครอัลโต้กำลังสนทนากับผู้พิทักษ์ราตรีสองสามคนที่อยู่ข้างๆ นางด้วยเสียงอันทรงเสน่ห์ “ศาสนจักรอ่อนแอ พวกขุนนางก็โอหัง และพระสิริของพระเจ้าแปดเปื้อนมัวหมอง เราจะล้างบางพวกที่มีศรัทธาจอมปลอมตามพระประสงค์ของพระเจ้า”

นางชี้ไปยังคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลออกไป “บารอนออสตินเป็นชายผู้มีมลทินและถือหางพวกนักเวท ตามข้อมูลจากข้ารับใช้ เขาฟัง ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ ทุกวัน เป้าหมายของเราคือล้างบาปให้เขาและปกป้องพระสิริของพระเจ้า แต่เราอาจถูกศาสนจักรลงโทษ พวกเจ้าเต็มใจจะเสี่ยงหรือไม่?”

“ราตรีมาเยือน ถึงคราวข้าต้องเฝ้ายาม…”