ตอนที่ 439 ปล่อยวางความบาดหมางเพื่อร่วมมือกัน

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

“ดูนั่นสิ มีประตูอยู่ตรงนั้น !”

กลางอากาศเบื้องหน้าทุกคนปรากฏเป็นพระราชวังหลังหนึ่งที่ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง ทันใดนั้น จอมยุทธ์อิสระคนหนึ่งก็สังเกตเห็นประตูบนมุมด้านหนึ่งของพระราชวัง เมื่อเห็นดังนั้น คนอื่น ๆ อีกหลายคนก็ไม่ยอมน้อยหน้าและพุ่งตรงเข้าหาประตูบานนั้นโดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม บรรดาสมาชิกของขุมกำลังใหญ่ต่างก็มิได้ขยับเขยื้อนและยังคงแสดงสีหน้าราบเรียบใจเย็นขณะมองหลายคนที่มุ่งหน้าตรงไปอย่างไม่รีรอ หากว่าซากปรักหักพังของสุดยอดผู้ใช้ข่ายอาคมธรรมดาเช่นนี้ก็คงไม่จำเป็นต้องเข้าไปให้เสียเวลา

เป็นจริงดังที่คิดไว้ รอยยิ้มของจอมยุทธ์หลายคนที่มุ่งหน้าตรงไปที่ประตูยังไม่ทันหายไปจากใบหน้าด้วยซ้ำก่อนที่ทุกคนจะได้ยินเสียงอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้นมา

จากนั้นประตูก็ปิดลงอย่างฉับพลันและกักขังพวกเขาเหล่านั้นไว้ข้างใน อึดใจต่อมา จุดที่เป็นตำแหน่งของประตูก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนกลายเป็นพยัคฆ์ที่ดูดุร้ายอย่างยิ่ง

จอมยุทธ์หลายคนที่เข้าไปในประตูนั้นคงจะกลายเป็นอาหารอันโอชะในท้องของพยัคฆ์ตัวนี้ไปแล้ว อีกทั้งก็คงจะไม่เหลือแม้กระทั่งกระดูก !

“นายหญิง นี่คือข่ายอาคมดวงดารา พยัคฆ์ตัวนี้น่าจะเป็นพยัคฆ์ขาวในตำนาน หากข้าคิดไม่ผิด พระราชวังที่ปรากฏนี้เป็นภาพลวงตามิใช่ซากปรักหักพังที่แท้จริง และแท่นสูงที่เรายืนอยู่ในตอนนี้ เกรงว่าจะตกอยู่ในระยะอิทธิพลของข่ายอาคมเช่นกัน”

ทันใดนั้น มารยาปรากฏกายข้างฉินอวี้โม่พร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย มันสัมผัสถึงกลิ่นอายของข่ายอาคมมายาระดับสูงและพอจะคาดเดาชื่อของข่ายอาคมนี้ได้

หากคิดไม่ผิด นี่น่าจะเป็นข่ายอาคมดวงดาราในตำนานซึ่งประกอบไปด้วยสัตว์เทพประจำทิศทั้งสี่ ได้แก่ ชิงหลง (มังกรฟ้า) จูเชวี่ย (หงส์แดง) ไป๋หู่ (พยัคฆ์ขาว) และเสวียนอู่ (เต่าดำ)* มันถือเป็นข่ายอาคมระดับสูงอย่างยิ่ง

* สัตว์เทพประจำทิศทั้งสี่ได้แก่

– ชิงหลง (青龍) หรือมังกรฟ้า East Blue Dragon เทพอสูรแห่งทิศตะวันออก ตัวแทนแห่งธาตุไม้

– จูเชวี่ย (朱雀) หรือหงส์แดง South Suzaku เทพอสูรแห่งทิศใต้ ตัวแทนแห่งธาตุไฟ

– ไป๋หู่ (白虎) หรือพยัคฆ์ขาว West White Tiger เทพอสูรแห่งทิศตะวันตก ตัวแทนแห่งธาตุทอง

– เสวียนอู่ (玄武) หรือเต่าดำ North Xuanwu เทพอสูรแห่งทิศเหนือ ตัวแทนแห่งธาตุน้ำ

ชิงหลง จูเชวี่ย ไป๋หู่และเสวียนอู่ก่อตัวขึ้นจากพลังมายาและมีพลังเทียบเท่ากับอสูรระดับพสุธาเซียน ไม่มีทางเลยที่จอมยุทธ์ธรรมดาจะเอาชนะพวกมันได้

อย่างไรก็ตาม ข่ายอาคมนี้มีจุดสำคัญอยู่ทั้งสี่ทิศไม่ว่าจะเป็นทิศเหนือ ใต้ ตะวันออกและตะวันตก ตราบใดที่หาผลึกดาราทั้งสี่ในจุดสำคัญแต่ละทิศและทำลายพวกมัน ข่ายอาคมนี้ก็จะสลายไปโดยอัตโนมัติ

เมื่อได้ยินคำอธิบายของมารยา ฉินอวี้โม่ก็เข้าใจมากขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกไปและเพียงรอดูว่าคนอื่น ๆ จากแต่ละขุมกำลังใหญ่จะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร

เป็นจริงอย่างที่ว่า ทันทีที่มารยากล่าวอธิบายกับฉินอวี้โม่จบ ประตูก็ปรากฏขึ้นในอีกสามทิศและในอึดใจต่อมา ประตูเหล่านั้นก็เปลี่ยนกลายเป็นอสูรมายาขนาดใหญ่ที่คุ้มกันในจุดนั้นซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล

“นั่นมันเทพอสูรประจำทิศทั้งสี่ !”

ใครบางคนจำอสูรทั้งสี่ได้ในแวบแรกและโพล่งออกไปทันที ใบหน้าของเขาแสดงถึงความกังวลอย่างปิดไม่มิด

อสูรมายาทั้งสี่เหล่านี้ เมื่อสายเลือดของพวกมันตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ พลังความแข็งแกร่งของพวกมันจะไม่ด้อยไปกว่ามังกรทองห้าเล็บแม้แต่น้อยและถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง แม้ว่าอสูรมายาที่ปรากฏทั้งสี่ตัวในตอนนี้เป็นเพียงร่างที่ก่อตัวจากพลังมายา แต่แรงกดดันอันทรงพลังที่แผ่ออกมาก็ทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัดอย่างที่สุด

“จบเห่แล้ว ในเมื่ออสูรมายาที่ทรงพลังปรากฏออกมาเช่นนี้ เห็นทีวันนี้เราคงต้องถูกฝังอยู่ที่นี่แน่”

จอมยุทธ์คนหนึ่งไม่กล้าแม้แต่จะคิดหาทางหลบหนีด้วยซ้ำ บัดนี้ทั้งสี่ทิศทางถูกรายล้อมไปด้วยอสูรมายาที่ทรงพลังและพระราชวังบนท้องฟ้าก็ดูลึกลับอย่างยิ่ง เขากังวลว่าหากกระทำการสิ่งใดบุ่มบ่าม จุดจบคงลงเอยไม่ต่างจากเหล่าจอมยุทธ์อิสระผู้น่าเวทนาก่อนหน้านี้

“เหอะ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าอสูรมายาที่ก่อตัวมาจากพลังมายาเหล่านี้จะเอาชนะพวกเราได้”

ฉินจินแค่นเสียงในลำคอและสายตาจับจ้องตรงไปที่พยัคฆ์ขาวซึ่งอยู่ตรงหน้า จากนั้นก้อนแสงขนาดใหญ่ก็ปรากฏในมือของเขาและพุ่งตรงเข้าใส่มันทันที

“โฮกกกกก !”

พยัคฆ์ขาวคำรามดังลั่นและอ้าปากกว้างก่อนที่ก้อนแสงดังกล่าวจะถูกกลืนลงท้องมันอย่างรวดเร็ว มันไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น ทว่าอึดใจต่อมา มันก็พ่นก้อนแสงออกจากปากและพุ่งตรงเข้าใส่ฉินจินอย่างไม่รีรอ

ตู้ม !

ฉินจินไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย ม่านป้องกันขนาดใหญ่ปรากฏตรงหน้าเขาและพยายามขัดขวางก้อนแสงนั่นไว้โดยตรง

แม้ว่าก้อนแสงของพยัคฆ์ขาวจะดูไม่สะดุดตานัก มันก็ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ มันฝ่าผ่านม่านป้องกันไปอย่างง่ายดายและทะลุผ่านไปกระทบกับร่างของฉินจินโดยตรง

พรวดดด !

ร่างของฉินจินกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าวก่อนกระอักเลือดคำโตออกมา ใบหน้าของเขาในตอนนี้ซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่คาดคิดเลยว่าพลังของพยัคฆ์ขาวจะทรงพลังถึงเพียงนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขอบเขตเซียนขั้นเจ็ดก็ไม่อาจต้านทานพลังของมันได้

สีหน้าของฉินหวยเปลี่ยนไปเล็กน้อยและพุ่งตรงไปปรากฏกายข้างฉินจินอย่างรวดเร็ว

“ข้าไม่เป็นไร…”

ฉินจินส่ายศีรษะเบา ๆ มันไม่ใช่อาการบาดเจ็บที่ร้ายแรง เพียงแต่เขารู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น

“ข้าคิดว่าถึงแม้อสูรมายาประจำทิศทั้งสี่จะก่อตัวขึ้นจากพลังมายา ทว่าพวกมันก็ล้วนทรงพลังอย่างยิ่ง หากเราแยกกันต่อสู้ เกรงว่าเราคงไม่มีทางทำลายข่ายอาคมนี้ได้แน่ อย่าว่าแต่เข้าไปในซากปรักหักพังเลย เพราะฉะนั้นข้าขอเสนอให้พวกเราปล่อยวางความบาดหมางทั้งหมดก่อนและร่วมมือกันต่อสู้ มีเพียงแค่การเอาชนะอสูรทั้งสี่เท่านั้นที่เราจะมีโอกาสเข้าสู่ซากปรักหักพัง”

ต้องกล่าวเลยว่าผู้อาวุโสฉินหวยชาญฉลาดอย่างยิ่ง ฉินจินเพียงทำการทดสอบเล็กน้อย เขาก็คาดเดาสถานการณ์ได้แล้วและกล่าวข้อเสนอออกไป

“เราไม่คัดค้าน”

จู่ ๆ ผู้บัญชาการของกองทหารหงเฟิงก็ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ และกล่าววาจาอย่างแผ่วเบา ทว่าดังชัดเจนในหูของทุกคน

ไม่น่าเชื่อเลยว่ากองทหารหงเฟิงจะตอบตกลงด้วยความยินดีเช่นนี้ แม้แต่ฉินหวยเองก็ประหลาดใจไม่น้อย อย่างไรก็ตาม เขาไม่กล่าวสิ่งใดให้มากความ ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ เขาทำได้เพียงแค่เชื่อใจกองทหารหงเฟิงก่อน

“กองทหารหงเฟิงจะรับหน้าที่จัดการหงส์แดงเอง”

เนื่องจากตอนนี้หงส์แดงอยู่ใกล้กับพวกเขามากที่สุด ผู้บัญชาการของกองทหารหงเฟิงจึงตัดสินใจเลือกหงส์แดงโดยตรง

เมื่อได้ยินวาจาของหัวหน้ากองทหารหงเฟิง ฉินหวยก็พยักศีรษะตอบรับก่อนมองไปยังฉินจินและฉินขุยพร้อมกล่าวต่อ “ฉินจินและฉินขุย ขุมกำลังของท่านทั้งสองร่วมมือกันจัดการกับพยัคฆ์ขาวตัวนั้นเสีย มังกรฟ้านั่นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าและฉินส่าวชิง ส่วนเต่าดำก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนที่เหลือ ไม่ทราบว่าทุกท่านคิดเห็นอย่างไร ?”

แม้ว่าฉินจินและฉินขุยไม่ต้องการทำเช่นนั้น เวลานี้พวกเขาก็ทำได้เพียงตอบตกลงด้วยความไม่เต็มใจเท่านั้น

แน่นอนว่าฉินอวี้โม่และสหายไม่มีความคิดเห็นใด ๆ ในเมื่อฉินหวยและทุกคนยอมมองข้ามเรื่องอื่นและทุ่มเทอย่างเต็มที่ จะมีผู้ใดคัดค้านได้กันเล่า ?

อย่างไรก็ตาม คนอื่น ๆ ที่เหลือดูจะมีข้อกังขาบางอย่าง

“ผู้อาวุโสฉินหวย พวกเราไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก การให้เราร่วมมือกันจัดการกับเต่าดำ ท่านประเมินความสามารถของพวกเราสูงเกินไปแล้ว !”

ใครคนหนึ่งอดกล่าวออกไปไม่ได้ เขารู้สึกว่าฉินหวยปฏิบัติกับพวกเขาเสมือนว่าเป็นหน่วยกล้าตายและรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก

“ฮ่า ๆ ๆ หากมีแค่ท่าน มันก็คงจะยากสักหน่อย อย่างไรก็ตาม มีสมาชิกจากเมืองวารีมายาหลายคนปะปนอยู่ในหมู่พวกท่าน อย่าคิดว่าข้าจะไม่รู้ ยิ่งไปกว่านั้น หากข้าคิดไม่ผิด โลกมายาก็มีจอมยุทธ์อิสระหลายคนซึ่งมีพลังที่ไม่อาจประมาทได้เลย ข้าเชื่อว่าพวกเขาคงจะไม่ปฏิเสธในคราวจำเป็นเช่นนี้”

ฉินหวยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม เขาไม่กังวลใด ๆ

ภายในโลกมายามีจอมยุทธ์อิสระจำนวนหนึ่งซึ่งไม่ต้องการเข้าร่วมขุมกำลังใด จากข้อมูลที่มี ฉินหวยทราบว่าจอมยุทธ์อิสระหลายคนมีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาและผู้ที่ทรงพลังที่สุดก็ทะลวงพลังไปถึงขอบเขตเซียนขั้นหกซึ่งเอาชนะได้ไม่ง่ายเลย

ยิ่งไปกว่านั้น เฮยรองและคนอื่น ๆ จากเมืองวารีมายาก็ปะปนอยู่ในฝูงชนเหล่านั้น แม้ว่าไม่ต้องการดึงดูดความสนใจของผู้อื่น คนเหล่านั้นก็ไม่รอดพ้นไปจากสายตาของเขา

“เอาล่ะ ไม่มีปัญหา พวกเราจะจัดการเต่าดำเอง”

เมื่อได้ยินวาจาของฉินหวย บุรุษคนหนึ่งซึ่งมีกระบี่เล่มใหญ่พาดอยู่บนหลังก็กล่าวแทรกขึ้นมาเบา ๆ เขาคือเฉิงห่าวซวน—หนึ่งในผู้ที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาจอมยุทธ์อิสระซึ่งมีพลังอยู่ในขอบเขตเซียนขั้นหกและเชี่ยวชาญทักษะกระบี่ในระดับที่ลึกซึ้ง ก่อนหน้านี้เขาแฝงตัวและพยายามกลมกลืนกับฝูงชนโดยไม่เอ่ยสิ่งใด ทว่าครานี้เขากล่าวตอบออกไปอย่างชัดเจน

พวกเขาเข้าใจแผนการของฉินหวยดี เขาต้องการที่จะใช้งานจอมยุทธ์อิสระที่ทรงพลังเหล่านี้และให้พวกเขาช่วยเหลือในการรับมือกับอสูรมายาที่แกร่งกล้าเช่นกัน

“เอาล่ะ ในเมื่อจอมยุทธ์เฉิงห่าวซวนกล่าวเช่นนั้นก็ลงมือกันเถอะ ข้าหวังว่าครานี้เราจะร่วมมือกันอย่างสุดความสามารถและทำลายข่ายอาคมนี้ไปด้วยกัน”

ฉินหวยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม เขาไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีกต่อไปในขณะที่สายตาจับจ้องไปที่มังกรฟ้าตรงหน้า

“สหายน้อยอวี้โม่ ท่านสามารถช่วยอะไรพวกเราในสถานการณ์นี้ ?”

หลังจากหันไปมองฉินอวี้โม่ ฉินหวยก็กล่าวขึ้น อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่การลองเชิงโดยซ่อนเร้นจุดประสงค์ใด ๆ ทว่าเป็นคำถามที่จริงใจและตรงไปตรงไปมา

“อสูรมายาของข้ากล่าวว่านี่คือข่ายอาคมที่ชื่อว่าข่ายอาคมดวงดารา อสูรทั้งสี่ตัวนี้ทรงพลังอย่างยิ่งและการเอาชนะพวกมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อย่างไรก็ตาม หากเราตามหาจุดสำคัญของพวกมันและทำลายผลึกดาราที่ควบคุมอสูรทั้งสี่ ข่ายอาคมนี้ก็จะคลายลงไปโดยอัตโนมัติ”

ฉินอวี้โม่ไม่ได้ปิดบัง แม้ว่านางต้องการฉวยโอกาสตัดกำลังให้ฉินหวยและศัตรูคนอื่น ๆ อ่อนกำลังลง ทว่าตอนนี้ก็ยังไม่ใช่เวลา ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ก็มีคนอยู่มากเกินไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เรื่องจะต้องทราบไปถึงหูฉินเหยียนอย่างแน่นอน เพราะเหตุนั้นแผนการจะต้องดำเนินในซากปรักหักพังเท่านั้น

ฉินหวยก็ทราบดีว่าหนึ่งในอสูรมายาของฉินอวี้โม่มีความชำนาญด้านข่ายอาคมและเขาไม่มีข้อกังขาใด ๆ เขาเพียงถ่ายทอดคำพูดของฉินอวี้โม่ให้หลายขุมกำลังได้ทราบเพื่อที่พวกเขาจะได้หาหนทางทำลายผลึก

“สหายน้อยอวี้โม่ ท่านเพิ่งให้กำเนิดบุตรได้ไม่นาน ครานี้อย่าเพิ่งลงมือเลย ในเมื่อพวกเราทราบวิธีทำลายข่ายอาคมนี้แล้ว มันก็คงจะไม่มีปัญหาในการตามหาผลึกนั่น”

จู่ ๆ เลี่ยหยางก็กล่าวขึ้นมาเพื่อให้ฉินอวี้โม่ยืนดูอยู่เฉย ๆ โดยยกเหตุผลที่เหมาะสมมาอ้าง

แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ก็เข้าใจความหมายของเลี่ยหยางและยินดีทำตาม นางพยักศีรษะและกล่าว “เช่นนั้นท่านก็ระวังตัวด้วย หากท่านต้องการความช่วยเหลือใดก็เรียกข้าได้เลย”

ฉินหวยและคนอื่น ๆ ได้ยินวาจาของเลี่ยหยางอย่างชัดเจน แม้ว่าเซวียเม่ยจะดูคัดค้านเล็กน้อย นางก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด พวกเขาไม่สนใจความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่เลยสักนิดและสนใจเพียงทักษะการสยบอสูรของนางเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อเลี่ยหยางประกาศเช่นนั้นแล้ว หากพวกเขายังดื้อดึงให้ฉินอวี้โม่ลงมืออีกล่ะก็ พวกเขาก็จะถูกมองเป็นตัวร้ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเซวียเม่ยเองก็ไม่ได้โง่เขลาถึงเพียงนั้น

“เราทั้งหมดจะร่วมมือกันโจมตีและจงจับตาดูจุดที่อสูรพยายามปกป้องคุ้มกันเป็นพิเศษ ข้าเชื่อว่าผลึกมายาที่ตามหาจะต้องอยู่ที่จุดนั้นเป็นแน่ เมื่อค้นพบผลึกแล้วนั้น การที่จะทำลายมันก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป”

ต้องยอมรับเลยว่าฉินหวยเป็นบุคคลที่เฉลียวฉลาดอย่างแท้จริง ภายในเวลาเพียงครู่เดียว เขาก็วางแผนที่รัดกุมได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้

ทุกคนพยักศีรษะอย่างพร้อมเพรียงก่อนที่ร่างของพวกเขาพุ่งตรงเข้าไปหามังกรฟ้า

ส่วนการจัดการของอีกสามทิศก็มีการหารือครู่หนึ่งก่อนพวกเขาจะส่งจอมยุทธ์ที่ทรงพลังที่สุดออกไปโจมตีอสูรทรงพลังเหล่านั้น

อย่างไรก็ตาม กองทหารหงเฟิงในเวลานี้กลับดูใจเย็นอย่างยิ่ง ผู้บัญชาการของพวกเขาก็มิได้ออกแรงต่อสู้เลยสักนิด ทว่ากลับเป็นคนห้าคนที่ล้อมรอบหงส์แดงและต่อกรกับมันอย่างง่ายดายด้วยท่าทางที่ดูผ่อนคลายอย่างที่สุด

ในชั่วขณะหนึ่ง สถานการณ์บนภูเขาอเวจีก็ติดชะงักอยู่ในสภาวะจนมุมเล็กน้อย

.