เนื่องจากสาวทั้งสามเกาะกลุ่มซุบซิบ ข้าวมื้อนี้เย่เทียนกินอย่างหดหู่มาก ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยลองเข้าไปเข้าร่วม แต่พอเขาออกเสียง สาวทั้งสามก็รีบส่งเสียงให้เขาหุบปาก แทบจะบีบจนเขาช้ำใน
“ผมไปเข้าห้องน้ำนะ”
ท้องไส้ปั่นป่วนเมื่อเห็นว่าทั้งสามสาวยังคงพูดคุยเรื่องต่างๆ เย่เทียนส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องแต่ เย่เทียนไม่ได้สังเกตก็คือ ตรงปลายระเบียงทางเดินฝั่งตรงข้ามห้องน้ำ มีเงาร่างหนึ่งกำลังซ่อนอยู่ตรงแจกันดอกไม้ จ้องมองด้านหลังเย่เทียนด้วยท่าทางที่อาฆาตแค้น
คนนี้นอกจากพานเหลียงผิงคนที่ในใจเต็มไปด้วยแก้แค้นจะเป็นใครได้อีก?
ครืดๆ!
ในเวลานี้ ในกระเป๋าพานเหลียงผิงมีเสียงมือถือดังขึ้นเบาๆ แทบจะทำให้เขาตกใจจนอาการหัวใจกำเริบ
พานเหลียงผิงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเหลือบมอง ดวงตาเป็นประกาย เขาถอยกลับไปที่มุมทางเดินอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็รับสาย
“เฮียเมิ่งถึงหรือยัง?”
“คุณชายพาน พวกเราถึงชั้นล่างแล้ว นายอยู่ไหนล่ะ?”
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์มีเสียงผู้ชายที่ต่ำและหยาบ
“เฮียเมิ่ง อยู่ชั้นสองหน่ะ! ไอ้หนุ่มนั่นเพิ่งเข้าห้องน้ำพอดี!”
พานเหลียงผิงดีใจขึ้นมาทันที เมื่อนึกถึงฉากที่เย่เทียนถูกทุบตีจนร้องไห้หาพ่อแม่ ก็มีคำเยาะเย้ยปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาโดยไม่ตั้งใจ
“จริงเหรอ? มาได้เวลาจริงๆเหมือนมาได้จังหวะพอดีเลย! ผมกำลังไปเดี๋ยวนี้!”
วางสายโทรศัพท์ เฮียเมิ่งก้าวขาเข้าไปในฉินโหลว เป้าหมายชั้นสองชัดเจน
เดิมทีเขาเป็นหนึ่งในผู้นำของแก๊งถุงซิง นำคนหกและเจ็ดคนเข้าสู่สังคมนักเลง และใช้ชีวิตที่เรียกว่าสง่างาม
แต่วันนี้ตอนเช้าเดิมทีคนที่น่าสมเพชเวทนาต่างลุกขึ้นมา ประกาศโดยไม่ลังเลว่าเขาจะยึดครองโลกใต้ดินเจียงหนันอีกครั้งโดยปราศจากความปราณี
ที่สำคัญก็คือ หลิวชิงและคนอื่นๆยังเผยข้อความที่สำคัญ2ประการ!
ประการแรก คือคนป่าที่มีพลังมหาศาลและทำให้หลิวชิงและเชิ่งหู่เต็มใจที่จะรวมตัวกันกลับสู่เจียงหนัน
ประการที่สอง ก็คือผู้นำสมาคมเดียวกัน เดิมหยางซิงผู้นำระดับสูงของมังกรฟ้าถูกประหารชีวิต
เงื่อนไขสองอย่างนี้ทำให้เกิดพายุโหมกระหน่ำที่ไม่หยุดอย่างไม่ต้องสงสัยงานสมาคมที่สูญเสียผู้นำไปก็แตกแยกทันที
ผู้นำระดับกลางและระดับสูงของสมาคมถงซิงรีบเก็บกระเป๋าและวิ่งหนีไปพร้อมกับเงินที่พวกเขาได้รับในช่วงเวลานี้ เนื่องจากกลัวว่าจะถูกตอบโต้โดยหลิวชิงและคนอื่นๆ
เฮียเมิ่งเดิมก็เก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เตรียมตัวจะจากเจียงหนันไปที่อื่น ออกไปหลบอยู่ที่อื่น กลับคิดไม่ถึงจะได้รับโทรศัพท์จากพานเหลียงผิง
พานเหลียงผิงสัญญายื่นเสนอเงินสำหรับการแก้แค้นจำนวนมาก เขาวางแผนหาเงินก่อนค่อยจากไป
ในเมื่อ เดินทางต้องเตรียมเงินหน่อยก็ไม่เลว!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฮียเมิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากจนแทบรอไม่ไหวที่จะขอบคุณไอ้หนุ่มใจกล้าที่ชกพานเหลียงผิงนั่น ไม่เช่นนั้นอย่างน้อยก็ใช้เงินทุนจำนวนมากสำหรับการหนี!
“น้องชาย เห็นแก่ที่นายช่วยฉัน อีกสักพักฉันจะให้ลูกน้องลงมือเบาหน่อย ถือว่าชดเชยให้นาย!”
เฮียเมิ่งรู้สึกขัดแย้งในใจ เรียกลูกน้องที่พามาเข้าไปในฉินโหลว
กลุ่มคนเจ็ดคนบุกเข้าไปในฉินโหลว โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนที่จะตรงไปที่ห้องน้ำบนชั้นสอง
โดยธรรมชาติแล้ว เย่เทียนไม่รู้ว่าพานเหลียงผิงจะไม่ยอมตายใจ และเขายังกล้าเรียกคนมาจัดการกับตัวเอง เปิดน้ำล้างมืออย่างสบายๆ ล้างเสร็จแล้วเตรียมตัวจะจากไป
แต่เขาพึ่งเดินมาถึงประตู พวกเฮียเมิ่งถือว่ามาทันเวลา แต่ละคนมองเย่เทียนแล้วยิ้มอย่างเย็นชา ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าที่ไม่เจตนาดี
“น้องชาย อย่ารีบไปสิ!”
“พวกนายเป็นใคร?”
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้ เย่เทียนขมวดคิ้วแน่น สายตากวาดมองพวกเฮียเมิ่งด้วยความแปลกใจ
“พวกเราเป็นใครไม่สำคัญ ฉันแค่มองน้องชายแล้วสบายตา อยากพูดคุยเรื่องความคิดการใช้ชีวิตกับนายหน่อย”
เฮียเมิ่งเผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ พยายามให้น้ำเสียงอ่อนโยนขึ้น เพื่อไม่ให้แพะรับบาปตัวน้อยที่อยู่ตรงหน้าตกใจ
การแสดงออกของเย่เทียนเริ่มแปลกขึ้นเรื่อยๆ ใครจะไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามมาหาเรื่อง
แต่คิดอย่างรอบคอบ เย่เทียนคิดสับสน ไม่รู้ว่าไปเรียกพวกปลาเล็กๆพวกนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่
“งานอดิเรกของพวกนายโดดเด่นจริงๆ! ถึงขนาดชอบพูดคุยเรื่องแนวคิดการใช้ชีวิตในห้องน้ำ หรือรู้สึกว่ากลิ่นของที่นี่เหมาะกับอนาคตของพวกนายเหรอ?”
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจ แต่เย่เทียนจะเก็บปลาตัวเล็กพวกนี้มาใส่ใจได้อย่างไรล่ะ เขาเหลือบมองคนหลายคนด้วยรอยยิ้มที่ฝืนยิ้ม
“ไอ้เด็กนี่พูดยังไง? กวนตีนใช่ไหม?”
“นายไอ้ลูกวัวปวกเปียก ให้นายเข้าไปก็เข้าไป พูดไรไร้สาระมากมาย?”
“พูดจาให้มันดีๆหน่อย! เชื่อไหมถ้านายยังจู้จี้จุกจิกพวกเราเอานายตายแน่!”
คำพูดของเย่เทียนกระตุ้นลูกน้องที่ติดตามเฮียเมิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย และพวกเขาทั้งหมดก็ตะโกนด่าขึ้นมา
“พอๆๆ! พวกนายพูดทีละคนไม่ได้เหรอ คนมากขนาดนี้ให้ผมฟังใครล่ะ?”
เย่เทียนรีบทำมือห้าม ไม่รอให้พวกนั้นหุบปาก เขาก็พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า
“ช่างเถอะๆ ในเมื่อพวกนายอยากคุยกับฉันเรื่องความคิดของชีวิต งั้นวันนี้ฉันก็จะชี้แนะๆพวกนายหน่อย”
พูดจบ เย่เทียนกำลังจะหันตัวไป แล้วเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง
ในห้องน้ำยังมีหลายคนกำลังจัดการธุระ พอเห็นกลุ่มคนเข้ามา แต่ละคนสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“ทำธุระเสร็จไม่เสร็จก็ไสหัวออกไป อย่ามาเกะกะสายตาที่นี่ ไม่งั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นโทษคนอื่นไม่ได้นะ!”
ลูกน้องของเฮียเมิ่งพูดไล่คนพวกนั้นไปอย่างมีประสบการณ์
คนเขาพูดจนขนาดนี้แล้ว พวกคนที่กำลังกดน้ำไหนจะยังกล้าพูดอะไร? ต่างรูดซิบ ก้มศีรษะแล้วเดินออกไป
ฝีมือครู่เดียว ในห้องน้ำนอกจากเย่เทียน ก็เหลือแต่พวกเฮียเมิ่ง
ไม่พูดไม่ได้ว่า ฉินโหลวไม่เพียงแต่เป็นภัตตาคารหรู แม้แต่ห้องน้ำก็ยังสะอาดมาก อย่างน้อยก็ไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์
ในใจเย่เทียนรู้สึกขำเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าตัวเองถึงกับทำให้คนมาอัดแน่นอยู่ในห้องน้ำ
“พอแล้ว ตอนนี้คนก็ไปหมดแล้ว พวกเราก็อย่าลีลามีธุระก็พูดตรงๆ!”
เย่เทียนจัดการความคิด จัดการเสร็จก็มองไปทางเฮียเมิ่ง “พวกนายมาจากไหน? ในความทรงจำของฉัน เหมือนจะไม่เคยล้วงเกินอะไรพวกนายนะ?”
“น้องชาย พูดได้เปิดเผยดี!”
เฮียเมิ่งยิ้มให้เห็นฟันขาวซี่ใหญ่ แล้วยื่นมือมาวางไว้ที่บ่าของเย่เทียน สีหน้าเต็มไปด้วยความเสียดายแล้วพูดว่า “งั้นพี่ก็จะบอกความจริงกับนาย นายไม่ได้ล่วงเกินพวกเรา เพียงแต่..”
“นายไปล่วงเกิน คนที่ไม่ควรล่วงเกิน พวกพี่ก็แค่รับเงินมา แล้วช่วยเขาบรรเทาทุกข์”
เย่เทียนได้ยิน ทันใดนั้นคิ้วก็ยิ่งขมวดมากขึ้น คนที่เขาเคยมีเรื่องบาดหมาง นอกจากฆ่ากลุ่มหม่าป่าแล้ว พรรคชิงเฉิงก็ถือว่านับเป็นหนึ่งในนั้น แต่ทั้งสองฝ่ายเป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกปลาน้อยพวกนี้มาไม่ใช่เหรอ?
อย่างน้อยแก๊งถุงซิง นับว่าแค่หนีก็คงหนนีไม่ทัน เกรงว่าคงไม่มีความกล้าพอมาหาเรื่องตัวเองหรอกนะ?
ตั้งแต่ต้นจนจบ เย่เทียนคิดก็ไม่เคยคิดว่าจะเป็นการแก้แค้นของพานเหลียงผิงเลย
ในเมื่อ ลักษณะของพานเหลียงผิงที่เลือดตกยางออกเมื่อกี้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องไปที่โรงพยาบาลเย็บเข็มก่อนมั้ย?
แต่เสียดาย ที่เย่เทียนละเลยไปเรื่องหนึ่ง พานเหลียงผิงและคนอื่นๆเป็นหมอกันหมด อยากจะห้ามเลือดอะไรนั่นก็สามารถทำได้เลยไม่ใช่เหรอ?