กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 921

ทั้งสนามเงียบกริบไร้เสียงใดๆ ไป๋หลี่ป้าหันไปมองทางผู้เฒ่าหนิง “ผู้นำตระกูลหนิง ครั้งนี้เจ้าคงไม่คิดจะช่วยนางอีกหรอกนะ”

ผู้เฒ่าหนิงส่งเสียงหึไปครั้งหนึ่ง “ตาเฒ่าอย่างข้าเป็นคนไร้เหตุผลเพียงนั้นเชียวหรือ? เพียงแค่เขาเป็นปีศาจร้าย ข้าก็ไม่มีทางช่วยเขาอยู่แล้ว”

ผู้เฒ่าหนิงหมายถึงเขา ไม่ใช่นาง

ความหมายของเขาคือ เขาไม่มีทางช่วยจอมมาร แต่หญิงสาวคนนั้นเขาจะพิจารณาตามสถานการณ์อีกที

คำพูดนี้ พูดออกไปแล้วก็เท่ากับไม่ได้พูด

เดิมทีผู้นำตระกูลไป๋หลี่อยากจะให้ผู้เฒ่าหนิงแสดงท่าทีออกมาชัดเจน ทว่าตอนนี้กลับไร้ความหมาย

ไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์กล่าว “เชือดไก่จะใช้มีดเชือดวัวได้อย่างไร ผู้นำตระกูล ให้ข้าจัดการเถอะ ข้าจะเชือดศีรษะของนางมาจงได้”

ไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์เป็นผู้อาวุโสอันดับต้นๆ ของตระกูลไป๋หลี่ เมื่อเทียบกับผู้อาวุโสสูงเก้าที่เพิ่งตายไปเมื่อครู่แล้ว เขามียศสูงกว่าและเก่งกาจกว่ามากนัก

เขาลงมือเองเช่นนี้เป็นการบ่งบอกว่าหญิงสาวคนนี้ไม่มีทางหนีรอดไปได้แน่นอน ทว่าดูจากเมื่อครู่แล้วนั้น ผู้คนต่างก็เป็นกังวลบ้างเล็กน้อยอยู่เช่นกัน

“นางปีศาจ ตายซะเถอะ”

ไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์เปิดมาด้วยท่าไม้ตาย หมัดสายฟ้าเฉียนคุนโจมตีกู้ชูหน่วนลงไปอย่างแรง

น้ำหนักแรงของหมัดนี้รุนแรงจนทำให้กระแสลมสั่นสะเทือน

กู้ชูหน่วนปล่อยมือที่จับมือจอมมารออก เมื่อนางหมุนมือทั้งสองข้าง ดาบของเหล่าลูกศิษย์จากนิกายใหญ่ๆ ต่างก็หลุดออกจากฝักดาบ แล้วบินขึ้นกลางอากาศก่อตัวเป็นค่ายกลดาบอันทรงพลัง

ค่ายกลดาบป้องกันหมัดสายฟ้าเฉียนคุนของไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์ไว้ มีกลิ่นอายสังหารอันเยือกเย็นแผ่ซ่านออกมาจากปลายดาบ

กลิ่นอายสังหารกระจายไปทั่ว กดทับหมัดสายฟ้าเฉียนคุนไว้และพุ่งไปทางไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์อย่างต่อเนื่อง

สีหน้าของไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์ผันเปลี่ยน

นางเป็นเพียงระดับสี่ขั้นต้น

ทว่าเขาเป็นถึงระดับสี่ขั้นสูงสุด

เขาเริ่มด้วยพลังระดับแปด แต่บัดนี้พลังระดับแปดนี้กลับต้านทานกระบวนท่าเดียวของอีกฝ่ายไม่ได้เลย

นี่มันเป็นนางมารอะไรกัน?

เขาใช้กำลังภายในต่อไปเรื่อยๆ ต้องการเปลี่ยนกระบวนท่าเพื่อรับมือ

และแล้วเขาทั้งตัวเขาก็ถูกกลิ่นอายดาบกดทับไว้อย่างรุนแรง กดทับจนเขามิอาจขยับตัวได้เลย

อย่าว่าแต่เปลี่ยนกระบวนท่าเลย แม้แต่กำลังภายในของเขาก็มิสามารถเรียกใช้ได้

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาต้องตายแน่นอน

ลูกศิษย์ที่วรยุทธ์ต่ำมองอะไรไม่ออก เพียงแค่เห็นว่ามีดาบนับหมื่นเล่มห่อหุ้มตัวไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์เอาไว้ เล่มดาบแผ่ลำแสงอันแสบตาออกมา ไม่รู้ว่าใครเหนือกว่ากันแน่

ทว่าผู้ที่มีวรยุทธ์สูงนั้น ต่างก็มองออก

ในใจต่างก็ตกใจกับกู้ชูหน่วนที่เป็นเพียงระดับสี่ แต่กลับมีความสามารถของระดับสี่ขั้นสูงสุดได้ กดทับไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์ได้ในกระบวนท่าเดียว

เหลือเชื่อเกินไปแล้ว

เก่งกาจเกินไปแล้ว

น่ากลัวกว่ามู๋หน่วนนางมารคนนั้นเสียอีก

ที่สำคัญกว่านั้นคือ นางดูอายุยังน้อยอยู๋เลย

น้ำเสียงผู้เฒ่าหนิงปนความสั่นคลอน “ดาบหมื่นเล่มคืนสู่บรรพบุรุษ…วรยุทธ์นี้หายไปนานแล้วมิใช่หรือ?”

ผู้อาวุโสตระกูลเหวินกล่าว “ผู้นำตระกูล หญิงสาวคนนี้ไม่ธรรมดาต้องกำจัดทิ้งหรือไม่ขอรับ?”

เหวินเส่าอี๋เงียบและหัวเราะแห้ง

นั่นคือกู้ชูหน่วนนะ

จะธรรมดาได้หรือ?

ทุกที่ที่มีนางอยู๋ล้วนชลมุนวุ่นวายทั้งนั้น

เหวินเส่าอี๋มองกู้ชูหน่วนและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “กำจัด…แต่ต้องกำจัดด้วยมือข้าเอง”

“เอื๊อก…”

มุมปากของไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์กระอักเลือดออกมาสายหนึ่ง

ดวงตาของกู้ชูหน่วนโหดร้ายขึ้น ง้างมือออกมาอยากจะนำดาบหมื่นเล่มแทงเข้าที่หัวใจของเขา

ผู้นำตระกูลไป๋หลี่เห็นว่าสถานการณ์แย่แล้ว มือทั้งสองสะบัดทำลายพลังที่กู้ชูหน่วนโจมตีไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์และโจมตีเข้าแผ่นหลังของกู้ชูหน่วนอย่างรุนแรง

ดวงตาของกู้ชูหน่วนสั่นไหว

นางไม่พอใจที่จะปล่อยไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์

สำหรับคนของตระกูลไป๋หลี่แล้วนั้น นางสามารถฆ่าเพิ่มได้หนึ่งคนก็จะฆ่า

แต่หากนางไม่ยอมละมือ คนที่อยู๋เบื้องหลังต้องพังพินาศอย่างแน่นอน

ในสถานการณ์ขับขันนี้กลับเห็นจอมมารวิ่งเข้ามาและใช้ร่างกายของตนรับแรงฝ่ามือคร่าชีวิตที่โจมตีเข้ามาของผู้นำตระกูลไป๋หลี่ไว้แทนนาง

ในใจกู้ชูหน่วนตกใจ ถอนพลังฝ่ามือที่โจมตีไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์แปลงเป็นอาวุธลับพุ่งเข้าสู่ไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์

มืออีกข้างหนึ่งกอดเอวอันแข็งแกร่งของจอมมารเอาไว้และพุ่งขึ้นสูงหนีรอดจากกระบวนท่าของผู้นำตระกูลไป๋หลี่

“อ๊า…”

ไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์กรีดร้องอย่างทรมาน ดวงตาทั้งสองข้างถูกอาวุธลับของกู้ชูหน่วนแทงทะลุกลายเป็นคนตาบอดในทันที

เขาหลบจากอาวุธหลับของกู้ชูหน่วนได้ เพียงแต่เขาไม่คิดว่าในอาวุธลับจะมีชั้นประกบ และอาวุธลับในชั้นประกบรุนแรงกว่าชั้นข้างนอกหลายเท่า

เมื่อผู้คนได้ยินเสียงกรีดร้องอันทรมานของไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์ก็อดมิได้ที่จะขนลุกซู่ขึ้นมา

“โครมคราม…”

ผู้นำตระกูลไป๋หลี่เร่งฝีเท้าเข้าไปใกล้เรื่อยๆ ทุกย่างก้าวอาจนำไปสู่ความตายได้ ทุกกระบวนท่าที่โจมตีออกมาล้วนเป็นพลังทำลายล้าง

กู้ชูหน่วนรู้ดีว่าหากรับซึ่งๆ หน้าเช่นนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อนาง จึงทำได้เพียงใช้วิชาตัวเบาขั้นสูงใช้ความอ่อนแก้ความแข็ง

ฝีมือต่างกันมาก ทุกครั้งที่ผู้นำตระกูลไป๋หลี่คิดจะฆ่านางให้ตาย กู้ชูหน่วนก็จะสามารถหลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่ว

หนึ่งครั้งสองครั้งสามครั้ง…

เหลืออีกนิดเดียวเท่านั้นทุกครั้ง

ผู้คนไม่น้อยที่อยู่ในสถานการณ์ต่างก็เหงื่อตกแทนกู้ชูหน่วน

และมีผู้คนบางส่วนที่เป็นกังวลแทนผู้นำตระกูลไป๋หลี่ด้วยเช่นกัน

ต่อหน้าผู้คนมากมายเพียงนี้ เขาที่เป็นถึงผู้นำตระกูลกลับสู้เด็กเมื่อเหลือขอระดับสี่ขั้นต้นไม่ได้ ผู้นำตระกูลไป๋หลี่รู้สึกขายหน้า

มือทั้งสองของเขาวาดยันต์ชี้ขึ้นสู๋ฟ้า เรียกสายฟ้าออกมาและโจมตีไปยังกู้ชูหน่วน

อยากจะใช้สายฟ้าโจมตีนางให้ตายทันที

เมื่อถูกโจมตีเข้าแล้ว แม้แต่ระดับหกก็ต้องตายสถานเดียว นับประสาอะไรกับระดับห้า

ผู้คนต่างเข้าใจดีว่าผู้นำตระกูลไป๋หลี่ตัดสินใจที่จะฆ่านางแล้ว

จอมมารก็ไร้วรยุทธ์แต่กลับมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง และรู้ด้วยว่ากระบวนท่านี้กู้ชูหน่วนไม่สามารถหลบได้ เขาจึงต้องเรียกใช้พลังปล่อยดอกลำโพงออกมา

แต่น่าเสียดาย…

ที่เขาเรียกใช้พลังแล้ว

แต่กลับไม่มีดอกลำโพงออกมาเลย

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

ทำได้เพียงตะโกนอย่างกังวลว่า “พี่หญิง…”

กู้ชูหน่วนเพียงผิวปากออกไปก็มีงูหลากหลายพันธุ์จากที่ไหนไม่รู้ออกมา

เมื่องูเหล่าออกมาพวกมันก็โจมตีเหล่าลูกศิษย์นิกายใหญ่ทันที

โดยเฉพาะผู้นำตระกูลไป๋หลี่

สถานการณ์วุ่นวายขึ้นอีกครั้ง

กู้ชูหน่วนใช้โอกาสนี้นำตัวจอมมารวิ่งหนีออกไป

ผู้นำตระกูลไป๋หลี่ใช้กำลังภายในสะเทือนฝูงงูให้ตายและใช้กำลังภายในโจมตีไปยังกู้ชูหน่วนที่อยู่แดนไกล

เขากล่าวด้วยความกริ้วโกรธว่า “ตามไป…”

ผู้คนไม่น้อยตามไป

แต่ก็มีคนไม่น้อยที่อยู่ต่อเพื่อสู้กับจั่นเฟิงและคนอื่นๆ ต่อไป

บริเวณทางไกล

กู้ชูหน่วนพาจอมมารวิ่งหนีไปไม่รู้นานเท่าใดถึงจะหยุดลง

นางกระอักเลือดออกมา

“พี่หญิง ท่านบาดเจ็บหรือ?”

กู้ชูหน่วนเช็ดเลือดที่กระอักออกมาตรงมุมปาก ใบหน้าอันซีดเซียวเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา

“วรยุทธ์ของตาเฒ่านั่นแข็งแกร่งเกินไป ข้าจำเป็นต้องพยายามต่อไปถึงจะสู้เขาได้”

“อีกไม่นานพวกเขาจะต้องไล่ตามมาแน่นอน อาม่อ เจ้าไปจากที่นี่พร้อมกับงูน้อยพวกนี้ก่อน”

“ไม่ขอรับ อาม่อจะอยู่กับพี่หญิง”

“ข้าเพียงคนเดียวสามารถหนีจากพวกเขาได้ หากพาเจ้าไปด้วย เราจะหนีกันยากทั้งสองคน”

จอมมารกอดเอวของนางไว้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่จากไปอยู่ดี

“ปีศาจร้าย แกจะหนีไปไหน?”

น้ำเสียงอันเกรี้ยวกราดดังขึ้น

เมื่อกู้ชูหน่วนหันไปมองกลับเห็นว่าคนของนิกายใหญ่กำลังไล่ตามมาถึงแล้ว

“พวกเจ้าฝีเท้าไวเหมือนกันนะ”

“หึ พวกข้าคนของเฉิงเทียนปังเชี่ยวชาญด้านวิชาไล่ตาม เพียงแค่เป็นคนที่พวกข้าต้องการหา แม้ว่าจะอยู่ตรงมุมของหุบเหวพวกข้าก็หาพบ”

“ล้วนเป็นพวกหัวมังกุท้ายมังกร” กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ

นางบาดเจ็บอยู่ แต่ยังเย่อหยิ่งได้เพียงนี้ คนของเฉิงเทียนปังจะทนดูต่อไปได้อย่างไร