ตอนที่ 52-1 ความหึงหวงที่ไม่คุ้นเคย

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

“ครั้งหน้าหากเราเห็นอะไรเช่นนี้อีก เราจะไม่อยู่เฉยอีกเป็นแน่ จำเอาไว้”

 

 

น้ำเสียงของบีพาอันนิ่งและเยือกเย็น จังหวะการพูดไม่เร็วและไม่ช้าจนเกินไป ทว่ามีความเฉียบขาด สายตาที่เย็นชามองไปที่รูแฮ รูแฮเงยหน้าขึ้นมาสบตากับบีพาอัน เขาคิดว่าจะไม่หลบสายตานั้นอีกต่อไป นี่เป็นสิ่งที่รูแฮตั้งมั่นเอาไว้นานแล้ว

 

 

“อะไรเช่นนี้อย่างนั้นหรือ…กระหม่อมมิรู้หรอกว่าฝ่าพระบาทฮวางแทจาทรงจินตนาการถึงเรื่องไม่งามเรื่องใด กระหม่อมเพียงแต่…มาเยี่ยมไข้พระชายาฮวางแทจา เพราะพระชายาทรงประชวรก็เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“เยี่ยมไข้อย่างนั้นหรือ ชายาของเรากับฮวางเซจาสนิทกันถึงเพียงนั้นเลยหรือ”

 

 

ชายาของเรา

 

 

รูแฮมั่นใจอย่างชัดเจนเลยว่าบีพาอันจงใจใช้คำพูดเพื่อกระตุ้นและยั่วยุตน เขากำหมัดแน่น สะบัดแขนที่บีพาอันจับไว้อย่างแรงจนมือบีพาอันหลุดออกไป หลังจากนั้นก็สูดหายใจลึกสั้นๆ ก้มไปหยิบถ้วยโจ๊กที่กลิ้งตกลงพื้นอย่างฉวัดเฉวียน แม่นมเดินเข้ามาเก็บถ้วยโจ๊กออกไปอย่างรวดเร็ว

 

 

ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้นทำให้รูแฮสามารถจัดการความคิดของตนเองได้ เขาจึงตอบกลับไปอย่างมั่นใจ

 

 

“ทรงลืมแล้วพ่ะย่ะค่ะว่ากระหม่อมนั้นเป็นพ่อทูนหัว พระชายาเองก็เสด็จไปที่พระราชวังเหนือบ่อยๆ เป็นเพื่อนคุยให้กับพระชายาเซจา ดังนั้นเราสองจึงสนิทกันยิ่งขึ้นเรื่อยมา”

 

 

“อาจจะเป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อฮวางเซจาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ชายาดูกระวนกระวายใจนัก”

 

 

รูแฮสะดุ้ง เขาไม่คิดว่าบีพาอันจะพูดถึงเรื่องที่ตนเป็นผู้ต้องสงสัย หลังจากเกิดเหตุการณ์ร้ายที่ตำหนักบุกบี และได้มีการไต่สวนขึ้น แม้จะเป็นสถานการณ์ที่อันตรายอย่างมากในฐานะฮวางเซจา ทว่าสำหรับรูแฮแล้วมันกลับกลายเป็นเรื่องที่ดี เพราะกโยซึลที่ไม่อาจทนที่จะไม่เป็นห่วงรูแฮได้นั้น ได้สารภาพความในใจออกมาทั้งหมด จนในที่สุดพวกเขาทั้งคู่ก็ได้ลงเอยกัน

 

 

แม้ทั้งคู่จะเข้าอกเข้าใจกัน แต่มันก็เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถเปิดเผยได้อย่างจริงจัง เพราะฉะนั้นในสถานการณแบบนี้ รูแฮจึงไม่สามารถพูดออกไปได้อย่างสบายใจ

 

 

“เพราะพระชายาทรงจิตใจดีพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“ใช่ ทรงจิตใจดี เพราะฉะนั้นจงระวัง อย่าให้มีเรื่องเข้าใจผิดเพราะความใจดีของชายา ผู้ซึ่งมีจิตใจดีต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน”

 

 

“ทรง….ทำเกินไปพ่ะย่ะค่ะ แต่เขาก็ไม่สามารถก้าวถอยไปได้อย่างสงบ และก็ไม่ต้องการที่จะทำแบบนั้น รูแฮจ้องเขม็งไปที่บีพาอัน “ฝ่าพระบาทมิเคยใส่ใจพระชายาเลย แล้วตอนนี้จะมาควบคุมความสนิทสนมใกล้ชิดของกระหม่อมกับพระชายาหรือพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“เราเพียงต้องการทำให้มันถูกต้องก็เท่านั้น”

 

 

“มิทรงช้าไปหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ” เป็นคำพูดที่แฝงการเหน็บแนมไว้

 

 

ช้าไป สายเกินไปแล้วที่จะเข้าหานาง มันสายไปแล้ว

 

 

มันเป็นคำเตือนอย่างลับๆ ที่มีเพียงผู้ที่รู้เรื่องราวเท่านั้นจึงจะเข้าใจได้

 

 

บีพาอันมองรูแฮอย่างนิ่งๆ เขาไม่สะทกสะท้านแม้แต่นิด อย่างไรก็ตาม ยังมีคำพูดอันทรงพลังคำสุดท้ายของบีพาอันอยู่ ที่จะทำให้การเผชิญหน้านี้สิ้นสุดลงไปได้

 

 

“นางเป็นชายาของข้า”

 

 

คำพูดสั้นๆ ที่ทำให้ความคุกรุ่นทั้งหมดจบลง บรรยากาศที่ร้อนระอุบรรเทาลงในฉับพลัน แต่ก็ยังถือว่าช้าอยู่นัก สำหรับบีพาอันที่มักจะใส่ใจต่อผลลัพท์ของทุกสิ่งที่ตนลงมือทำอย่เสมอ

 

 

“ไม่มีคำว่าเร็วหรือช้าเกินไป เพราะนี่คือความสัมพันธ์ระหว่างภรรยาและสามี”

 

 

ชายาของฮวางแทจา ความสัมพันธ์ของพระชายากับพระสวามีที่ถูกผูกกันไว้แล้ว

 

 

มันคือคำสาปที่รูแฮมิอาจก้าวล่วงได้ ข้อจำกัดของสถานะที่ตนลืมเลือนไปถูกโยนใส่หน้าตนอีกครั้ง  ระยะห่างระหว่างรูแฮกับกโยซึลนั้นมากกว่าเก้าหมื่นลี้ มีกำแพงภูเขาสูงใหญ่ขวางกั้น รูแฮเม้มปากด้วยความรู้สึกไม่เป็นธรรม เขายิ่งโกรธเคืองขึ้นไปอีกเมื่อไม่สามารถแสดงความรู้สึกนี้ออกไปได้

 

 

“…ถ้าทรงถือว่านางเป็นพระชายา กระหม่อมก็หวังว่าอย่างน้อยที่สุดฝ่าพระบาทจะทรงรักษามารยาทต่อพระชายา ทรงต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับราชวงศ์ ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าพระบาท ฮวางแทจา”

 

 

คำเรียกชื่อในตอนท้ายนั้นรูแฮกล่าวออกมาราวกับเป็นคำที่มีเสี้ยนหนามปักอยู่เต็มไปหมด

 

 

บีพาอันกับรูแฮหันไปคนละทาง หลังจากที่ทั้งคู่จ้องเขม้นกันอยู่ช่วงหนึ่ง และยังก้าวท้าวออกไปพร้อมกัน ทว่าเส้นทางที่หันไปนั้นตรงกันข้าม รูแฮเดินออกไปทางประตู ส่วนบีพาอันมุ่งไปทางเตียง บีพาอันหันไปสบตากโยซึลเล็กน้อย ขณะเดินเข้าไปใกล้เตียง กโยซึลดูประหม่าอย่างเห็นได้ชัด นางกำผ้าห่มไว้อย่างแน่น หดไหล่ลง ขมวดคิ้วเป็นเลขแปดแล้วมองขึ้นไปที่บีพาอัน ไม่มีแววตาใดที่จะเศร้าสร้อยไปกว่านี้อีกแล้ว

 

 

“ฮะ แฮ…”

 

 

เสียงจามแปลกๆ ดังออกมา กโยซึลเกร็งคอไว้ แต่ก็ไม่อาจห้ามมันไว้ได้ นางใช้สองมือปิดหน้าและพยายามที่จะกลั้นการจามนั้นไว้ อาการจามที่กำลังจะปะทุออกมา กับกโยซึลที่พยายามจะกลั้นไว้ ดั่งเชือกชักกะเย่อที่รั้งกันไปมา ทว่าท้ายที่สุดมันก็ถูกตัดขาดออกจากัน

 

 

“อุก อึก” น่าจะปล่อยให้มันปะทุกออกมาเสียจะยังดีกว่า เพราะกลั้นเอาไว้จึงทำให้มีเสียงที่น่าเกลียดเล็ดลอดออกมา หูอื้อ ทั้งยังเจ็บคอ กโยซึลเงยหน้ามองบีพาอันด้วยใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย

 

 

อ่า ลืมไปเลยว่าตรงหน้านั้นคือบีพาอัน

 

 

เขาดูเหมือนจะไม่กระพริบตาเลยไม่ว่ากโยซึลจะทำอะไรผิดพลาดอยู่ต่อหน้าตน บีพาอันได้แต่จ้องมองไปที่กโยซึลด้วยสีหน้าสงบเสงี่ยมและเยือกเย็น

 

 

“อ่า ฮ่าๆ หม่อมฉันเป็นไข้หวัดก็เลยจามออกมาน่ะเพคะ”

 

 

กโยซึลชี้แจงอย่างเขินอาย ทว่านางก็สงสัยว่าเขาฟังอยู่หรือเปล่า เพราะไม่เห็นการตอบสนองใดจากบีพาอันต่อการกระทำของตนเลย เขาไม่ใส่ใจราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แล้วบีพาอันก็ยื่นมือออกไปพับผ้าห่มอย่างไม่คาดคิด

 

 

“ลุกขึ้น” บีพาอันออกคำสั่งอย่างแข็งกระด้าง ทำให้กโยซึลตกใจจนไม่รู้ว่าควรทำสิ่งใดต่อ ส่วนคนที่ตอบสนองต่อท่าทีของบีพาอันได้เร็วที่สุดก็คือรูแฮ