ตอนที่ 1674

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,674 : หยินชวีจื่อ

 

“หยินชวีจื่อคนนี้เป็นว่าเป็นผู้บำเพ็ญเต๋าหนทางมาร…เรียกว่าเป็นผู้ฝึกมารคนหนึ่ง”

 

ไม่นานก็มีคนเปิดเผยข้อมูลออกมา

 

ผู้ฝึกมาร!

 

ทันใดนั้นทุกสายตาที่มองหยินชวีจื่ออยู่ก็หรี่ลงทันที

 

ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ามีผู้บำเพ็ญเต๋าไม่น้อย แต่นับว่าหายากนักที่จะเป็นผู้บำเพ็ญเต๋าหนทางมาร!

 

เพราะโดยทั่วไปแล้วผู้บำเพ็ญเต๋าจะมุ่งมั่นในวิถีแห่งธรรมชาติ มีความภาคภูมิใจในความชอบธรรมสูง ด้วยเหตุนี้จึงนับว่ามีน้อยคนที่จะเป็นผู้บำเพ็ญเต๋าที่หันไปเดินหนทางสายมาร!

 

แน่นอนว่ามีน้อยแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มี

 

ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ากว้างใหญ่ไพศาล ไม่ใช่ว่าจะหาผู้บำเพ็ญเต๋าหนทางมารไม่ได้เลย!

 

อย่างไรก็ตามใจเขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง โดยเฉพาะในหมู่ชายฉกรรจ์อายุไม่เกิน 50 ปี เท่าที่รู้ก็มีหยินชวีจื่อแห่งศาลเจ้าชุนหยางเท่านั้นที่เป็นผู้บำเพ็ญเต๋าหนทางมาร!

 

“เจ้าน่ะหรือ คือหยินชวีจื่อ?”

 

เผชิญหน้ากับนักพรตเต๋าที่แผ่กลิ่นอายชั่วร้ายเยียบเย็นปานอสรพิษออกมาทั่วกาย แววตาฉีกังก็เผยความหวาดกลัวออกมาให้เห็นวูบหนึ่ง

 

“มิผิด ข้าคือหยินชวีจื่อ”

 

นักพรตเต๋าแลดูชั่วร้ายที่ยืนเผชิญหน้ากับฉีกังกล่าวตอบออกมาเสียงเย็น

 

โอ!

 

เมื่อเห็นว่านักพรตเต๋าจากศาลเจ้าชุนหยางยอมรับว่าตัวเองคือหยินชวีจื่อ ผู้คนโดยรอบกระทั่งยอดฝีมือที่กำลังประลองกันในอีก 9 เวทีอื่นก็หยุดมือ และหันมาให้ความสนใจกันไม่น้อย

 

“มันคือหยินชวีจื่อจริงๆ!”

 

“เห็นว่าในเขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง มีมันเป็นผู้บำเพ็ญเต๋าหนทางมารคนเดียว!”

 

“เสียงกล่าวกันว่าผู้บำเพ็ญเต๋าหนทางมาร เป็นผู้ฝึกมารที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์สายมารเสียอีก!”

 

……

 

ทุกคนต่างหันไปจับจ้องมองหยินชวีจื่อด้วยความสนใจ ต่างอยากเห็นกันนักว่ามันจะลงมืออย่างไร

 

‘ผู้บำเพ็ญเต๋าสายมารงั้นเหรอ? น่าสนใจดีนี่…’

 

กระทั่งต้วนหลิงเทียนเองก็รู้สึกสนใจหยินชวีจื่อขึ้นมาไม่น้อย

 

เขาไม่ได้พึ่งมาอยู่ที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้แค่วันสองวัน แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าผู้บำเพ็ญเต๋าหนทางมารนั้นหาได้ยากเย็นแค่ไหน

 

กระทั่งหยินชวีจื่อ ยังเป็นผู้บำเพ็ญเต๋าหนทางมารคนแรกที่เขาเคยเห็น!

 

ในอดีตแม้เขาจะเคยเจอผู้ฝึกมารมาไม่น้อย แต่ส่วนมากแล้วจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ทั้งสิ้น ไม่มีใครเป็นผู้บำเพ็ญเต๋าเลย

 

“เจ้าเป็นคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง เช่นนั้นข้าจะไม่ฆ่าเจ้า…อย่างไรเสียหากเจ้ามิอยากบาดเจ็บ คงประเสริฐกว่าหากเจ้าจะยอมแพ้โดยไว”

 

หยินชวีจื่อมองเหยียดฉีกังทั้งกล่าวออกด้วยสายตาเฉยเมย ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความปรามาส

 

หยินชวีจื่อ ในฐานะผู้บำเพ็ญเต๋าหนทางมาร มันไม่เคยคิดออมรั้งยั้งมือให้ผู้อื่นที่ไม่ใช่คนของศาลเจ้าชุนหยาง! อย่างไรก็ตามเนื่องจากฉีกังมาจากขุมพลังชั้น 4 อย่างคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง มันจึงไม่มีหนทางเลือกอื่นนอกจะเผยความเมตตา..เว้นเสียแต่มันจะไม่กลัวฉุดลากศาลเจ้าชุนหยางให้ล่มจมไปกับมัน!

 

บางทีคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอาจไม่ทำอะไรกับมันตอนนี้ เพราะการประลองวันนี้ไม่สนเป็นตาย อนิจจาผู้ใดจะไปล่วงรู้ว่าหลังจบการประลองไปแล้วอีกฝ่ายจะมาหาความอะไรจากมันหรือไม่?

 

ในฐานะที่เป็นขุมพลังชั้น 5 ย่อมไร้ซึ่งพลังอำนาจจะต้านทานขุมพลังชั้น 4!

 

“ในพจนานุกรมของข้าฉีกัง มิมีคำว่า ยอมแพ้!!”

 

เมื่อได้ยินวาจาปรามาสทั้งสายตาเหยียดหยัน ฉีกังพลันตะโกนออกมาด้วยโทสะ!

 

“หืม?”

 

แค่เซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดแสนกระจ้อยร่อย กลับกล้าตะโกนเสียงดังใส่หน้าของมัน นับว่าเป็นการกระตุ้นเร้าจิตอำมหิตโดยสันดารของผู้ฝึกมารอย่างหยินชวีจื่อขึ้นมาทันที! สองตาพลันเปล่งประกายเยียบเย็นก่อนที่จะเริ่มกลับกลายเป็นสีแดงฉาน!!

 

“หยินชวีจื่อ เพลามือด้วย”

 

ทว่าทันใดนั้นเองเสียงของจิ้งชวีจื่อพลันดังขึ้นในหูของหยินชวีจื่อ

 

ขณะเดียวกันคนจากศาลเจ้าชุนหยางคนอื่นๆ ก็เร่งส่งเสียงผ่านปราณมากล่าวเตือนมันเช่นกัน

 

นิสัยและอารมณ์ของหยินชวีจื่อพวกมันไหนเลยจะไม่รู้ได้ น่ากลัวยามของขึ้นแล้ว…เหตุผลอันใดล้วนไร้สำคัญ!

 

ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่ขุมพลังชั้น 4 เลย…ให้เป็นคนของขุมพลังกึ่งชั้น 3 หยินชวีจื่อก็อาจจะขาดสติ ลงมือโดยไม่สนผลที่จะตามมา!

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อคนจากศาลเจ้าชุนหยางควบเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดกระหน่ำส่งไปถึงหูหยินชวีจือไม่หยุด ก็สามารถดึงสติหยินชวีจื่อให้กลับคืนมาได้สำเร็จ! สีแดงในดวงตาเริ่มจางหาย หากแต่ยังคงประกายเย็นเยียบไม่คลาย!!

 

“เจ้าสมควรดีใจให้มาก…หากเจ้ามิใช่คนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ป่านนี้เจ้าเป็นศพไปแล้ว!”

 

วาจาที่หยินชวีจื่อกล่าวออก เผยความจริงให้รู้ว่ามันสามารถฆ่าฉีกังได้ง่ายดายนัก!

 

“คิดฆ่าข้า ก็ต้องดูปัญญาสามารถของเจ้า!!”

 

ฉีกังกล่าวเย้ยออกมา

 

ถึงแม้ฉีกังจะเป็นเพียงเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดที่กระจ้อยร่อยในสายตาของหยินชวีจื่อ แต่พลังฝีมือของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นต้นทั่วๆไปมากนัก! เรียกว่าแม้ตัวมันยากจะเอาชนะเซียนขัดเกลาขั้นต้น แต่ให้ต้านทานรับมือก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลย!!

 

แม้ต้องปะทะกับหยินชวีจื่อ ถึงจะรู้ดีว่า 10 ใน 10 อาจเอาชนะไม่ได้ แต่มันก็ไม่คิดล่าถอยไปง่ายๆ

 

มันเป็นคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!

 

มีเพียงแต่ต้องพยายามต่อสู้สุดฝีมือเท่านั้น ถึงจะไม่ทำให้คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเสื่อมเสีย!!

 

“หึ…ข้าจะให้เจ้ารู้เดี๋ยวนี้!”

 

หยินชวีจื่อแสยะยิ้มออกมาอย่างน่าสยดสยอง เสียงแค่นขำยังน่ากลัวนัก

 

ฮูว! ฮึง! ฮึง!

 

……

 

ทันทีที่สิ้นคำของหยินชวีจื่อ อาณาบริเวณกินรัศมี 100 หมี่โดยมีหยินชวีจื่อเป็นจุดศูนย์กลางพันบังเกิดสายลมกรรโชกพัดผ่าน ทั้งในสายลมดังกล่าวกลับมีเสียงร้องเยียบเย็นพาลให้ขนลุกดังขึ้น

 

ทันใดนั้นภายใต้สายตาของทุกผู้คน เขตแดนที่หยินชวีจื่อเปิดใช้ พลันปรากฏกระโหลกศีรษะอันน่ากลัวหนึ่งผุดขึ้นจากความว่าง ทั้งยังมีอสรพิษสีดำสองตาสีเขียวค่อยๆเลื้อยออกมาจากเบ้าตากลวงโบ๋มืดดำของหัวกระโหลกดังกล่าว

 

นอกจากนี้รอบๆกายอสรพิษดังกล่าวยังเต็มไปด้วยไอพลังดั่งหมอกทมิฬอันน่ากลัว!

 

หากเป็นฉากเรื่องราวปกติพวกมันคตงไม่มีใครรู้สึกอะไรมากนัก

 

ทว่าพอผสานไปกับกลิ่นอายเย็นเยียบที่แผ่ออกมาจากทั่วร่างหยินชวีจื่อ ก็กลายเป็นความหวาดกลัวที่ผุดขึ้นจากก้นบึ้งของใจทันที

 

แน่นอนว่าผู้ที่หวาดกลัวจับใจเหล่านี้ ก็คือผู้ที่มีพลังฝีมือด้อยกว่าหยินชวีจื่อ

 

“เจ้ามีเขตแดนหรือข้าไม่มี? ข้าจะทำลายมันให้สิ้น!!”

 

เมื่อเห็นว่าหยินชวีจื่อใช้ปราณแรกกำเนิดก่อเขตแดน ฉีกังก็ไม่เผยความอ่อนแอให้เห็น มันเร่งเร้าปราณแรกกำเนิดออกมาทั่วร่าง เริ่มก่อสร้างเขตแดนส่วนตัว พาลให้อาณาบริเวณรอบตัวมันโดยมีรัศมี 100 หมี่เริ่มสะท้านสะเทือนทันที

 

อย่างไรก็ตามเขตแดนของมันยังไม่ทันก่อตัวแล้วเสร็จ เสียงเย็นเยียบของหยินชวีจื่ออันเต็มไปด้วยความดูแคลนพลันดึงขึ้น “อาศัยพลังฝีมือแค่เซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดแสนกระจ้อยร่อย คิดสร้างเขตแดนต่อหน้าข้า?”

 

“ไร้เดียงสานัก!”

 

สิ้นเสียงตะคอกเย็นชาของหยินชวีจื่อ แขตแดนอันมีรัศมี 100 หมี่ของมันพลันสั่นไหวสะท้านขึ้นมาทันใด!

 

ทันใดนั้นเองอสรพิษทมิฬตาเขียวที่เลื้อยออกมาจากเบ้าตาโบ๋กลวงของหัวกระโหลก ก็พุ่งออกไปทำลายเขตแดนที่ยังไม่ก่อตัวแล้วเสร็จของฉีกังจนพังทลาย!!

 

และในขณะที่เขตแดนของฉีกังพังทลายนั้นเอง หยินชวีจื่อพลันลงมือต่อเนื่องฉับไว ยกมือขึ้นมาก่อนที่มวลพลังของเขตแดนฉีกังจะสลายหายไปด้วยซ้ำ

 

แขนเสื้อชุดนักพรตของมันโบกสะบัดดังขวับๆปานต้องลมพายุ เริ่มหมุนวนด้วยความเร็วอันน่ากลัว! ก่อเกิดเป็นพายุใต้ฝุ่นเล็กจิ๋วลูกหนึ่ง ก่อนที่จะถูกซัดพุ่งออกไป…ยามพุ่งออกไปพายุดังกล่าวยังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ!!!

 

แถมรอบๆพายุยังมีไอพลังสีดำอันน่ากลัว

 

ไอพลังสีดำดังกล่าวก็ให้กลิ่นอายดั่งไอพลังสีดำมืดรอบตัวอสรพิษทมิฬก่อนหน้า…ปราณมารของผู้ฝึกมาร!

 

เปรี๊ยงงงง!!

 

เสียงระเบิดดังกึกก้องในอากาศ ฉีกังที่กำลังตะลึงจากการถูกทำลายเขตแดน มันยังไม่ทันได้ตอบสนองเรื่องราวอันใดด้วยซ้ำ มันก็ถูกพายุพลังฉับไวพุ่งซัดเข้าใส่อย่างจัง ร่างยังปลิดปิวละลิ่วไปไม่รู้ทิศทางดั่งว่าวสายป่านขาด!

 

อ๊อคคค!!

 

ฉีกังที่ถูกซัดกระเด็นกระอักโลหิตออกมาเป็นสาย สุดท้ายลอยไปพักหนึ่งมันก็ค่อยๆขืนร่างให้หยุดค้างกลางหาวได้สำเร็จ!

 

อนิจจาเมื่อแลดูสารรูปจะตายแหล่มิตายแหล่ของมัน ที่กระทั่งจะลอยค้างกลางหาวยังแทบไม่ไหวตอนนี้ ก็เห็นชัดว่ามันคงไม่มีปัญญาจะสู้ต่อแล้ว…

 

“ข้าแพ้แล้ว…”

 

สูดลมหายใจเข้าอย่างยากลำบากคราหนึ่ง ฉีกังค่อยมองกล่าวกับหยินชวีจื่อด้วยสายตาหวาดกลัว

 

มาตอนนี้มันตระหนักได้ทันทีว่าพลังฝีมืออันดับ 1 ใต้ขอบเขตเซียนขัดเกลาในคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องของมัน ไม่ได้นับเป็นตัวอะไรต่อหน้าหยินชวีจื่อสักนิด!

 

แต่ก่อนแม้มันจะยากเอาชนะได้ แต่ยามประมือกับเซียนขัดเกลาขั้นต้นมันก็ยังพอต่อสู้รับมือได้บ้าง อนิจจายามปะทะกับหยินชวีจื่อ มันกลับถูกอีกฝ่ายครอบงำทั้งสะกดข่มทุกทางทันที

 

“ชนะได้รวดเร็วเพียงนี้?”

 

ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าทำให้ผู้คนอื้ออึงกันไม่น้อย

 

ถึงแม้พวกมันจะรู้แต่แรกว่าผลของการประลองยากแปรเปลี่ยน เพราะอย่างไรก็เป็นเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดปะทะเซียนขัดเกลา

 

แต่พวกมันก็ไม่คิดไม่ฝันว่าเรื่องราวจะจบลงง่ายดายรวบรัดเช่นนี้ เพราะจะอย่างไรเสียฉีกังก็คืออันดับ 1 ใต้เซียนขัดเกลา ยังกล่าวว่า…แม้ไม่อาจเอาชนะแต่มันก็สามารถต่อสู้รับมือเซียนขัดเกลาขั้นต้นได้พักใหญ่!!

 

อนิจจายามอยู่ต่อหน้าหยินชวีจื่อ กระทั่งคิดรวมพลังก่อเขตแดนมันยังไม่อาจกระทำ แถมยังบาดเจ็บสาหัสในกระบวนเดียว…