กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 922 1414-1415
จึงได้ต่อสู้กันกับนางตรงนั้นเลย
ระดับสี่อยู่ที่รัฐปิง แม้แต่ดินแดนวิญญาณเยือกแข็งล้วนเป็นบุคคลที่สุดยอด
คนธรรมดาทั่วไปจะสู้ได้อย่างสบายง่ายดายที่ไหนกัน
แน่นอนว่าเฉิงเทียนปังเองก็ไม่สามารถรับมือกับกู้ชูหน่วนได้อย่างง่ายดายหรอก
อย่างไรก็ตามการต่อสู้กันอยู่ที่นี่นั้นได้ดึงดูดคนจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
คนของหลากหลายนิกายพากันทยอยเข้ามา วัตถุประสงค์คือโค่นล้มถอนรากถอนโคนจอมมารและสังหารกู้ชูหน่วนทิ้งเสีย
กู้ชูหน่วนสองหมัดยากต้านทานสี่ฝ่ามือ มันล้นหลามจนยากที่จะต้านทาน
อีกทั้งมีกริชใหญ่ตัดฟาดผ่านมาด้วย
กู้ชูหน่วนจึงทำได้เพียงปล่อยมือที่ดึงจอมมารออกก่อน จากนั้นถึงได้พลิกมือฟาดดาบต้านฝ่ายตรงข้ามให้ถอยออกไป
“สังหารปีศาจร้ายก่อนจากนั้นค่อยสังหารนางปีศาจ”
แต่ละนิกายที่ไม่ได้มีความสามัคคีกัน พอจะสังหารคนนี่สามัคคีกันเหลือนเกิน
โดยเฉพาะหลังจากที่ลูกศิษย์ของตระกูลไป๋หลี่มาถึง ก็พากันล้อมรอบกู้ชูหน่วนไว้ เพื่อไม่ให้กู้ชูหน่วนช่วยจอมมารได้
“ท่านพี่หญิง ท่านไม่ต้องสนใจข้า ชีวิตของอาม่อไม่ได้คุ้มค่า ท่านพี่หญิงไปก่อนเลย อา……”
จอมมารสูญเสียวรยุทธ์นานแล้ว เขาจะเอาชนะต่อสู้กับศัตรูมากมายได้อย่างไรกัน
ไม่นานด้านหลังของจอมมารจึงได้ถูกฟาดฟัน เลือดสีแดงสดไหลอาบลงมาจากชุดอย่างช้าๆ
ร่างกายของกู้ชูหน่วนแข็งทื่อเย็นยะเยือกทันที ความโกรธเดือดดาลที่อัดแน่นได้ปะทุออกมา
นางกล่าวลอดไรฟันออกมาหนึ่งประโยคว่า“ข้าเคยพูดแล้ว ผู้ใดกล้าทำให้เขาบาดเจ็บ จะถูกจัดการ ใครก็ไม่สามารถมาขวางได้”
ซือ….
ทุกคนพากันตัวสั่นระริก
บรรยากาศเย็นยะเยือก
ชัดเจนว่าหญิงผู้นี้มีเพียงระดับสี่ อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บสาหัส นางมีพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
พวกเขามีความรู้สึกที่คล้ายดั่งว่าเท้าได้ก้าวเข้าสู่ประตูนรกแล้ว
เป็นอย่างที่คิด……
หญิงผู้นั้นได้แปลงกายเป็นเทพอสูร จังหวะการใช้กริชอย่างคล่องแคล่วว่องไว พลังกำลังของนางเพิ่มขึ้นอย่างมากมายมหาศาล เสียงพิฆาตสังหารดังก้องมาทางพวกเขา
การเคลื่อนไหวของนางรวดเร็ว เห็นเพียงแสงสีขาวแฉลบผ่าน ชีวิตอันสดใสก็ค่อยๆล้มพับลงและจางหายมลายตลอดกาล
ทุกคนต้องการล้อมโจมตีนางอีกครั้ง
ทว่าไม่ได้ช่วยอะไรเลย ทำได้เพียงมองนางมาสังหาร พวกเขาไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขวางต้านทาน
บางคนที่ปอดแหก สังเกตการณ์เห็นท่าไม่ดีคิดจะเพ่นหนี
แต่กู้ชูหน่วนกลับไม่ได้ให้โอกาสนั้นแก่พวกเขา
นางได้มอบพลังดาบทลวงเข้าที่ทรวงอกพวกเขา
ยังไม่ทันได้สัมผัสถึงความเจ็บปวดทุกข์ระทม พลังชีวิตก็ได้สูญหายไปเสียแล้ว ทำได้เพียงตาเหลืองมองการแปลงร่างเป็นอสูรของกู้ชูหน่วน
“พู่ว์…..”
ตามด้วยคนสุดท้ายล้มลง
ปลายดาบของกู้ชูหน่วนมีเลือดสดไหลหยดย้อยลงมา
บนร่างกายของนางไม่มีหยดเลือดกระเซ็นเลย ล้วนเป็นคนของแต่ละนิกาย
ผู้คนนับสิบนับร้อยทั้งหมดล้วนถูกนางสังหาร
เมื่อช่วงเวลาบ้าระห่ำผ่านพ้น กู้ชูหน่วนมองคนที่อยู่บนพื้นภายในใจนั้นรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย
เดิมนางไม่ได้อยากจะสังหารพวกเขา
เป็นพวกเขาที่กลั่นแกล้งคนจนเกินไป
จอมมารมองด้วยความมึนงง เป็นเวลานานที่ไม่ได้สติกลับมา
กู้ชูหน่วนสงบสติอารมณ์ และพยายามกักเก็บลมหายใจที่เยือกเย็น นางเดินมาข้างกายอาม่อ กล่าวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า“ตกใจแล้วใช่หรือไม่? อาม่อกลัวหรือไม่?”
จอมมารเงยหน้าขึ้นด้วยความมึนงง กล่าวว่า“เหตุใดอาม่อต้องกลัวด้วยเล่า?”
“ข้าสังหารคนตั้งมากมาย เจ้าไม่กลัวหรือ?”
“ต่อให้ท่านพี่หญิงจะสังหารทุกคนบนพื้นพิภพนี้ ท่านก็ไม่มีทางที่จะสังหารอาม่อหรอก”
ใจของกู้ชูหน่วนกระตุกอย่างแปลกประหลาด
นางลูบผมที่ยุ่งเหยิงบริเวณหน้าผากของจอมมาร จากนั้นยิ้มและกล่าวขึ้นว่า“คนบนพื้นพิภพสามารถสังหารข้าได้ ทว่าจะมาแตะต้องเจ้าแม้แต่เส้นผมเส้นเดียวไม่ได้”
พอกล่าวพูดออกมา
กู้ชูหน่วนถึงตื่นตระหนกหวาดกลัวเลย
จอมมารดวงตาแดงระเรื่อ
เขากอดกู้ชูหน่วนแน่นๆอีกครั้ง คล้ายดั่งต้องการเอากลิ่นของกู้ชูหน่วนตีตราไว้ในหัวใจตลอดกาล
“ท่านพี่หญิง ท่านช่างดีกับอาม่อเหลือเกิน”
“อาม่อเด็กโง่ เมื่อครู่ตอนที่ตระกูลไป๋หลี่ต้องการสังหารข้า เหตุใดเจ้าต้องกระโจนเข้ามาด้วย เจ้าไม่รู้ว่าหมากอุบายนั้น จะทำให้เจ้าตายได้ใช่หรือไม่?”
“อาม่อไม่ได้คิดอะไรมาก อาม่อเพียงแค่ไม่ต้องการให้ท่านพี่หญิงเป็นอะไรไป”
นัยน์ตาเขาสดใส โดยรอบตัวไม่มีกลิ่นอายการคิดพิจารณาคิดร้าย เขาซื่อสัตย์ราวกับกระต่ายขาวตัวน้อยที่ไร้พิษสง มองแล้วมันทำให้คนเกิดความรู้สึกชื่นชอบเขาจากก้นบึ้งหัวใจจริงๆ
กู้ชูหน่วนดึงมือของเขา พร้อมกับกล่าวขึ้นว่า“พวกเราไปกันเถิด อีกสักครู่พวกเขาน่าจะตามมาแล้ว”
“ได้”
จอมมารกอบกุมมือกู้ชูหน่วนแน่นขนัด และเขาแทบจะเอาร่างทั้งร่างอิงแอบนางแล้ว
“ช้าก่อน ด้านหลังของเจ้ามีเลือด ข้าช่วยเจ้าห้ามเลือดก่อนแล้วกัน”
“อาม่อไม่เจ็บเลย”
“ไม่เจ็บจริงๆนะหรือ?”
“ไม่….ไม่เจ็บ…..”
อาม่อกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอิดโรย กู้ชูหน่วนดึงปลดชุดเขาออก เพราะอยากจะช่วยเขาทายา นางยังไม่ได้แตะสัมผัส จอมมารก็ได้ขมวดคิ้วเปล่งเสียงแสดงความเจ็บปวดออกมา
“ยังจะบอกว่าไม่เจ็บนะ นั่งลงก่อน”
“เช่นนั้นหากพวกมันตามมาจะทำอย่างไร?”
“ไม่ว่าจะมาวิธีไหน ก็สามารถที่จะรับมือได้”
กู้ชูหน่วนเอาขวดยาห้ามเลือดมาช่วยเขาหยุดเลือด อีกทั้งได้เอาผ้าพันแผลออกมาจากวงแหวนอวกาศเพื่อทำแผลให้กับเขาด้วย ทุกการกระทำของนางนุ่มนวลแผ่วเบาราวกับสัมผัสเพชรพลอย
“อาม่อ คนในครอบครัวของเจ้าล่ะ?”
“ข้าไม่มีครอบครัวหรอก”
“เช่นนั้นเมื่อก่อนเจ้าใช้ชีวิตอย่างไร?”
“อาม่อฟังไม่เข้าใจ”
“ก็คือ เมื่อก่อนเจ้าพักอยู่ที่ไหน? กินอะไร? ใครดูแลเจ้า?”
“อ้อ….อาม่อไปทุกแห่งหน ถึงไหนถึงกัน ส่วนเรื่องกิน….เก็บอะไรได้ก็กินอันนั้นแหละ”
จอมมารนึกถึงอะไรบางอย่าง เขาก้มศีรษะลงด้วยความเศร้าใจ ประสานสองมือของตนเองเข้าหากันด้วยความหวาดกลัว กล่าวขึ้นว่า“ดวงตาของข้าไม่สวย เมื่อพวกเขาเห็น พวกเขาล้วนตีข้า และยังอยากจะสังหารข้า ข้าทำได้เพียงออกมาเก็บของกินช่วงดึกดื่น”
“ท่านพี่หญิง ดวงตาของข้าขี้เหร่มากใช่หรือไม่?”
“ใครบอก ดวงตาของเจ้าสวยที่สุดแล้วนะ”
“เช่นนั้นเหตุใดพวกเขาถึงไม่ชอบดวงตาของข้ากัน ยังบอกอีกด้วยว่าข้าเป็นปีศาจร้าย อะไรคือปีศาจร้ายหรือ?”
“นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่มีตา ไม่มีแวว ไม่จำเป็นต้องไปสนใจพวกเขา เจ้ารู้เพียงว่าดวงตาของเจ้าสวย พวกเขาอิจฉาริษยาเจ้าที่มีดวงตาคู่สวยถึงได้ตามสังหารเจ้า”
จอมมารเหมือนจะเข้าใจแต่ความเป็นจริงแล้วไม่เข้าใจ
ทว่ากู้ชูหน่วนนั้นเจ็บแปลบไปทั้งหัวใจ
นางจินตนาการไม่ออกเลยว่าเมื่อก่อนอาม่อใช้ชีวิตแบบไหนมา
หนึ่งประโยคที่แผ่วเบาลอยมาว่าเก็บอะไรได้กินอันนั้น…..
ด้วยการที่เขามีดวงตาคู่หนึ่งที่แปลกประหลาด และยังมีใครๆที่พากันร้องตะโกนไล่สังหาร เขาไปเก็บของกินที่ไหน?
บริเวณไกลๆมีเสียงผิดปกติดังมา บาดแผลบนร่างกายจอมมารจัดการเรียบร้อยแล้ว
กู้ชูหน่วนจูงเขาเดินมุ่งหน้าไปอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้น นางได้กระอักอาเจียนออกมาเป็นเลือด ทั้งตัวราวกับตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง หนาวสั่นระริกไม่หยุด คิ้ว ผมแข็งจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“หนาวมาก เรี่ยวแรงสักนิดหนึ่งก็ไม่มี เกิดอะไรขึ้น?”
กู้ชูหน่วนต้องการพาจอมมารไป เหตุใดทั้งร่างกายของนางถึงได้หนาวสั่นเหมือนเป็นจะแข็งเช่นนี้
การต่อสู้เมื่อครู่นี้ เหมือนนางไม่ได้ตกหลุมพลางการแว้งกัดอะไรของพวกเขานะ
“ท่านพี่หญิง ชี่และเลือดของท่านแย่ลงเสียดุลแล้ว”
“ชี่….ชี่เลือดเสียดุล?”
“ใช่สิ ก็คือฝึกวรยุทธ์อย่างรวดเร็ว ระดับความเร็วไม่ถึงเป้า”
กู้ชูหน่วนตัวสั่นระริกหยิบเข็มเงินออกมา เพื่อที่จะฝังเข็มรักษาให้ตนเอง
แต่นางหนาวเหลือเกิน จนไม่สามารถจับเข็มเงินไว้มั่นคงได้ นางจึงทำได้เพียงให้จอมมารช่วย
“ช่วย….ช่วยฝังจุดไป๋…จุดไป๋ฮุ่ยกับจุดจวี้เชวี่ย”
“จุดไป๋ฮุ่ยกับจุดจวี้เชวี่ยอยู่ตรงไหน?เข็มนี้ต้องฝังอย่างไร?”
“……”
“ท่านพี่หญิง อาม่อกลัว อาม่อไม่กล้า……”
กู้ชูหน่วนขดม้วนตัว
เมื่อครู่นางยังฝืนพูดได้
แต่ตอนนี้นางหนาวจนลิ้นแข็งแล้ว
หากไม่ใช่ว่านางพยายามฝืน เกรงว่าเป็นลมไปแล้ว จะยังมาตอบกลับจอมมารได้อย่างไร
กู้ชูหน่วนพยายามออกแรงทั้งหมดเพื่อที่จะสอนจอมมารฝังเข็ม
หูของจอมมารพยายามเอียงไปหานาง แต่ก็ฟังไม่ได้ประโยคใจความเลย
เขากล่าวด้วยความมึนงงขึ้นว่า“อาม่อไม่รู้ว่าท่านพี่หญิงกำลังพูดอะไร ท่านพี่หญิง ท่านทรมานมากใช่หรือไม่?”
ไร้สาระ
นางหนาวเหน็บจนจะเป็นประติมากรรมน้ำแข็งแล้ว ไม่ทรมานได้หรือ?