ห้องน้ำชายฉินโหลวชั้นสอง
“ไม่ใช่ พวกคุณเป็นใครกันแน่? ดูเหมือนผมไม่เคยล่วงเกินอะไรพวกคุณนะ?”
มองพวกเฮียเมิ่งที่ดูสบายๆ กลับปิดตายทางเข้าออกห้องน้ำ เย่เทียนขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาทันที
“น้องชาย นายไม่ได้ล่วงเกินพวกเราจริงๆ แต่นายไปล่วงเกินบางคนที่ไม่ควรล่วงเกินนะ!”
เฮียเมิ่งเผยให้เห็นฟันซี่ใหญ่ ถอนหายใจแล้วพูดว่า “พวกพี่ก็แค่รับเงินคนอื่นมา แล้วช่วยคนอื่นบรรเทาทุกข์!”
เมื่อเย่เทียนได้ยิน สีหน้ายิ่งเปลี่ยนเป็นแปลกใจมากขึ้น เดิมก็ทายไม่ออกแล้วว่าใครกันแน่ที่เป็นคนส่งแพะรับบาปมาหาที่ตาย
“ผมเป็นพลเมืองดีที่ปฏิบัติตามกฎหมายแมาตลอด ผมไม่เคยทำเรื่องละอายใจ คุณแน่ใจนะว่าคนที่คุณตามหาคือผม คุณบอกผมได้ไหมว่าใครกันแน่ที่ต้องการแก้แค้นผม”
เย่เทียนคิดไปคิดมาก็เดาไม่ออกว่าใครคือคนที่อยู่เบื้องหลัง แกล้งทำเป็นโง่ให้ถึงที่สุด สีหน้าก็เหมือนบริสุทธิ์
เฮียเมิ่งได้ยิน ค่อยๆกวาดสายตามองเย่เทียน มุมปากเผยรอยยิ้มที่เจตนาไม่ดีขึ้นมา
“น้องชาย พวกเราก็มีกฎของพวกเรา พี่ไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นคนเชิญพวกเรา”
“พอแล้ว พวกเราก็อย่ายืดเยื้อเวลาเลย นายก็เชื่อฟังยอมรับความซวยของนาย นายจ้างนั่นก็ไม่ได้ให้ตัดแขนขาหลายอย่างนั้น ให้พวกพี่ซ้อมนาย แล้วถ่ายรูปส่งไป”
“วางใจเถอะ พวกพี่จะออมมือหน่อย รับประกันนายพักที่โรงพยาบาลวันสองสวันก็สามารถฮึกเหิมประดุจมังกรและเสือที่ผาดโผนแล้ว!”
เฮียเมิ่งพูดอย่างนี้ มือขวาก็ยกสูงขึ้นมา ขอเพียงเขาออกคำสั่ง ลูกน้องหลายคนที่อยู่ด้านหลังก็จะกระโจนเข้าหาเย่เทียนทันที
“นาย คำพูดพวกนี้ของนายหมายความว่าไง? พวกนายคิดจะทำอะไร?!”
“อย่า อย่าโทษที่ผมไม่เตือนพวกนาย ผมไม่ใช่จะสามารถล่วงเกินได้ง่ายๆ ถ้าพวกนายกล้าทำไรขึ้นมา ผมรับประกันจะไม่ปล่อยพวกนายไว้!”
เย่เทียนในใจดูถูก บนใบหน้ากลับจงใจแสดงท่าทางที่น่าหวาดกลัว เสียงดังขึ้นมา
“ฮ่าๆ! ยังจะไม่ปล่อยพวกเรา? ไอ้น้องสมองคงไม่ใช่ว่าเคยถูกประตูหนีบมานะ?”
“เวลานี้ยังกล้าขู่พวกเรา นายกลัวว่าจะไม่ใช่คนโง่?”
พวกเฮียเมิ่งทันใดนั้นก็หัวเราะขึ้น แต่ละคนมองเย่เทียนเหมือนมองคนโง่ คิดไม่ถึงว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้เด็กนี่ยังกล้าคุยโวโอ้อวดไม่ละอายใจ
เย่เทียนเห็นสถานการณ์ ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่ส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา
เฮียเมิ่งตัวเขาคิดว่าชัยชนะอยู่ในกำมือ โดยไม่รู้ว่านัยน์แววตาของเย่เทียนพวกเขาเป็นแค่แมลงเต้นรำ ไม่เพียงพอที่จะทำให้หวาดกลัวสักนิด!
“น้องชาย พี่เตือนนายหนึ่งประโยค เป็นคนอย่าลืมภาพลักษณ์มากเกินไป ไม่งั้นนายจะต้องได้รับความลำบากอย่างแน่นอน!”
เฮียเมิ่งเตือนอย่างขมขื่น มือขวายกสูงขึ้นมาเท่ากับว่าออกคำสั่งแล้ว
ลูกน้องที่มองดูสถานการณ์อยู่ด้านหลัง รีบก้าวเท้าออกมา พุ่งกระโจนไปทางเย่เทียน ทันใดนั้นก็ทำท่าล้อมไว้
ในเวลานี้ ข้างนอกบังเอิญมีคนเข้ามา ทำให้ดึงดูดสายตาพวกเฮียเมิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไม่เห็นว่ากำลังทำธุระอยู่เหรอ? ไสหัวออกไป!”
พวกเฮียเมิ่งตำหนิ เกือบจะทำให้ชายใส่เเว่นที่กำลังจะเข้าไปตกใจฉี่รดกางเกง หันตัวกลับไปอย่างว่าง่าย ถอยออกไปอย่างเชื่อฟัง
นี่ก็เป็นแค่ภาพยนตร์เล็กๆ ไม่มีผลกระทบใดๆต่ออารมณ์ของพวกเฮียเมิ่ง หันศีรษะมาอีกครั้ง ใบหน้ายิ้มอย่างเย็นชามองไปทางเย่เทียน
“เห็นแก่ส่วนที่นายเสนอมาให้ฉัน2ประโยค งั้นฉันก็จะยกเว้นบอกนายสองประโยค”
“นายต้องคิดให้ดีๆ ไม่แน่ผลที่ตามมานายอาจจะรับไม่ไหว!”
เย่เทียนส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา บิดคอไปมา
“โอ้โห ไอ้หนุ่ม ท่าทีแบบนี้คิดไม่ถึงยังคิดอยากตอบโต้?”
ทันใดนั้นเฮียเมิ่งก็ขมวดคิ้ว สีหน้าเปลี่ยนเป็นดุร้ายมากขึ้น
“ผมขอพูดสิ่งที่ไม่น่าฟังก่อน หากนายเชื่อฟังยอมให้พวกเราอัดสักยก อย่างมากก็แค่บาดเจ็บผิวเผิน พักอยู่ที่โรงพยาบาลไม่กี่วันก็หาย”
“แต่หากนายยังกล้าตอบโต้ งั้นก็อย่าโทษพวกพี่ลงมือไม่ออมมือนะ พูดน้อยหน่อยก็ทำให้นายพักอยู่ที่โรงพยาบาลนานหลายปี”
ในระหว่างคำพูด เฮียเมิ่งก็เหลือบหันไปมองลูกน้องที่อยู่ข้างๆ ลูกน้องพวกนั้นก็เข้าใจโดยอัตโนมัติ ค่อยๆก้าวเท้าไปทางเย่เทียน
เดิมระยะห่างของทั้งหมดไม่ไกลเท่าไหร่ แค่ไม่กี่ก้าว ลูกน้องทั้งสองก็มาถึงข้างกายเย่เทียน ยื่นมือออกมาจับแขนเย่เทียนไว้
ในใจเย่เทียนยิ้มอย่างเย็นชา ที่ควรพูดเขาก็พูดหมดแล้ว ในเมื่อคนพวกนี้ไม่รู้จักแยกแยะดีชั่ว งั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ!
ปุ้ง!
คิดถึงตรงนี้ จู่ๆขาของเย่เทียนก็พุ่งออกมา ขาพุ่งตรงไปที่ตัวของลูกน้องคนหนึ่ง ทำให้มีเสียงปุ้งแล้วล้มลงไป ร่างกายขดตัว ได้รับบาดเจ็บอย่างชัดเจน
“นายไอ้ลูกวัว หาที่ตายจริงๆ!”
“แม่งยังกล้าลงมือ? ดูแล้วนายคงเบื่อชีวิตเต็มทีแล้ว!”
ลูกน้องที่เหลือมองดู สีหน้าแต่ละคนล้วนเผยสีหน้าที่โมโหโกรธ
“พวกนายคงไม่ใช่ถูกเตะที่สมองนะ? ในเมื่อพวกนายตั้งใจแล้วว่าจะตีผม หรือว่าไม่อนุญาตให้ผมลงมือคืน?”
เย่เทียนเบะปาก แสงประหลาดแวบผ่านดวงตาที่มืดมิด
“ยังเหม่ออะไร? ไอ้หนุ่มนี่พูดดีๆไม่ชอบชอบให้ใช้กำลัง งั้นพวกเราก็ช่วยให้เขาสมหวังหน่อย! ขึ้นพร้อมกันเลย! จัดการเขา!”
รอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ของเฮียเมิ่งก็ไม่สามารถเสแสร้งต่อได้ กลับมีสีหน้าที่โหดร้ายมาแทน
ช่วงเวลานั้น ลูกน้องที่ตามหลังเฮียเมิ่งหลายคน เช่นเดียวกับลูกหมาป่าตัวเล็กๆ ส่งเสียงร้องแล้วพุ่งไปทางเย่เทียน
ไหนเลยเย่เทียนจะเห็นพวกเขาอยู่ในสายตา ตามองพวกนั้นพุ่งเข้ามา มุมปากก็เผยรอยยิ้มที่ดูถูก ซ้ายหนึ่งหมัด ขวาหนึ่งเตะ พริบตาเดียวก็จัดการสองคนล้มลงอยู่ตรงหน้า
เดิมก็ไม่ต้องพูดเยอะ ต่อไปนี่ก็คือการต่อสู้
แม้พูดได้ว่าเฮียเมิ่งได้เปรียบเรื่องจำนวนคน แต่ยังไงก็เป็นแค่อันธพาลธรรมดา ไหนจะสามารถเป็นคู่ปรับกับเย่เทียน?
ไม่ถึงหนึ่งนาที จากเกือบสิบคนก็เหลือแค่สามคนที่ยังยืนอยู่ คนอื่นร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น
บนใบหน้าเฮียเมิ่งเดิมที่มีสีหน้าที่ได้ใจได้รับชัยชนะ แต่เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ไม่น่าเชื่อ นัยน์ตาแสดงถึงความตื่นตระหนก
“เตือนพวกนายตั้งนานแล้ว ผมไม่ใช่จะล่วงเกินได้ง่ายๆนะ!”
เย่เทียนส่ายศีรษะอย่างไม่สบอารมณ์ จ้องมองไปที่เฮียเมิ่งที่ยืนตกตะลึงอยู่ข้างๆ
เมื่อรู้สึกว่าสายตาของเย่เทียนมองมา กล้ามเนื้อทั้งหน้าของเฮียเมิ่งก็กระตุกสั่นควบคุมไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนจะสามารถต่อสู้ได้ขนาดนี้
“นี่ นี่มันเป็นไปได้ยังไง? ไอ้หนุ่มนี่ต่อสู้เก่งเกินไปแล้วมั้ง?”
ลูกน้องสองคนของเฮียเมิ่งที่เหลือสีหน้ายิ่งเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มองพี่น้องที่ร้องโอดโอยอยู่บนพื้น ขาทั้งสองของพวกเขาค่อยๆอ่อนปวกเปียก
“พวกคุณยืนบื้อกันทำไม? ถ้าจะตีต่อก็รีบลงมือ ไม่งั้นก็รีบจำนน ยังมีคนรอพวกเรานะ!”
เย่เทียนค่อยๆตวัดมืออย่างสบายๆ มุมปากรอยยิ้มที่เหมือนจะยิ้มขึ้น
ตึ้งๆ!
เด็กน้อยสองคนนั้นก็ไม่กล้าพร่ำบ่น จ้องมองท่าทางที่ขี้เล่นของเย่เทียน ค่อยๆถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว เผยให้เห็นความกลัวจากภายในอย่างชัดเจน……